ตอนที่ 5 สตรีบ้าแห่งเรือนเฟิ่งอวี้

2093 Words
“มีอะไรหรือเพคะเหตุใดถึงมองพวกบ่าวเช่นนั้น” เมื่อทั้งคู่เห็นว่าถูกหลิวหรงผิงจ้องมองไม่วางตาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาแปลกๆ เหมือนกลัวว่านางจะเกิดคลุ้มคลั่งเข้ามาตบตีพวกนางเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ไม่ได้สติอย่างไรอย่างนั้น พวกนางเริ่มถอยหลังไปทีละนิดจนหลิวหรงผิงถึงกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “พวกเจ้าเป็นอะไรไป” “มะ ไม่ได้เป็นอะไรเพคะ” “พวกเจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลยนะ ว่าคนที่คอยกลั่นแกล้งข้าคือน้องสาวของจวิ้นอ๋องใช่หรือไม่” “คือว่า” ทั้งคู่มองหน้ากันและเอาแต่สะกิดกันไปมา “พูดมาเถอะน่าข้าไม่เล่าใครฟังหรอก ข้าก็มีเพียงพวกเจ้าสองคนนี่นา” พวกนางชั่งใจไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กันแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องราวให้นางฟัง “องค์หญิงเพ่ยเพ่ยเป็นน้องสาวร่วมสายเลือดเดียวกับท่านอ๋อง อ้อยังมีองค์ชายเล็กอีกคนด้วยนะเพคะ” “องค์ชายเล็กงั้นหรือ” “องค์ชายเก้าน้องชายแท้ๆ ของจวิ้นอ๋องเพียงแต่เขาหายไปตั้งแต่ยังเด็กแล้ว ความจริงเรื่องราวในราชวงศ์พวกข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากเท่าใด ความจริงแล้วไม่มีใครใคร่อยากรู้นักหรอกเพคะ" "เพราะเหตุใด" "เรื่องใหญ่เช่นนั้นพูดได้หรือเพคะ หากยังอยากมีเงาหัวก็ต้องปิดปากให้เงียบเอาไว้" "หากพระชายาอยากรู้มากกว่านี้คงต้องไปถามท่านอ๋องเองแล้วกระมัง” “ถามท่านอ๋อง” ทั้งคู่พยักหน้าให้อย่างไร้เดียงสา “คนอย่างจวิ้นอ๋องจะมาสนทนาเรื่องภายในครอบครัวให้ข้าฟังได้อย่างไร เขาเกลียดข้ามากไม่ใช่หรือ” “ก็….” “แล้วองค์หญิงเพ่ยเพ่ยอะไรนั่นเกลียดข้าเพราะเหตุใด” “นางไม่อยากให้ท่านอ๋องแต่งกับท่านเพราะความจริงแล้วท่านอ๋องมีคนรักอยู่แล้วเพคะ” “แล้วอย่างไร” นางกัดกินผลอิงเถาต่อก่อนจะครุ่นคิดตามที่เสี่ยวเถาเอ่ยออกมาเมื่อครู่ ‘อย่าบอกนะว่าเจ้าของร่างนี้แย่งคนรักเขามา ให้ตายสิแล้วแบบนี้ข้าควรต้องทำอย่างไรต่อไปกันเล่า’ “เรื่องมันยาวน่ะเพคะ ท่านอ๋องชื่นชอบในตัวของคุณหนูเว่ยมานานแล้วและเขาเองก็น่าจะวางแผนแต่งงานกับเขาแต่เพราะ…” หลิวหรงผิงยกถ้วยน้ำชาขึ้นซดรวดเดียวจนหมดดับความร้อนรนที่ได้ยินเมื่อครู่แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเท่าใดนัก “เป็นเพราะข้าสินะ ถึงว่าสิจากที่พวกเจ้าเล่ามาเขาถึงได้ทำเหมือนข้าเป็นหมูเป็นหมาเช่นนั้น แท้จริงแล้วก็เพียงแค่อยากกำจัดข้าไปให้พ้นทางแล้วไปแต่งกับแม่นางผู้นั้นนี่เอง” “พระชายา…” “อย่าทำเหมือนสงสารข้า เพราะว่าเวลานี้ข้าหาได้สนใจเขาอีกไม่” “อะไรนะเพคะ” “ตั้งแต่ที่ข้าฟื้นขึ้นมาเมื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดถึงได้รู้ว่ามีคนที่หวังดีกับข้าเพียงแค่ไม่กี่คนหนึ่งในนั้นก็คือพวกเจ้า” ทั้งสองหันมองหน้ากันเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเลยแม้เพียงนิด “แล้วคนที่เอาแต่ทำร้ายข้าเช่นเขาใยข้าต้องสนใจอีกล่ะ” “แล้วพระชายาจะทำอย่างไรต่อไปเพคะ” “ไม่ทำอะไรทั้งนั้นคอยดูสิว่าเขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมอันใดกับข้าอีก แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปคนอย่างข้าไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวหรอก” “เอ่อความจริงแล้วเรื่องที่พระชายาถูกขังในคอกหมูไม่ได้เป็นเพียงความคิดของท่านอ๋องคนเดียวหรอกนะเพคะ” “หมายความว่าอย่างไร” “เป็นองค์หญิงเพ่ยเพ่ยที่เสนอความคิดนั้น” เสี่ยวเถาเอ่ยออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพระชายาของตนที่เวลานี้ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาแล้ว “แล้วท่านอ๋องก็เห็นด้วยเพคะ” ซิ่วอิงพูดเสริมขึ้นจนหลิวหรงผิงหมดความอดทนไปแล้วจริงๆ “เฮอะ! ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ช่างเก่งกาจกันเสียจริงดูสิว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าอย่างไร” หลิวหรงผิงเหยียดยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ นางจะสั่งสอนให้คนพวกนั้นรู้เองว่าคำว่าร้ายกาจจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร ‘แต่ว่าข้ามมิติมาทั้งทีให้เป็นคนดีๆ ไม่ได้หรืออย่างไรกัน ดันต้องกลายเป็นคนบ้าเสียอย่างนั้น เฮ้อ…’ “พระชายาองค์หญิงเพ่ยเพ่ยต้องการพบเพคะ” เสียงหนึ่งเล็ดลอดเข้ามาในห้องดูเหมือนว่าเมื่อคนผู้นั้นพูดจบจะรีบวิ่งออกไปจากเรือนของนางเสียแล้ว 'กลัวอะไรกัน' “นางคงรู้แล้วว่าแกล้งพระชายาไม่สำเร็จ” “ไม่ต้องไปหรอกเพคะพระชายา หากออกไปพบนางครั้งนี้ก็คงไม่ต่างไปจากครั้งก่อนๆ นางคงหาเรื่องมาแกล้งท่านอีกเช่นเคย” “กลัวอะไรล่ะ คนอย่างข้ามีหรือต้องกลัวใครไปกันเถอะ” “แต่ว่าพระชายา” “เชื่อข้า” หลิวหรงผิงเอ่ยออกมาก่อนจะอมยิ้มพลางคิดแผนขึ้นมาอย่างนึกสนุก “หาอะไรทำแก้เครียดหน่อยก็แล้วกัน” หลิวหรงผิงตั้งท่าจะก้าวเดินออกไปจากห้องนอนทว่าร่างบางกลับหมุนตัวกลับมาก่อนจะหยิบเอาอุปกรณ์ติดมือไปด้วย 'เกือบลืมไปเลยว่าต้องทำภารกิจเพื่อกุญแจบ้าๆ นั่น' นางเดินตรงไปทางข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นภายใต้แววตาเป็นกังวลของสาวใช้ทั้งสอง “ครั้งนี้คงได้แผลอีกเช่นเคย เฮ้อ…พระชายานะพระชายาจะออกไปทำไมก็ไม่รู้” “เจ้าจะบ่นทำไมนักหนารีบตามไปเถอะน่า” “รู้แล้วๆ ข้าก็รีบอยู่นี่อย่างไรเล่า” ซิ่วอิงพูดขึ้นก่อนจะออกแรงวิ่งตามเสี่ยวเถาไปติดๆ หญิงสาวทั้งสองต่างก็รีบสับเท้าวิ่งตามพระชายาของตนไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังวิ่งไม่ทันเช่นเคย ‘พระชายาหายป่วยแล้วก็ไม่เห็นต้องทำเป็นวิ่งซุกซนเหมือนที่เคยเลยนี่นา พวกนางจะวิ่งตามไม่ทันแล้วนะเนี่ย’ “พระชายารอพวกบ่าวด้วยเพคะ” เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป[1] ที่สวนดอกไม้ของจวนจวิ้นอ๋องมีแต่เสียงร้องตะโกนของบ่าวรับใช้ดังก้องไปทั่วจวน เพราะพระชายาจวิ้นอ๋องเอาแต่วิ่งวุ่นไปจนทั่ว นางทั้งวิ่งและหัวเราะชอบใจที่ทำให้เหล่าสตรีพวกนั้นหัวเสียได้ “พระชายาอย่าวิ่งสิเพคะ เร็วเข้ารีบมาช่วยกันจับนางไว้ก่อนที่ท่านอ๋องจะพาฮองเฮาเสด็จกลับมา” “เจ้าค่ะแม่นมหู” เหล่าคนรับใช้ในจวนต่างก็รีบวิ่งเข้ามาล้อมนางเอาไว้หลิวหรงผิงก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้น นางเอาแต่วิ่งวนไปวนมาจนบ่าวรับใช้ต่างก็สับสนไปหมดสุดท้ายก็ปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง องค์หญิงเพ่ยเพ่ยที่ตามเสด็จฮองเฮามาที่จวนของผู้เป็นพี่ด้วยนั้นมองตามนางที่เวลานี้ปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้แล้ว “ท่านลงมาเดี๋ยวนี้นะข้าเหนื่อยกับท่านเต็มทีแล้ว” แม่นมหูเอ่ยออกมามือทั้งสองท้าวเอวเอาไว้ นางหายใจเหนื่อยหอบเพราะวิ่งตามหลิวหรงผิงไม่ทัน “ปล่อยนางไว้ตรงนั้นแหล่ะดูสิว่านางจะทำอย่างไร” องค์หญิงเพ่ยเพ่ยน้องสาวร่วมสายเลือดของจวิ้นอ๋องเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธเมื่อไม่สามารถจัดการกับสตรีบ้าผู้นั้นได้ นางไม่ได้ต้องการให้หลิวหรงผิงผู้นี้แต่งเข้าจวนมาเป็นพี่สะใภ้เลยสักเพียงนิด คนที่นางต้องการให้ผู้เป็นพี่ชายอย่างจวิ้นอ๋องแต่งงานด้วยก็คือ เว่ยอวิ๋นเซียน หลานสาวของพระสนมเว่ยนั่นเอง ท่าทีที่แสดงออกว่ารังเกียจนางมากนั้นกลับไม่ได้ทำให้หลิวหรงผิงใส่ใจเลยแม้เพียงนิดตรงกันข้ามกับรู้สึกสนุกมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก “แต่ว่าองค์หญิงหากว่าท่านอ๋องกลับมาแล้วพบว่านางอยู่บนต้นไม้พวกบ่าวจะถูกลงโทษได้นะเพคะ” “ช่างสิ สตรีบ้าเช่นนี้เหตุใดท่านพี่ถึงได้ยอมแต่งนางเข้ามาในจวนกันนะ” “เจ้าๆ นางปีศาจ!” องค์หญิงเพ่ยเพ่ยหันขวับไปมองหลิวหรงผิงที่กำลังชี้นิ้วมาที่นาง “เจ้าว่าใครเป็นปีศาจ นังบ้า!” หลิวหรงผิงไม่ใส่ใจคำพูดนั้น อยู่ๆ นางก็กระโดดลงมาโดยที่คนด้านล่างไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลยสักคน “กรี๊ด! นังบ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาทับข้าออกไปให้พ้นนะ” “นังบ้า เจ้าคือนังบ้า ฮ่าๆๆ” “เจ้าสิบ้าพวกเจ้ายืนเซ่ออะไรอยู่รีบมาลากตัวนางไปขังไว้ที่เรือนบ้านั่นเดี๋ยวนี้!” “เพคะองค์หญิง” “พวกเจ้าปล่อยข้านะอย่าทำอะไรพระชายาของข้าไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้อง….” เสี่ยวเถาและซิ่วอิงที่ก่อนหน้านี้ถูกนางกำนัลและบ่าวในจวนจับตัวเอาไว้ก็พลันสะบัดแขนจนหลุดพ้นจากการจับกุมนั้น แต่ไม่ทันที่พวกนางจะพูดจบองค์หญิงเพ่ยเพ่ยก็ตวัดสายตามองมาด้วยแววตาเกรี้ยวกราด “จะฟ้องใครขี้ข้าอย่างพวกเจ้าใครจะสนใจกัน ลากพวกนางออกไปเดี๋ยวนี้!” "ไม่นะ! องค์หญิงเพคะหม่อมฉันขอประทานอภัยแทนพระชายาด้วย นางๆ ไม่สามารถรับรู้ได้เช่นคนปกติและกระทำการล่วงเกินองค์หญิงไปได้โปรดทรงปล่อยพระชายาไปด้วยเถิดเพคะ หม่อมฉันจะเป็นคนพานางกลับไปที่เรือนเองและจะไม่ให้นางออกมาจากเรือนอีกเลยแม้เพียงก้าวเดียว" ซิ่วอิงรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าจะรังแกพระชายาของนางท่าเดียว อีกทั้งคนยังมากมายเพียงนี้พวกนางก็คงหนีไม่พ้นที่จะเจ็บตัวอีกเช่นเคย เมื่อเห็นว่าองค์หญิงยังคงนิ่งเฉยทั้งซิ่วอิงและเสี่ยวเถาต่างก็รีบโขกหัวของตนไปกับพื้นหินตรงหน้าจนดูเหมือนว่าที่ศีรษะของนางทั้งสองนั้นจะเริ่มมีเลือดไหลออกมาแล้ว หลิวหรงผิงที่เห็นดังนั้นก็หยุดนิ่งไปทันทีนางจ้องมองสาวใช้ของตนเองก่อนจะหันไปมององค์หญิงเพ่ยเพ่ย แววตาดุดันที่ไม่เคยแสดงออกมาให้ใครเห็นแต่เวลานี้แม่นมหูได้เห็นก่อนใครแล้ว หลิวหรงผิงย่างเท้าเข้าไปหาสาวใช้ของตนหมายจะประคองให้ลุกขึ้นแต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวของทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของแม่นมหูพูดขึ้นว่า "องค์หญิงนี่ก็ใกล้เวลาที่ฮองเฮากับท่านอ๋องจะกลับเข้าจวนแล้ว ไม่สู้ปล่อยนางไปก่อนดีหรือไม่เพคะ" แม่นมหูรีบเดินเข้ามากระซิบกับองค์หญิงเพ่ยเพ่ยก่อนจะหันไปจ้องมองหลิวหรงผิงอีกครั้ง "ก็ได้" องค์หญิงเพ่ยเพ่ยกอดอกก่อนจะชักสีหน้ามึนตึงไปไม่น้อย "รีบไสหัวไปทั้งนายทั้งบ่าวเสียสิ!” แม่นมหูเอ่ยขึ้นเสียงดังทั้งยังก้าวเข้ามายืนบังหน้าองค์หญิงด้วยเหตุผลอันใดนั้นนางไม่อาจรู้ได้ เสี่ยวเถากับซิ่วอิงรีบลุกขึ้นไปประคองหลิวหรงผิงด้วยความรวดเร็วประหนึ่งกลัวว่าองค์หญิงจะเปลี่ยนใจไปเสียก่อน “จะทำอะไรข้า จะพาข้าไปเที่ยวหรือ” “ใช่เพคะไปเที่ยวนะเพคะพระชายา” “ไปๆๆ ไปสิเร็วเข้า” สาวใช้ทั้งสองจับแขนทั้งสองข้างของนางเอาไว้ก่อนจะนำพาร่างบอบบางเดินกลับไปที่เรือนของตนทันที “คอยดูเถอะ สักวันข้าจะเขี่ยเจ้าออกไปจากจวนนี้ให้ได้และให้พี่หญิงเว่ยมาเป็นพี่สะใภ้ของข้าแทน” “แต่ว่าองค์หญิง นางคือพระชายาที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้กับท่านอ๋องนะเพคะใช่ว่าท่านอ๋องจะหย่ากับนางได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน” “เฮอะ! ก็คอยดูเถอะไม่มีอะไรที่คนอย่างข้าทำไม่ได้หรอก” - - - - - - - - - [1] หนึ่งก้านธูป = ครึ่งชั่วโมง-1ชั่วโมง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD