เธอโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะพร้อมกับถอนหายใจ เธอรู้ดีว่าข่าวพวกนี้มิอาจทำลายชื่อเสียงของดาฟเน่ได้ แต่ก็อดหวาดหวั่นมิได้
เธอถูกลอบสังหาร มีใครบางคนพยายามจะฆ่าเธอ!
อ่า ควรจะวิตกกังวลเรื่องใดก่อน ทั้งเรื่องที่จะตายหากมิได้หลับนอนกับชายสักคนในคืนนี้ หรือจะถูกลอบสังหารตายไปเสียก่อน
สตรีผู้นี้ก็ขยันสร้างเรื่องและสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แทบจะทุกคนคือศัตรูกับดาฟเน่ทั้งบุรุษและสตรี จะบอกว่าหาคนที่เป็นมิตรกับดาฟเน่ไม่เจอเลยน่าจะดีกว่า!
อิสเซส่งองครักษ์มาคอยคุ้มกันเธอ ชายผู้นี้เองก็น่ากลัวไม่แพ้กันยังมิอาจไว้วางใจและปล่อยให้ชีวิตของเธออยู่ในความดูแลของเขาได้
"สีเหลืองอ่อนดูดีนะคะ หรือว่าท่านหญิงชอบสีชมพู?"
ไอลาถามพร้อมกับยกชุดให้เธอเลือก ดาฟเน่โบกมือราวกับว่าเธอกำลังใช้ความคิด
"ตัวไหนที่เจ้าว่าดีก็เอาตัวนั้น เครื่องประดับ รองเท้าหรือว่ากระเป๋าก็เช่นกันเจ้าเลือกได้เลย"
ไอลาส่งยิ้มให้เธอก่อนจะขนชุดเดินออกไปจากห้อง คืนนี้ก็แค่เลือกบุรุษมานอนด้วยสักคน ส่วนพรุ่งนี้เช้าเธอควรจะไปหาอัศวินที่เก่งกาจมาคุ้มครองเธอ ต้องเป็นคนของเธอเองถึงจะสามารถเชื่อใจได้
ถึงการวางแผนลอบสังหารครั้งนี้จะชี้เป้าไปที่ลาร์ซแต่บางอย่างในใจของเธอมันบอกว่าไม่ใช่เขา เขาไม่น่าเป็นคนที่กระทำเรื่องลับหลังเช่นนี้
ชื่อเสียงของลอร์ดมาเดลีนยิ่งใหญ่มากทีเดียว เวด้ายังเคยไปยืนดูขบวนอัศวินของเขาที่นำพาชัยชนะเข้ามาสู่ราชอาณาจักรบาทีเรี่ยน บนหลังม้านั่นคือท่านลอร์ดผู้เก่งกล้าสามารถ ผิวกายที่คล้ำจากการถูกแดดแผดเผานั่นมิอาจปิดบังความหล่อเหลาของเขาได้เลย...เขาโบกมือให้กับชาวบ้านในยามที่ขี่ม้าผ่านอย่างไม่ถือตัว ดูราวกับว่าเขาคือชนชั้นสูงที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ
แต่ก็นั่นแหละ กับคนอื่นเขาอาจจะดีแต่กับภรรยาที่คบชู้อย่างเปิดเผยเช่นดาฟเน่มิใช่คนที่จะสามารถทำดีด้วยได้เลย...
เพราะฉะนั้นก็ยังไม่สามารถไว้วางใจลาร์ซได้เลย และควรจะเพิ่มความระวังจากเขาให้มากขึ้นกว่านี้ด้วย
"มาเตรียมตัวเถอะค่ะท่านหญิง..."
ไอลาเข้ามาพาเธอไปอาบน้ำที่ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมต้องอาบนานขนาดนี้ ผิวกายของเธอถูกถูไปมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งน้ำมันดอกกุหลาบ น้ำมันหอมระเหยต่างๆ
"ปกติแล้วท่านหญิงชอบงานเลี้ยงที่สุดนี่คะ เหตุใดถึงทำหน้าราวกับเบื่อหน่าย"
ดาฟเน่มองที่กระจกที่กำลังสะท้อนใบหน้าที่งดงามของเธอ และไอลาที่กำลังบรรจงดัดผมยาวสลวยให้เป็นลอน
"ข้าชอบงานเลี้ยงขนาดนั้นเลยหรือ?"
"ค่ะ ท่านหญิงค่อนข้างจะพิถีพิถันในการแต่งกายพอสมควร ชุดที่ใส่ไปงานเลี้ยงจะต้องประณีตและงดงาม อีกทั้งใบหน้าและทรงผมก็จะต้องเข้ากันกับชุด"
ดาฟเน่ถอนหายใจ ถึงในชีวิตของเวด้าจะเป็นชนชั้นสูงแต่เธอเป็นเพียงแค่บุตรสาวของบารอนจนๆผู้หนึ่ง อย่างว่าแต่งงานเลี้ยงเลย เวลาจะพักยังแทบไม่มี เธอทำไร่อย่างหนักเพื่อหาเงินทุนมาเปิดร้านขายอาวุธตามที่ท่านพ่อใฝ่ฝันเอาไว้ ร้านของเรากำลังประสบความสำเร็จ ปืนที่เธอออกแบบกำลังขายได้ด้วยดีและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ว่าทุกอย่างก็พังทลายลงมา
ไม่เหลืออะไรเลย บ้านที่ตระกูลฮันสันก็ถูกเผาจนวอดวายไปหมด...
ที่น่าโมโหที่สุดคือตัวการดันมาด่วนตายจากไปโดยที่เธอไม่ทันได้แก้แค้นใดๆเลย!!
"เสร็จแล้วค่ะ ท่านหญิงเหมาะกับการปล่อยผม ชุดสีเหลืองอ่อนเช่นนี้จะช่วยขับผิวและใบหน้าที่งดงามของท่านหญิง ขอให้มีค่ำคืนที่ดีงามนะคะ"
ค่ำคืนที่ดีงาม? แน่ล่ะ
วันนี้เธอก็แค่ทำตัวเป็นดาฟเน่ในยามปกติ แล้วเลือกผู้ชายสักคนมานอนด้วย ง่ายจะตายไป...
ซะที่ไหนละโว้ย!!
ต้องไปพูดยังไง ต้องชวนคุยแบบไหนถึงจะสามารถพากันไปที่เตียงได้ เธอเคยกระทำเช่นนี้ที่ไหนกันล่ะ นี่มันยากเย็นชะมัด!
พอรถม้ามาจอดที่ทางเข้าพระราชวัง ก็มีสตรีมายืนรอเธออยู่
"...ท่านหญิงงดงามมากเลยค่ะ"
ดาฟเน่มิได้กล่าวสิ่งใดเพราะว่าในใจยังคงวิตกกังวลอยู่กับการต้องชวนบุรุษสักคนมาร่วมหลับนอนในคืนนี้ให้ได้!
อีสเซยืนรอเธออยู่หน้าห้องโถงจัดงาน เขาส่งแขนให้เธอควงเข้างานพร้อมกับส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน สตรีที่เดินตามหลังมาต่างพากันหน้าแดงไปตามๆกันเพราะองค์จักรพรรดิอิสเซนั่นหล่อเหลามากทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้ดาฟเน่ก็คิดเช่นนั้น
กับชายผู้นี้เพียงแค่เธอเอ่ยปากออกไป เขาคงจะยินยอมร่วมรักกับเธออย่างไม่คิดปฏิเสธ ทว่าในใจกลับยอมรับได้ลำบากเพราะว่าเขามิได้รักเธอแต่ว่าเขารักดาฟเน่คนเก่า...
เอาเถอะ หากว่าหาใครไม่ได้จริงๆค่อยพึ่งพาอีสเซก็แล้วกัน แต่เธอจะถือว่าเขาคือตัวเลือกสุดท้ายเพราะเธอไม่อยากพ่ายแพ้ให้กับดาฟเน่ตัวจริงไปมากกว่านี้แล้ว!
"เต้นรำกับข้าได้ไหม?"
"ทั้งที่ท่านก็รู้คำตอบอยู่แล้วก็ยังมาถามข้า อีสเซ..ท่านก็รู้ว่าข้ามิชอบเต้นรำ"
"....เช่นนั้นคืนนี้อยู่ด้วยกันได้รึเปล่า หรือว่า...เจ้าอยากจะไปอยู่กับคนอื่น"
"เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคุยเถอะค่ะ เลดี้ที่งดงามในค่ำคืนนี้ต่างรอคอยให้ท่านไปขอเต้นรำอยู่ รีบไปเถิด"
อีสเซส่งสายตาที่เศร้าสร้อยมองมาที่เธอ เขาเดินจากไปเพื่อเลือกสตรีสักคนมาเต้นรำด้วย ส่วนดาฟเน่รีบปลีกตัวออกมานั่งด้านหน้าสวนอย่างรวดเร็ว เธอเดินออกมาพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ
ทั้งที่รู้ว่าหนีออกมานั่งเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่เธอทนสายตาที่น่าอึดอัดพวกนั้นไม่ไหว ทุกคนต่างมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เป็นมิตรแต่ความในใจของพวกเขามันมิใช่เช่นนั้น
เป็นเพราะเดินมาพร้อมกับองค์จักรพรรดิ ทุกคนถึงต้องเกรงใจ เพราะว่าเธอมีอำนาจจากความสัมพันธ์ที่ผิดปกติกับอีสเซ ทุกคนก็เลยพยายามเข้าหาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากเธอ โดยเฉพาะกับบุรุษ...
ดาฟเน่ยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มพร้อมกับเอนหลังพิงเก้าอี้นั่ง ที่ด้านข้างของเธอคือทุ่งดอกกุหลาบขนาดใหญ่ วันนี้ฝนไม่ตก ที่จริงก็ไม่ตกมานานแล้ว ลมหนาวในยามค่ำคืนพัดผ่านผิวกายของเธอไปจนสัมผัสได้ถึงเหมันต์ฤดูที่ใกล้จะมาถึง
หิมะจะตกลงมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ แต่ถ้าเธอยังนั่งอยู่เช่นนี้เธอจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะสัมผัสหิมะ เธอจะตายเพราะศักดิ์ศรีที่อัดแน่นอยู่ในใจ
ทั้งที่ตั้งใจจะสู้แท้ๆแต่พอเอาเข้าจริง นี่มิใช่เรื่องราวที่จะกระทำได้โดยง่าย เธอเติบโตในครอบครัวที่ท่านพ่อและท่านแม่รักกันอย่างสุดหัวใจ ท่านแม่พร่ำสอนเสมอว่าเป็นสตรีควรจะทำตัวให้คู่ควรกับความรักที่ล้ำค่าของบุรุษ แต่เธอทำเช่นนั้นมิได้แล้ว มิอาจใช้ความรักมาเกี่ยวข้องได้อีกเมื่อเวลามันบีบคั้นเช่นนี้
ดาฟเน่วางแก้วลงก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอหมุนตัวเพื่อที่จะเดินเข้างานด้วยหัวใจที่ตั้งมั่น หากว่าเธอเจอบุรุษสักคน คนแรกที่เธอเจอเธอจะเข้าไปถามเขาว่าจะสามารถมีค่ำคืนที่งดงามกับเธอได้รึเปล่า!!
"ปึก!!"
"ตุบ!!"
มีชายผู้หนึ่งเดินมาพอดีและในขณะที่เธอหมุนตัวมันไปชนเข้ากับเขาอย่างแรง ทำให้เราทั้งสองคนล้มลงไปกองที่พื้น มันไม่รู้สึกเจ็บเพราะว่าเธอล้มลงบนตัวของเขา
"...."
"...คิดว่าตัวเองตัวเบามากสินะถึงไม่ยอมลุกขึ้นไปสักที!"
ดาฟเน่ลืมตาขึ้นมามองหน้าของเขา ที่จริงน้ำเสียงที่ดูหมิ่นดูแคลนเช่นนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร เขาคือลาร์ซสามีของเธอเอง!!
เราสบสายตากันครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหันไปมองทางอื่น
กับเขาไม่ได้เด็ดขาด! คนที่ไม่รู้ว่าเป็นคนสั่งฆ่าเธอรึเปล่าจะไปนอนกับเขาได้อย่างไร?
แต่อย่างน้อยเขาก็คือสามีของเธอ ความรู้สึกผิดบาปในใจยามร่วมรัก...มันอาจจะน้อยลงไปนิดหนึ่งก็ได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของไวน์ที่เธอดื่มมา หรือเป็นเพราะการนั่งทำใจเป็นเวลานานของเธอ ดาฟเน่ก้มหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากของเธอกับริมฝีปากบางของเขา เธอยกมือขึ้นมาบีบคางของเขาให้เขาอ้าปากออกเพื่อรับจุมพิตที่หวานล้ำของเธอไป
ดาฟเน่หลับตาลงเธอเตรียมใจไว้ส่วนหนึ่งว่าอาจจะถูกเขาผลักออกมา หรือเขาอาจจะต่อยหน้าเธอแรงๆสักทีที่เธอกล้าล่วงเกินเขา
แต่ทว่าตอนนี้ลิ้นของเรากลับสอดประสานในจังหวะเดียวกัน ที่ปลายลิ้นยังสัมผัสได้ถึงรสชาติขมปร่าของเหล้าที่ลาร์ซพึ่งดื่มมาได้เป็นอย่างดี มีเสียงเพลงในงานดังขึ้นเป็นจังหวะที่ไพเราะและหวานซึ้งคลอกับสายลมเย็นเบาๆที่พัดผ่านมา
เธอคิดว่าเราจุมพิตกันค่อนข้างนานเพราะเพลงที่บรรเลงอยู่จบไปสองรอบ แต่เขาก็ยังมิได้ผลักไสเธอออกไป ตรงกันข้างมือของลาร์ซนั้นโอบกอดเธอเอาไว้ ฝ่ามือของเขาออกแรงกดสะโพกของเธอลง ให้มันแนบชิดไปกับแก่นกายที่ตื่นขึ้นมาของเขา
หัวใจของดาฟเน่มันกำลังเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมา อย่างน้อยที่สุดเขาก็มิได้ปฏิเสธ ต้องทำมากกว่านี้รึเปล่านะ เพียงแค่จุมพิตอย่างเดียวยังไม่เพียงพอที่จะฉุดรั้งเขาให้เอนเอียงมาหาเธอได้
ดาฟเน่เริ่มขยับเอวของเธอช้าๆเพื่อเสียดสีไปกับตัวตนที่ตื่นขึ้นมาของเขา ริมฝีปากของเรายังคงประกบกันสิ่งที่แปรเปลี่ยนไปคือลาร์ซที่โอบกอดเธอแน่นกว่าเดิม