"อืม ความคิดเช่นนั้นก็ไม่เลวเท่าไหร่ การหมั้นนั้นจะถอนหมั้นเมื่อไหร่ก็ได้ ง่ายดายกว่าการที่จะแต่งงานกับนางด้วย"
ดาฟเน่ยกยิ้ม เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างดีใจ
"ข้าออกไปด้านนอก เห็นแปลงดอกกุหลาบงดงามมากทีเดียว..."
เขาจับผมของเธอขึ้นมาจุมพิตเบาๆ พร้อมกับจ้องมองเข้าไปในสายตาของเธอ
"ดอกกุหลาบสีแดงพวกนั้น คือดอกไม้ที่เจ้าชอบมากที่สุด เราช่วยกันปลูกมันขึ้นมาในตอนที่เรายังเด็ก"
อย่างนี้นี่เอง..มิน่าล่ะ ทุกที่ที่เธอไปล้วนแล้วแต่มีดอกกุหลาบมากมาย
อีสเซก้มหน้าซุกลงที่ซอกคอของดาฟเน่ ก่อนที่เขาจะอุ้มเธอขึ้นมา
"มีหลายอย่างที่ข้าอาจจะทำร่วมกันกับเจ้า หนึ่งในนั้นก็คือการโอบกอดเจ้าเอาไว้ในอ้อมแขนจนกว่าร่างกายของเราจะหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว...."
"หวังว่าอ้อมกอดของเจ้าจะอบอุ่นพอที่จะต้านทานความหนาวเหน็บของหิมะพวกนี้"
เขาอุ้มเธอขึ้นมาพร้อมกับพาเธอเดินกลับไปที่ห้องนอน เราบดขยี้ริมฝีปากเข้าด้วยกันอย่างเร่าร้อน ลิ้นของเขาและเธอสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวจนอุณหภูมิในร่างกายของเราสูงขึ้น เธอโอบกอดคอเขาเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกลงไป...
"...บางทีข้าก็คิดนะ ว่าวันข้างหน้าข้าอาจจะเดินไม่ได้เพราะเจ้าชอบจะอุ้มข้าตลอดเวลา จนขาทั้งสองข้างของข้ามิได้ใช้งาน"
เขาวางเธอลงบนเตียงพร้อมกับถอดกระดุมเสื้อของตัวเองออก
"เดินไม่ได้แล้วอย่างไร ต่อให้เจ้าเดินไม่ได้จริงๆข้าจะเป็นขาให้เจ้าเอง เจ้าอยากไปที่ใดข้าก็จะพาเจ้าไป..."
ดาฟเน่เองก็ถอดเสื้อคลุมและชุดเดรสของเธอออก เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเธอเองก็ต้องการอ้อมกอดของเขามาทำให้ร่างกายของเธออบอุ่นเช่นกัน
เราโอบกอดกันโดยไร้สิ่งกีดขวางอ้อมกอดของอีสเซนั้นอบอุ่นมากทีเดียว ที่เขากล่าวว่าจะหลอมละลายเธอ ท่าทางว่าจะไม่เกินจริงเสียแล้ว
เธอค่อยๆเลื่อนมือลงไปด้านล่างเพื่อกอบกุมความเป็นชายของเขา อีสเซพลิกตัวเพื่อให้ดาฟเน่อยู่ด้านบนแทน เธอค่อยๆเลื่อนตัวลงไปสัมผัสตัวตนที่แข็งขืนของเขา
เป็นครั้งแรกที่เธอมองเห็นมันชัดๆ ขนาดของมันใหญ่กว่าข้อมือเด็กเล็กน้อยอีก ดาฟเน่อ้าปากเพื่อชิมรสของมัน เมื่อรู้ว่ารสชาติของมันไม่ได้แย่เธอก็เริ่มที่จะอมมันเข้าไป
อีสเซลุกขึ้นนั่ง เขาจับที่เส้นผมนุ่มสลวยของเธออย่างทะนุถนอม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือครั้งแรกที่เธอทำรักให้กับบุรุษ เพราะท่าทางเงอะงะและไร้เดียงสาของเธอมันทำให้เขาแปลกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาราวกับกำลังกล่าวถามว่าทำเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่
"ดูดมันแรงๆสิดาฟ ข้าไม่เจ็บหรอกหากว่ามันไม่โดนฟันของเจ้า ใช้ลิ้นของเจ้าเลียไปรอบๆด้วยสิ..อึ่ก!! ใช่แล้วแบบนั้น!!"
เขาหลับตาลงพร้อมกับร้องครางในลำคออย่างทนไม่ไหว ในปากของเธอมันช่างคับแคบอีกทั้งลิ้นที่ชุ่มชื่นนั้นกำลังพันรอบแก่นกายของเขา
"...ข้าขอเสร็จเลยได้รึเปล่า"
ดาฟเน่ชะงักเล็กน้อย แต่ทว่าก็มิได้หยุดการกระทำของเธอลง กับอีสเซเธอมิได้รังเกียจเลย...อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาอ่อนโยนกับเธอมาตลอด แก่นกายของเขากระตุกในปากของเธอก่อนที่จะน้ำสีขาวขุ่นจะพุ่งเข้ามาในปาก
"อ่า!!.."
มันกระตุกอีกหลายครั้งก่อนที่เขาจะจับคางของเธอเอาไว้
"กลืนลงไปสิดาฟ อย่าให้มันไหลออกมา.."
เขาค่อยๆดึงแก่นกายของเขาออกไปจากปากเธอช้าๆ ดาฟเน่หลับตาลงพร้อมกับกลืนมันลงไป มันไม่มีกลิ่นและรสชาติของมันเหนียวๆอย่างบอกไม่ถูก
อีสเซอุ้มเธอขึ้นไปบนเตียง คราวนี้เขาอุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนตักพร้อมทั้งให้เธอหันหน้ามาหาเขา ลิ้นที่เรียวเล็กของเขากำลังเกี่ยวหวัดที่ยอดอกของเธอเบาๆ
"หากว่าเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้...เช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบเจอเจ้าอยู่บนเตียงมันทรมานเกินกว่าที่ข้าจะทำใจได้..."
และยิ่งคิดว่าเธอตื่นมาบนเตียงของลอร์ดมาเดลีน ในใจพลันเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ดาฟเน่หลับตาลงเธอบดเบียดเอวลงไปเสียดสีกับตัวตนของเขาช้าๆ
"แค่นี้ก็แฉะแล้วงั้นหรือ? ความรู้สึกไวจังนะ..."
เขาโอบกอดเธอเอาไว้พร้อมกับสอดใส่เข้าไปในครั้งเดียว มันกระแทกเข้าไปลึกถึงด้านในจนเธอรู้สึกจุก
"อีสเซ!!"
"เจ้าพร้อมขนาดนี้แล้ว ยังเจ็บอีกงั้นหรือ?"
เธอจะบอกเขายังไงดีว่ามันมิได้เจ็บ แต่มันจุกและเสียวมากๆต่างหาก!!
"วันนี้เรามาทำแบบที่ทำกันเป็นปกติดีกว่า ข้าจะรื้อฟื้นความจำให้เจ้าเอง ดีไหม?"
ดาฟเน่ส่ายหน้าเบาๆแต่อีสเซมิได้สนใจ เขาวางเธอนอนลงพร้อมกับลุกขึ้นไปหยิบแท่งหินอ่อนสีขาวขึ้นมา
เขาพลิกตัวของดาฟเน่ให้นอนคว่ำ ในท่าคุกเข่า ก่อนจะตีที่บั้นท้ายเธออย่างแรงด้วยความมันเขี้ยว ผิวสีขาวนวลของเธอเป็นรอยแดงรูปฝ่ามือขึ้นมาทันที
"ครางออกมาดังๆสิดาฟ ความเจ็บปวดของเจ้าจะน้อยลง หากว่าได้เปล่งเสียงร้องออกมา"
บรรยายความรู้สึกตอนนี้ได้อย่างยากลำบากมากทีเดียว เพราะเธอมองไม่เห็นว่าเขากำลังจะทำอะไร
"อื้อ!! อ๊ะ..อ๊า!!"
อีสเซกดตัวตนของเขาให้มันมุดไปด้านในอีกครั้ง ด้านในของเธอยังคงตอดรัดอย่างรุนแรงราวกับว่าดาฟเน่กำลังรู้สึกดี
"จะทำให้เสียวกว่านี้เอง ผ่อนคลายหน่อยที่รัก อย่าเกร็งไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะเจ็บได้"
เขาป้วนน้ำลายลงไปที่รูด้านหลังของเธอก่อนจะใช้แท่งหินอ่อนคลึงด้านนอกช้าๆ ขนาดของแท่งนี้มิได้ใหญ่มาก ประมาณนิ้วหัวแม่มือเท่านั้น ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการเริ่มต้นของเธอ เขาควรจะเริ่มจากระดับเบาๆไปก่อน หากเธอคุ้นชินเราทั้งสองคนค่อยทำในระดับที่รุนแรงและถึงใจมากกว่านี้
อีสเซออกแรงกดมันลงไปช้าๆ
"อื้ออ!!.. อีสเซ!! "
เธอหายใจหอบเหนื่อยพร้อมกับกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นจากแท่งหินอ่อนที่ค่อยๆเข้าไปด้านในทีละนิด และเขามิยอมให้เธอได้พักหรือว่าตั้งหลักเลย เพราะอีสเซขยับเอวทันทีที่แท่งหินอ่อนเริ่มเข้าไป...
สติของเธอมันจางหายไปหมดพร้อมกับสมองที่ขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก ดาฟเน่ทำได้เพียงส่งเสียงร้องครางออกมาเท่านั้น เธอสัมผัสได้ถึงขาของเธอที่มันกำลังสั่นเทาจนจะคุกเข่าเอาไว้ไม่อยู่ เขาขยับแท่งหินอ่อนในจังหวะเดียวกันกับที่เขาขยับเอว ถึงจะมองไม่เห็นแต่ความรู้สึกของเธอบอกได้เลยว่ามันกำลังเสียดสีกัน..อยู่ด้านใน
ตัวของเธอกระตุกอย่างแรงพร้อมกับขาที่ไร้เรี่ยวแรงจนเธอนอนราบไปกับพื้น น้ำหล่อลื่นของเธอมันไหลลงมาจนเปรอะเปื้อนที่ขา
เขาค่อยๆพลิกตัวเธอให้นอนหงายโดยที่ยังไม่เอาแท่งหินอ่อนออก
"รู้สึกดีใช่ไหม แววตาเช่นนี้ค่อยสมกับเป็นเจ้าหน่อย..."
"มะ..ไม่ไหวแล้วอีสเซ มัน..อื้อ!!"
เขาใช้นิ้วนวดคลึงที่ติ่งเสียวของเธอเร็วๆ จนดาฟเน่ถึงกับกรีดร้องออกมา เธอเสร็จสมอีกครั้งอย่างง่ายดายโดยนิ้วของเขา
อีสเซจุมพิตที่หน้าผากของเธอก่อนที่เขาจะโอบกอดเธอเอาไว้เพราะดาฟเน่สลบไปแล้ว...เขาใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาทำความสะอาดร่างกายให้เธอ
ดวงตาที่รื้นไปดวงน้ำตาของเธอ ยามที่มองมาที่เขามันช่าง...งดงามตราตรึงใจอย่างบอกไม่ถูกเลย...
........
ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาที่เมอลิน กว่าอีสเซจะยินยอมให้เธอกลับมาก็ทำเอาต้องขอร้องอยู่นานทีเดียว อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้เขาจะเข้าพิธีหมั้นกับเลดี้จาเมล อย่างน้อยอาจจะยื้อตาเฒ่าพวกนี้ได้สักพัก และพิธีหมั้นก็ประกาศออกมาแล้วโดยไม่มีใครคัดค้าน
ดาฟเน่เขียนจดหมายไปหากาเลนเพื่อนัดพบเขาทันทีที่เธอมาถึงเมอลิน และเขาเองก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วทันใจ ว่าวันนี้เขาว่างพอดี เราทั้งสองก็เลยนัดเจอกันในช่วงเย็น
เบซิลดูดีขึ้นมากทีเดียว ไอลาพาบีเซนกับเบซิลไปตัดผมและพาไปซื้อเสื้อผ้า ของใช้อีกมากมาย ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่จำเป็นต้องมีอัศวินประจำตัวแล้วเพราะว่าเธอจัดการเรื่องมือสังหารไปเรียบร้อย แต่ก็ยังคงไว้วางใจอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรการมีอัศวินคอยคุ้มครองก็อาจจะดีกว่า ช่วงนี้เธอให้เขาเรียนเรื่องการติดต่อค้าขายกับพ่อบ้านด้วย เธอคิดจะปั้นก้อนกรวดนี้ให้เป็นเพชรให้ได้ เขาจะต้องทำงานแทนเธอได้ทุกอย่างและวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นเพื่อนคู่คิดและที่ปรึกษาของเธอ
ถึงแม้ว่าหัวใจของเธอมันจะเต้นแรงมากๆตอนอยู่กับอีสเซ แค่ความรักของเธอกับเขามันเป็นราวกับความรักต้องห้าม ไร้หนทางได้เดินเคียงคู่กัน... ตรงนี้เดี๋ยวค่อยหาทางแก้กันไปเธอขอถามตัวเองให้แน่ชัดอีกทีว่าเธอรักเขาจริงๆรึเปล่า
"เบซิลไปสืบเรื่องของนักเวทจาเมลมาให้ข้าหน่อยสิ ปลายปีที่แล้วเขานัดเจอกับใครและมีความเคลื่อนไหวแปลกๆอะไรน่าสงสัยรึเปล่า?"
"ครับท่านหญิง"
"เจ้าไปเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะออกไปข้างนอกแบบลับๆ เข้าไม่ต้องตามไปหรอก ฝากเรียกรถม้ารับจ้างให้ด้วยล่ะ ข้าไม่อยากใช้รถม้าที่มีตราของตระกูล"
เบซิลก้มหน้าลงก่อนจะเดินจากไป
"พ่อบ้านข้าขอดูรายจ่ายของข้า ปลายปีที่แล้วถึงต้นปีให้ข้าหน่อยสิ ขอภายในวันพรุ่งนี้.."
"ครับท่านหญิง "
พ่อบ้านชราก้มหน้าลงก่อนจะเดินจากไป รายจ่ายของท่านหญิงนั่นมีมหาศาลชนิดที่ว่าคืนนี้ทั้งคืนก็อาจจะรวบรวมมาไม่เสร็จเลยล่ะ!!