@บ้านพิพักษ์บรม
ภายในรั้วบ้านหลังใหญ่มีรถหรูราคาแพงสีดำเงางามจอดเต็มเนื้อที่ลามไปยังหน้าบ้าน ชายหนุ่มชุดดำใส่แว่นกันแดดเหมือนในหนังยืนประจำตามจุดต่างๆ ภาพที่ไม่คุ้นตา ทำเอาริสาประหม่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แทนที่เธอจะเดินเข้ามาอย่างผ่าเผย กลับต้องหัวหดเดินตัวลีบเข้าทางหลังบ้าน
ต้องมีอะไรที่สำคัญกับพ่อมากแน่ ๆ …
เจ้าบ้านอย่าง ทรงศักดิ์ พิพักษ์บรม ส.ส.น้ำดีที่เคยตกกระป๋องไม่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ วันนี้กลับมามีตัวตนได้รับตำแหน่งใหญ่ในกระทรวงอีกครั้ง เพราะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอย่างเหวินเทียน เวศสุวรรณไพศาล นายทุนใหญ่แห่งวงการธุรกิจโรงแรม ไนต์คลับ สถานบันเทิงและธุรกิจสีเทา ทั้งยังมีมูลค่าทรัพย์สินนับห้าแสนล้าน
“วันนี้คุณเหวิน ให้เกียรติมาถึงบ้านผมด้วยตัวท่านเอง แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ๆ” ทรงศักดิ์น้อมตัวลงขณะสนทนาชัดเจนว่าเขาเกรงใจและเกรงกลัวเหวินเทียนไม่น้อยที่มาถึงบ้านเขาอย่างกะทันหัน
“ผมมาทวงข้อตกลงน่ะ…” เหวินเทียนพูดพลางมองไปรอบโถงบ้าน เหมือนมองหาใครสักคน จนไปหยุดที่รูปครอบครัวใส่กรอบลายหลุยส์สีทองขนาดใหญ่ เหวินเทียนพ่นลมหายใจออกมาสั้น ๆ ส่ายหน้าอย่างคนไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“ข้อตกลงเหรอครับ...ถึงเวลาแล้วเหรอครับ” เม็ดเหงื่อผุดตามกรอบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เส้นเลือดบนศีรษะของทรงศักดิ์ดังตุ๊บ ๆ ตลอดเวลาที่ได้สบตาเหวินเทียน อดีตเจ้าพ่อ
“ยังหรอก...แต่ผมขี้เกียจรอแล้ว ผมนักธุรกิจนะคุณทรงศักดิ์”
“ลูกผมยังไม่ทราบเรื่อง...ผมขอเวลาอธิบายให้แกฟังสักหน่อย แล้วผมจะพาเธอไปส่งเองครับคุณเหวินเทียน..”
เหวินเทียนจุดยิ้มที่มุมปากอย่างพึงใจเมื่อหันไปเห็นสาวน้อยในชุดนักศึกษาเดินจ้ำอ้าวขึ้นบันไดไปสู่ชั้นสอง
“อย่าให้ผมรอนาน...เด็กสมัยนี้เข้าใจอะไรง่ายกว่าคนสมัยเรา ส่วนเรื่องตำแหน่งในกระทรวง…ผมยินดีด้วยล่ะ” เหวินเทียนลุกขึ้นพร้อมยกมือเป็นความหมายว่าไม่ต้องเดินไปส่งเขา
เมื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญออกไปจากอาณาบริเวณบ้านจนหมด ปทุมพรผู้เป็นภรรยาจึงโผล่หน้าออกมานั่งประกบทรงศักดิ์ผู้เป็นสามี
“เอายังไงดีคุณ...ฉันไม่เอาด้วยนะ จะเอาลูกเราไปแลกกับอะไรแบบนั้น ฉันยอมตายดีกว่า” ปทุมพรควักยาดมขึ้นมาอังจมูกแก้วิงเวียน อะไรแบบนั้นในความหมายของเธอ…คงไม่พ้นเรื่องชู้สาว
“ผมกำลังคิดอยู่นี่ไง” ทรงศักดิ์ยีหัวตัวเอง นึกโทษความโง่ความเซ่อของตัวเองที่ดันไปตกปากรับคำกับนายทุนเฒ่าว่าไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม หากเหวินเทียนช่วยให้ได้ตำแหน่งในกระทรวง แต่ไม่นึกว่าเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างเหวินเทียนจะย้อนเขากลับด้วยการขอแลกด้วยตัวลูกสาว
“ฉันคิดออกแล้ว เราก็ส่ง...”
“หยุดนะ!...ผมรู้ทันคุณนะว่าคุณจะพูดอะไร”
“ถึงเวลาแล้วนะ...มันต้องทดแทนบุญคุณฉันกับคุณ”
ทรงศักดิ์กำหมัดแน่นด้วยความอึดอัดใจ ก่อนลุกพรวดออกจากบ้านไม่สนใจปทุมพรที่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ลำพัง
“คุณไม่ทำ...ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนทำ”
ริสาในชุดเดรสสีหวานนั่งอยู่หน้ากระจกมองปทุมพรหยิบขวดน้ำหอมหลากหลายขวดมาดมกลิ่น
“แม่คะ...วันนี้จะพาหนูไปฉลองจริงๆ เหรอคะ” ริสายิ้มอย่างมีความหวัง น้อยครั้งนักที่ปทุมพรจะเข้ามาหาเธอถึงในห้องนอนและพูดจาดีๆ กับเธอ
“ใช่...แต่หลังจากกินข้าว ฉันอยากให้แกไปเจอคนคนหนึ่ง ไม่ต้องถามนะ…ขี้เกียจตอบ เดี๋ยวพอไปก็รู้เอง…” ปทุมพรเลือกกลิ่นฟลอรัลฟรุตตี้ฉีดพรมน้ำหอมใส่ริสาเพียงนิดหน่อย โดยไม่ถามเจ้าตัวสักคำประหนึ่งว่าเธอเป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่งที่เจ้าของจะทำอะไรก็ได้เสียอย่างนั้น
การเลี้ยงฉลองดำเนินไปอย่างจืดชืด ริสาจบมื้ออาหารอย่างรวดเร็วเมื่อปทุมพรเร่งเร้าก่อนจะยื่นการ์ดสีทองขนาดเท่าบัตรเครดิตให้ริสาพร้อมอธิบายสั้นๆ ว่าให้เธอแสดงการ์ดสีทองกับใครก็ได้ในคลับแห่งนี้ เพื่อพาเธอไปชั้นยี่สิบ
“ฉันเลี้ยงดูแกมาอย่างดี ซ้ำยังให้แกมีการศึกษา...อนุญาตให้แกเรียกฉันว่าแม่ แกว่าฉันดีกับแกพอหรือยัง” ปทุมพรดูมีท่าทีอ่อนไหวอย่างเห็นได้ชัดเดาจากอาการที่ผ้าเช็ดปากในมือที่เดี๋ยวม้วนเดี๋ยวคลาย
“ค่ะแม่...ริสาขอบคุณที่แม่เลี้ยงดูริสามาอย่างดี ริสาจะไม่มีวันลืมพระคุณเลยค่ะ” ริสาพนมมือไหว้ปทุมพรที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ใหญ่ของบ้าน เธอเป็นเพียงลูกนอกสมรสของทรงศักดิ์ที่เกิดกับตะวันพนักงานฝึกหัดของพรรคการเมืองหนึ่งที่ทรงศักดิ์สังกัดอยู่ พอให้กำเนิดลูกสาวได้ห้าวันก็ป่วยตาย
“รวมถึงมีน พี่สาวของแกด้วยใช่มั้ย?”
“ค่ะแม่” ริสาตอบโดยไม่มีทีท่าลังเลเลยสักนิด เพียงเพื่อให้แม่พอใจแล้วจะให้เธอทำอะไรเธอก็ยินยอมทั้งสิ้น
“ฉันยินดีด้วยนะที่แกเรียนจบ...ไปสิได้เวลาแล้ว” ปทุมพรจิกมือตนเองแน่นที่หน้าตัก ริสาลุกขึ้นอย่างงง ๆ เธอมองปทุมพรแวบหนึ่ง แล้วส่งยิ้มหวานสดใสเหมือนอย่างเคยจึงเดินจากไป
แม่เป็นอะไร ทำไมวันนี้ดูแปลก ๆ ริสาคิดได้เพียงแค่นั้นก็เดินตัวปลิวออกไป หวังเอาใจแม่ที่เห็นความสำคัญของเธอ
“ฮัลโหลลูกมีน...อย่าเพิ่งกลับมาล่ะ เลื่อนไปเดือนหน้าได้ยิ่งดี เชื่อแม่เถอะ…แล้วแม่จะเล่าให้ฟังอีกที” ปทุมพรวางสายทางไกลจากลูกสาวที่เพิ่งจบปริญญาโทจากอังกฤษ ก่อนจะเยื้องกรายออกไปจากคลับหรูอย่างรวดเร็ว
@ไนต์คลับ
เฟิงหยางแปลกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นบิดาเข้ามาในคลับในยามวิกาลเช่นนี้ เขาแอบเดินตามบิดามาเงียบ ๆ จนเขาเดินขึ้นลิฟต์ไปหยุดที่ชั้นยี่สิบ เฟิงหยางอดยิ้มที่มุมปากเสียไม่ได้เพราะชั้นยี่สิบเป็นชั้นส่วนตัวที่มีเพียงไม่กี่คนที่จะได้ขึ้นไป ไม่ทันที่เขาจะกดลิฟต์ มือเรียวก็ชิงกดตัดหน้าเขาไปเสียก่อน เจ้าของมือเรียวขาวที่ดูยังไงก็ไม่คุ้นหน้ากับกลิ่นหอมอ่อน ๆ หันมายิ้มน้อย ๆ ให้เขา ก่อนจะเข้าลิฟต์อีกตัวที่เปิดประตูแทบจะทันที
“ไปมั้ยคะ?” ริสาไม่ลืมที่จะชะโงกเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนรอลิฟต์ข้างเธอเมื่อครู่ เฟิงหยางพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมก้าวขายาว ๆ เข้ามาในลิฟต์ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พินิจพิจารณาในตัวสาววัยละอ่อนเมื่อเธอกดชั้นยี่สิบ เขาเดาได้ไม่ยากหากว่าไม่มาพบเขา ก็คงไปพบบิดาของเขาแน่นอน การ์ดสีทองโผล่พ้นมือออกมาขนาดนั้น
“คุณไปชั้นยี่สิบเหมือนกันเหรอคะ?” เสียงใสแจ๋วเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา เธอดูตื่นเต้นกับลิฟต์สีทองสลับดำคล้าย ๆ กับเคยเห็นในซีรีส์
“อืม” ชายหนุ่มตอบห้วน ๆ
'ก็หล่ออยู่หรอกแต่ตอนตอบเสียมารยาทจัง' เธอสลัดความคิดไร้สาระก่อนกุมมือกำการ์ดสีทองแน่น พลางนึกถึงอะไรที่แม่เธอบอก ทำไมมันดูยิ่งใหญ่ถึงกับต้องเอ่ยถึงบุญคุณพ่อแม่และพี่สาวต่างแม่ขนาดนั้น