เรื่องราวในอดีตเป็นเช่นไร เธอไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย ที่กาเลนกล่าวมานั้นอาจจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือก็ได้ เหตุใดปัญหาในชีวิตของดาฟเน่ถึงมีต้นกำเนิดจากอีสเซไปซะหมด
"เจ้าจะกลับรึยัง ให้ข้าไปส่งไหมนี่ก็ดึกมากแล้ว"
"ไม่เป็นไร ข้ามีที่ที่ต้องแวะไปก่อนกลับ เจ้าไปเถอะ"
เธอตั้งใจว่าจะแวะไปที่ร้านขายอาวุธเสียหน่อยเพราะว่ามันเป็นทางผ่าน
กาเลนลุกขึ้นพร้อมกับยักคิ้วให้ดาฟเน่เพื่อเป็นการบอกลา เขาว่าจะไปที่ซ่องโสเภณีเพื่อหาสตรีสักคนไปนอนกอดคืนนี้..
ดาฟเน่คว้าหมวกปีกกว้างขึ้นมาสวมก่อนที่เธอจะเดินออกประตูด้านหน้า เพราะกาเลนเดินออกประตูด้านหลัง คืนนี้หิมะหยุดตกแล้วแต่ความหนาวเย็นยังคงอยู่ เพราะอากาศที่เหน็บหนาวทำให้บนถนนในยามค่ำคืนนี้ไร้ผู้คน
คฤหาสน์เมอลินอยู่ไม่ไกล ถึงจะไม่มีรถม้าผ่านเธอก็สามารถเดินกลับคฤหาสน์ได้อย่างสบายๆ ความเงียบปกคลุมรอบตัวเธอ ตอนนี้ได้ยินเพียงเสียงรองเท้าที่เหยียบย่ำลงไปบนพื้นหิมะ เธอเงยหน้าขึ้นมามองที่ชายผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
ท่ามกลางแสงไฟที่มืดสลัว เขายืนพิงเสาไฟด้วยท่าทีสบายๆราวกับรอใครอยู่ เขามองมาที่เธอพร้อมกับเดินเข้ามาหา
"ออกมาได้สักที ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า!"
ลาร์ซจับข้อมือของดาฟเน่ให้เดินตามเขาเข้าไปที่โรงแรมอย่างรวดเร็ว ชั้นบนสุดของโรงแรมคือห้องนอนที่หรูหรา และโรงแรมนี้คือโรงแรมของมาเดลีนที่ดาฟเน่และเขาลงทุนร่วมกัน
"มีอะไร?"
"ข้าได้ข่าวมาว่าองค์จักรพรรดิจะทรงเข้าพิธีหมั้นกับเลดี้จากตระกลูจาเมล"
ดาฟเน่เดินไปที่หน้าต่าง เธอมองวิวทิวทัศน์ด้านล่างด้วยหัวใจที่สงบ
"แล้ว?"
เขาเหลือบมองแผลที่คอของเธอพร้อมกับเดินเข้าประชิดตัวเธออย่างรวดเร็ว ถึงเธอจะใส่เสื้อคอสูงแต่เขาก็เห็นแผลนั่นได้ชัดเจน!
"เขาทำร้ายเจ้างั้นหรือ?"
"ลาร์ซ ท่านเป็นบ้าอะไรกันแน่ ความสัมพันธ์ของเรามันไม่ได้สนิทกันขนาดที่จะมาถามสารทุกข์สุกดิบ หากไม่มีเรื่องสำคัญอะไรข้าก็จะกลับแล้ว!!"
เขาเอง...ก็อยากจะถามตัวเองเช่นกันว่าเขาเป็นบ้าอะไรกันแน่ เขารีบมาหาเธอ ทันทีที่องค์จักรพรรดิประกาศว่าจะหมั้น
เขามาหาเธอทำไมกันนะ?
"นอนที่นี่เถอะ อากาศข้างนอกเย็นนักเจ้าอาจจะไม่สบายได้"
หลังจากที่ลาร์ซกล่าวจบหิมะก็ตกลงมาทันที ดาฟเน่ถอนหายใจก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียง หิมะตกเช่นนี้เธอคงจะเดินกลับไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็นอนที่นี่เถิด
"...ไม่ออกไปรึไง!!"
เขาล้มตัวนอนลงเคียงข้างเธอ พร้อมกับหลับตา
"หิมะตกเช่นนั้นข้าก็กลับไม่ได้เช่นกัน"
"กลับไม่ได้ท่านก็ควรจะไปนอนห้องอื่น!!"
"มิได้ เพราะโรงแรมของเรามีคนเข้าพักเต็มแล้ว นอนที่นี่แหละน่า"
เธอมิได้กล่าวคำใดต่อ ดาฟเน่หลับตาลง กับลาร์ซมันแตกต่างกันกับเวลาที่อยู่กับอีสเซ ตรงที่เธอไม่ต้องคอยเอาอกเอาใจเขา เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองและแสดงด้านนิสัยที่ไม่ดีได้เต็มที่ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอรู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าเธอจะทำเช่นไรเขาก็เกลียดเธออยู่แล้ว
พอเธอตื่นเช้ามาเขาก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ดาฟเน่ลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปล้างหน้าเพื่อกลับคฤหาสน์เมอลิน เธอคิดว่าเธอตื่นเช้าพอสมควรเพราะนาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงเช้าแต่ลาร์ซกลับตื่นไวกว่า บนถนนยังคงร้างผู้คนเช่นเดิม อาจจะเป็นเพราะเวลายังเช้าอยู่และอากาศวันนี้ก็ถือว่าเลวร้ายขั้นสุด เพราะมันหนาวจับใจ
ดาฟเน่เดินมาไม่นานก็ถึงคฤหาสน์เมอลิน เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับมานั่งทำงานเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเอกสารการเปิดกาสิโนที่ใหม่ของมาเดลีน บนโต๊ะคือจดหมายหย่าที่ลงประทับตราของเธอและลาร์ซเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้ครบห้าปีเท่านั้นเธอและเขาก็จะเป็นอิสระต่อกัน
และงานสำคัญของเธอในวันนี้ก็คือการตรงดูรายจ่ายของดาฟเน่เมื่อช่วงปลายปีจนถึงต้นปี หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่นใจ
เสื้อผ้า
เครื่องประดับ
ซื้อที่ดินให้ชายบำเรอ...
มีแต่รายจ่ายที่เรียกได้ว่าไร้สาระสุดๆไปเลย แต่ทว่าดันไม่มีรายจ่ายไหนที่เป็นเงินก้อนใหญ่ ทุกรายจ่ายนั้นเป็นเพียงรายจ่ายก้อนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
ไม่ใช่งั้นหรือ... เธอสงสัยเรื่องที่เปล่าประโยชน์งั้นหรือ?
ดาฟเน่วางกระดาษมากมายลงบนโต๊ะก่อนทึ่เธอจะลุกขึ้นมานอนบนโซฟาตัวยาว... เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้นไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันเลย
เธอหลับตาลงช้าๆ
มัน..อาจจะดีแล้วก็ได้ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน...
..........
หนึ่งปีผ่านไป
วันนี้เป็นวันหย่าของเธอและลาร์ซ เราทั้งสองมาหย่ากันเงียบๆ เพราะเราทั้งสองคนต่างก็ยินยอมในการหย่าร้างครั้งนี้ เธอเขียนชื่อลงในกระดาษ
ดาฟเน่ เมอลิน
ไม่ใช่มาเดลีนแล้วแต่เป็นเมอลิน...
องค์จักรพรรดิหมั้นกับเลดี้จาเมลเรียบร้อย หลังจากหย่าเธอก็ใช้ชีวิตเงียบๆอย่างสงบสุขเพราะอีสเซในช่วงหนึ่งปีมานี้เขายุ่งมากกับสงครามที่ชายแดน ถึงเธอจะมิได้ตามข่าวแต่ลูอีสได้เลื่อนขั้นเป็นเคาน์เพราะเขาสามารถนำชัยชนะมาให้บาทีเรี่ยนได้
ส่วนเธอกับลาน์ซยังคงต้องเจอกันบ่อยๆเพราะมีธุรกิจมากมายที่เธอกับเขาทำร่วมกัน ที่น่าขำก็คือเราทะเลาะกันน้อยกว่าตอนที่ยังเป็นสามีภรรยา อาจจะเป็นเพราะความสนิทสนมในช่วงเวลาที่ผ่านมามันทำให้เธอมองเขาเป็นสหายผู้หนึ่ง
ตระกูลจาเมลที่ให้เบซิลไปสืบก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรที่แปลกไป ตัวเธอเองก็เลย เลิกสงสัยในเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะมันน่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน
"มีจดหมายเชิญมาจากทางพระราชวังค่ะท่านหญิง"
บีเซนส่งจดหมายให้เธอพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างดีใจเพราะที่ซองจดหมายระบุชัดเจนว่าเป็นงานเต้นรำ
งานเลี้ยงต้อนรับเคาน์มาริติน ลูอีส
อีสเซพระราชทานชื่อตระกูลใหม่ให้ลูอีสด้วยสินะ ท่าทางความโกรธแค้นในอดีตจะจางหายไปแล้วล่ะสิ
"ท่านหญิงจะให้ข้าเรียกมาดามเรซินมาวัดตัวตัดชุดไหมคะ"
"อืม เรียกมาก็ดี เพราะข้าไม่อยากออกไปไหน"
ไอลาขอลาออกเพื่อไปดูแลครอบครัว อีสเซคงจะปล่อยครอบครัวเธอให้เป็นอิสระแล้วสินะ เรื่องราวร้ายๆพัดผ่านไปราวกับสายลงในฤดูร้อน และชีวิตของดาฟเน่ตอนนี้มีความสุขมากจริงๆเพราะนี่คืออิสระที่เธอต้องการ เธอออกไปปาร์ตี้กับกาเลนบ้างในวันที่รู้สึกเหงา ทำงานและหาเงินเอาไว้บริหารดูแลเมอลิน อยากทำอะไรก็ทำ และที่สำคัญที่สุดเธอไม่ต้องคอยเอาอกเอาใจใคร
เธอไม่ได้เข้าวังนานแล้ว บางทีอีสเซและเลดี้จาเมลอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็เป็นได้ เวลาจะช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้มากทีเดียว เพราะว่าเธอค่อนข้างมั่นใจว่าเธอในตอนนี้ไม่ได้รักใครเลย เธอโสดและมีความสุขสุดๆไปเลย!!
"คืนนี้ให้ข้าแกล้งๆไปขอเจ้าเต้นรำดีไหม?"
กาเลนกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
"เจ้าก็รู้ว่าการเต้นรำคือสิ่งที่ข้าไม่ถนัด ข้าจะไปรอเจ้าที่โต๊ะเครื่องดื่มก็แล้วกัน"
ดาฟเน่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูหวานที่ปักลายดอกกุหลาบสีขาว เมื่อมันมาอยู่บนตัวของเธอทำให้ดูงดงามราวกับภาพวาด ทว่าดาฟเน่อายุจะยี่สิบห้าแล้ว หากจะนับกันจริงๆเธอคือสตรีที่เลยวัยแต่งงานอีกทั้งยังเคยมีประวัติหย่าร้าง นั่นทำให้บุรุษมากมายต่างก็ไม่ค่อยเข้าหาเธอถึงแม้ว่าเธอจะงดงามแค่ไหน
"คนเยอะมากกว่าที่คิดแฮะ..รู้สึกยังไงที่จะได้ร่วมงานเฉลิมฉลองของชายชู้คนเก่าที่เป็นวีรบุรุษสงคราม"
"ขอร้องล่ะกาเลน ข้าไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ นอกจากว่าข้าอยากที่จะกลับบ้านแล้ว"
"ให้ตายเถอะ เราพึ่งถึงนะดาฟเน่!"
เธอควงคู่มากับแกรนด์ดยุคเพียงหนึ่งเดียวของจักรวรรดิ เพียงแค่นั้นก็สามารถเรียกสายตาทุกคู่ในงานมาจับจ้องที่ใบหน้าของเธอแล้ว
"ไปเถอะกาเลน หากอยู่กับข้าเดี๋ยวคืนนี้เจ้าอาจจะมิได้สตรีกลับไปนะ"
เขาหัวเราะเบาๆพร้อมกับเดินไปอีกทาง และแน่นอนดาฟเน่เดินตรงไปที่โต๊ะเครื่องดื่ม เธอหยิบไวน์ขึ้นมาหนึ่งขวดพร้อมกับเดินออกไปด้านนอกงาน เธอปรายตามองสวนดอกกุหลาบขนาดใหญ่ พอมาชมใกล้ๆเช่นนี้แล้ว มันงดงามมากกว่าที่คิด
เพราะว่ากุหลาบแปลงนี้ เธอมิเคยได้มีโอกาสมาชมใกล้ๆ แต่เธอสามารถมองมันลงมาจากห้องนอนของอีสเซ ไวกว่าความคิดก็คือสายตาของเธอมันมองขึ้นไปด้านบน มองไปยังผ้าม่านที่ปิดสนิทของเขา
คิดบ้าบออะไรอยู่ดาฟเน่!! เธอตัดใจไปแล้วไม่ใช่รึไง!!
เธอรินไวน์ใส่แก้ว ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมของมัน พร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม
"เหตุใดมานั่งอยู่เช่นนี้?"
เธอมิได้หันหลังไปมอง เพราะว่าเธอไม่อยากรับรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร ก็คงจะเป็นบุรุษที่ตามมาจีบเธอ..
"ข้าพยายาม อย่างหนักเพื่อให้มีวันนี้ เพื่อให้ท่านเห็นถึงความมั่นคงและจริงใจในความรักของข้า!!"
ลูอีสเดินเข้ามาโอบกอดดาฟเน่จากด้านหลัง
"และคราวนี้ข้าจะเป็นคนตามจีบท่านเอง..."
เธอหันไปมองชายหนุ่มที่โอบกอดเธออยู่ด้วยอาการตกใจ ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลาเช่นเดิมแต่ที่เปลี่ยนไปคือกลิ่นอายรอบๆตัว เขามิใช่เด็กหนุ่มเอาแต่ใจคนเดิมอีกแล้ว แต่กลายเป็นชายที่ดูเจ้าเล่ห์และน่าเกรงขาม
เขาเขียนชื่อเขาตัวเองลงไปในบัตรเต้นรำที่ข้อมือเธอ
"มิทราบว่าเลดี้ดาฟเน่ จะให้เกียรติเต้นรำกับข้าได้หรือไม่? และหากว่าท่านไม่เดินตามข้าไปดีๆ ข้าจะอุ้มท่านเข้าไปเอง!"
"..มะ..ไม่"
ลูอีสทำท่าจะเดินเข้ามาอุ้มเธอ
"ไม่ต้องอุ้ม ข้าจะเดินไปเอง บอกไว้ก่อนว่าข้าเต้นรำห่วยมาก"
"โชคดีจริงๆที่ข้าใส่รองเท้าหนัง เชิญเหยียบเท้าข้าได้ตามสบายเลยครับ"