บทที่ 2 การเผชิญหน้าและการหักหลัง

1266 Words
อาริยะและพรรคพวกบุกทะลวงเข้าไปในปราสาททมิฬ ประตูเหล็กขนาดมหึมาพังทลายลงด้วยพลังแห่งดาบแสงอรุณ ภายในปราสาทมืดมิดและซับซ้อนราวกับเขาวงกต พวกเขาต้องต่อสู้กับเหล่าอัศวินปีศาจผู้พิทักษ์ปราสาท สัตว์อสูรกลายพันธุ์ และกับดักเวทมนตร์อันชั่วร้าย การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด เอลาร่าต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อรักษาบาดแผลของทุกคน โรนินยิงธนูสังหารศัตรูจากระยะไกลอย่างแม่นยำ ขณะที่กาเลนคอยสนับสนุนอาริยะอย่างแข็งขัน แต่ความสูญเสียก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สหายบางคนในกลุ่มที่ติดตามมาต้องสละชีวิตเพื่อเปิดทาง อาริยะมองร่างไร้วิญญาณของพวกเขาด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็เปลี่ยนมันเป็นพลังใจที่จะต้องโค่นจอมมารให้จงได้ ยิ่งลึกเข้าไปในปราสาท อาริยะยิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง รูปแบบการวางกำลังของศัตรู โครงสร้างของห้องต่างๆ หรือแม้แต่ภาพวาดบนผนังที่ผุพัง... มันคล้ายคลึงกับสิ่งที่เขาเคยจินตนาการถึงกลยุทธ์การรบ หรือภาพที่เคยเห็นในความฝันอันเลือนราง ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นกลับมาอีกครั้ง รุนแรงกว่าเดิม ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงท้องพระโรงอันโอ่อ่าแต่เย็นยะเยือก ที่สุดปลายห้อง บนบัลลังก์ที่สลักจากกระดูกและโลหะดำมืด ร่างหนึ่งนั่งอยู่... จอมมารเงามืด ร่างกายของมันสูงใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป สวมชุดเกราะสีดำสนิทที่ดูดกลืนทุกแสงสว่าง มีเพียงดวงตาสีแดงฉานราวกับถ่านไฟที่ลุกโชนเท่านั้นที่ส่องประกายออกมาจากใต้หมวกเกราะ พลังงานมืดมิดอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากร่างนั้นจนทำให้ผู้กล้าทั้งกลุ่มรู้สึกขนลุก "ในที่สุดเจ้าก็มาถึง... ผู้กล้าแห่งแสง" เสียงแหบพร่าและเย็นชาของจอมมารดังขึ้น "ข้ารอคอยการมาของเจ้า... นานเหลือเกิน" "วันนี้คือวันสิ้นสุดของเจ้า จอมมาร!" อาริยะตะโกน ดาบแสงอรุณในมือส่องสว่างจ้า การต่อสู้ที่ชี้ชะตากรรมของอาณาจักรได้อุบัติขึ้น พลังแสงศักดิ์สิทธิ์ของอาริยะปะทะเข้ากับพลังมืดอันชั่วร้ายของจอมมารอย่างรุนแรง ทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน เกิดเป็นคลื่นพลังงานที่สั่นสะเทือนไปทั้งปราสาท อาริยะทุ่มเทพลังทั้งหมดเข้าต่อสู้ แต่จอมมารนั้นแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ มันดูเหมือนจะล่วงรู้ทุกกระบวนท่าของอาริยะ ราวกับเคยต่อสู้กับเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน 'อุดมการณ์ของเจ้าช่างน่าสมเพชเหมือนตอนที่เจ้าทำได้เพียงมองดูหมู่บ้านซิลแวนถูกเผาในวัยเยาว์มิใช่หรือ? ความหวังลมๆ แล้งๆ แสงสว่างที่เจ้าภาคภูมิใจนักหนา... ไม่นานมันก็จะถูกกลืนกินด้วยเงาที่มืดมิดที่สุด... เงาของตัวเจ้าเอง!' คำพูดของจอมมารแทงใจอาริยะ ระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือด ภาพซ้อนเริ่มปรากฏขึ้นในหัวของเขา... ภาพของตัวเองสวมชุดเกราะสีดำทมิฬแบบเดียวกับจอมมารตรงหน้า ภาพของความสิ้นหวัง ความโกรธแค้น และความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ เขาเห็นตัวเองกำลังทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง... "อย่ามาพูดจาไร้สาระ!" อาริยะพยายามสลัดภาพเหล่านั้นทิ้งไป เขารวบรวมพลังทั้งหมดเป็นครั้งสุดท้าย ดาบแสงอรุณเปล่งแสงเจิดจ้าที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เขากระโจนเข้าหาจอมมาร และด้วยเสียงคำรามกึกก้อง... ดาบศักดิ์สิทธิ์ก็แทงทะลุเกราะทมิฬ เข้าสู่หัวใจของจอมมารเงามืด! จอมมารชะงัก ร่างของมันสั่นสะท้าน พลังมืดรอบตัวเริ่มสลายไป มันค่อยๆ ทรุดตัวลง เกราะบางส่วนบริเวณใบหน้าแตกออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้หมวกเกราะนั้น... อาริยะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ ใบหน้าที่เขาเห็น... คือใบหน้าของตัวเขาเอง! แต่แก่กว่าหลายปี ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ความสิ้นหวัง และความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง ริมฝีปากที่ซีดเซียวของจอมมารขยับเล็กน้อย กระซิบคำพูดสุดท้ายที่แผ่วเบาราวกับสายลม... "วงจร... มันเริ่ม... อีกครั้งแล้ว... เจ้า... หนีไม่พ้น..." สิ้นคำ ร่างของจอมมารก็สลายกลายเป็นธุลีสีดำ ทิ้งไว้เพียง "แก่นพลังปีศาจ" (Demon Core) วัตถุทรงกลมสีดำสนิทที่เต้นเป็นจังหวะราวกับหัวใจ อยู่บนพื้นเบื้องหน้าอาริยะ อาริยะยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ เขาไม่เข้าใจ... เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? จอมมารคือตัวเขาเองงั้นหรือ? หรือมันเป็นเพียงกลลวงสุดท้าย? ความสับสนถาโถมเข้าใส่จิตใจของเขาจนแทบคลั่ง แต่ท่ามกลางความสับสนนั้น เขารู้สึกถึงพลังงานมหาศาลที่แผ่ออกมาจากแก่นพลังปีศาจนั้น ด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง หรืออาจจะเป็นชะตากรรมที่มองไม่เห็น เขาหยิบมันขึ้นมา... กำมันไว้ในมือแน่น อาริยะและสหายที่เหลือรอดเดินทางกลับสู่อาณาจักรเอรีดอร์พร้อมกับข่าวชัยชนะ พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างวีรบุรุษ ผู้คนโห่ร้องสรรเสริญชื่อของอาริยะไปทั่วทุกหนแห่ง ราชาเธโอเดนจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน อาริยะกลายเป็นแสงสว่างที่แท้จริงของอาณาจักร แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังยินดี ราชาเธโอเดนกลับเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งที่เปลี่ยนไปในตัวอาริยะ พลังของเขาดูจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ (ผลจากแก่นพลังปีศาจที่เขาเก็บไว้กับตัวอย่างลับๆ) และบางครั้ง แววตาของอาริยะก็ดูเหม่อลอยและมีเงาบางอย่างฉายผ่าน... เงาที่คล้ายกับจอมมารที่เขาเพิ่งปราบมา ความหวาดระแวงเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของราชา "อำนาจทำให้คนเปลี่ยนไป" เขาครุ่นคิด "หากอาริยะมีพลังมากเกินไป มีบารมีเหนือกว่าข้า... บัลลังก์ของข้าจะไม่มั่นคง" ราชาเธโอเดนไม่ได้ต้องการผู้กล้าที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง เขาต้องการเพียงวีรบุรุษที่อยู่ใต้การควบคุม แผนการร้ายได้เริ่มก่อตัวขึ้นในเงามืดของราชสำนัก ราชาเธโอเดนร่วมมือกับเหล่าขุนนางที่หวาดกลัวอิทธิพลของอาริยะ พวกเขาวางแผนที่จะกำจัดผู้กล้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความหวังของพวกเขา แม่ทัพกาเลน ผู้ซึ่งภักดีต่อราชบัลลังก์เหนือสิ่งอื่นใด ถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างมิตรภาพที่มีต่ออาริยะกับหน้าที่ที่มีต่อราชาและอาณาจักร ด้วยความเจ็บปวด เขาเลือกอย่างหลัง ในคืนสุดท้ายของงานเฉลิมฉลอง ท่ามกลางเสียงดนตรีและการเต้นรำ อาริยะดื่มไวน์ที่ราชามอบให้เป็นพิเศษ... โดยไม่รู้ว่ามันผสมยาพิษที่ทำให้พลังเวทของเขาอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ ทหารหลวงก็กรูกันเข้ามาล้อมจับเขาไว้ อาริยะมองไปยังราชาเธโอเดนด้วยความไม่เชื่อสายตา แล้วหันไปมองแม่ทัพกาเลนที่ยืนอยู่เคียงข้างราชา ใบหน้าของกาเลนซีดเผือดและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง "แม้แต่ท่านรึ... กาเลน?" อาริยะถามเสียงสั่นเครือ "ข้าขอโทษ อาริยะ" กาเลนตอบเสียงเบา "แต่นี่คือ... เพื่อความมั่นคงของอาณาจักร" อาริยะถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่ออาณาจักร วางแผนที่จะใช้พลังอำนาจของตนเพื่อยึดครองบัลลังก์ ข้อกล่าวหาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างแยบยล ผู้คนที่เคยสรรเสริญเขา บัดนี้มองเขาด้วยสายตาที่เคลือบแคลงและหวาดกลัว ถูกปั่นหัวโดยข่าวลือและคำโป้ปด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD