“มีอะไรหรือเพคะเหตุใดถึงมองพวกบ่าวเช่นนั้น”
เมื่อทั้งคู่เห็นว่าถูกหลิวหรงผิงจ้องมองไม่วางตาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาแปลกๆ เหมือนกลัวว่านางจะเกิดคลุ้มคลั่งเข้ามาตบตีพวกนางเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ไม่ได้สติอย่างไรอย่างนั้น
พวกนางเริ่มถอยหลังไปทีละนิดจนหลิวหรงผิงถึงกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“พวกเจ้าเป็นอะไรไป”
“มะ ไม่ได้เป็นอะไรเพคะ”
“พวกเจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลยนะ ว่าคนที่คอยกลั่นแกล้งข้าคือน้องสาวของจวิ้นอ๋องใช่หรือไม่”
“คือว่า”
ทั้งคู่มองหน้ากันและเอาแต่สะกิดกันไปมา
“พูดมาเถอะน่าข้าไม่เล่าใครฟังหรอก ข้าก็มีเพียงพวกเจ้าสองคนนี่นา”
พวกนางชั่งใจไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กันแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องราวให้นางฟัง
“องค์หญิงเพ่ยเพ่ยเป็นน้องสาวร่วมสายเลือดเดียวกับท่านอ๋อง อ้อยังมีองค์ชายเล็กอีกคนด้วยนะเพคะ”
“องค์ชายเล็กงั้นหรือ”
“องค์ชายเก้าน้องชายแท้ๆ ของจวิ้นอ๋องเพียงแต่เขาหายไปตั้งแต่ยังเด็กแล้ว ความจริงเรื่องราวในราชวงศ์พวกข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากเท่าใด ความจริงแล้วไม่มีใครใคร่อยากรู้นักหรอกเพคะ"
"เพราะเหตุใด"
"เรื่องใหญ่เช่นนั้นพูดได้หรือเพคะ หากยังอยากมีเงาหัวก็ต้องปิดปากให้เงียบเอาไว้"
"หากพระชายาอยากรู้มากกว่านี้คงต้องไปถามท่านอ๋องเองแล้วกระมัง”
“ถามท่านอ๋อง”
ทั้งคู่พยักหน้าให้อย่างไร้เดียงสา
“คนอย่างจวิ้นอ๋องจะมาสนทนาเรื่องภายในครอบครัวให้ข้าฟังได้อย่างไร เขาเกลียดข้ามากไม่ใช่หรือ”
“ก็….”
“แล้วองค์หญิงเพ่ยเพ่ยอะไรนั่นเกลียดข้าเพราะเหตุใด”
“นางไม่อยากให้ท่านอ๋องแต่งกับท่านเพราะความจริงแล้วท่านอ๋องมีคนรักอยู่แล้วเพคะ”
“แล้วอย่างไร”
นางกัดกินผลอิงเถาต่อก่อนจะครุ่นคิดตามที่เสี่ยวเถาเอ่ยออกมาเมื่อครู่
‘อย่าบอกนะว่าเจ้าของร่างนี้แย่งคนรักเขามา ให้ตายสิแล้วแบบนี้ข้าควรต้องทำอย่างไรต่อไปกันเล่า’
“เรื่องมันยาวน่ะเพคะ ท่านอ๋องชื่นชอบในตัวของคุณหนูเว่ยมานานแล้วและเขาเองก็น่าจะวางแผนแต่งงานกับเขาแต่เพราะ…”
หลิวหรงผิงยกถ้วยน้ำชาขึ้นซดรวดเดียวจนหมดดับความร้อนรนที่ได้ยินเมื่อครู่แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเท่าใดนัก
“เป็นเพราะข้าสินะ ถึงว่าสิจากที่พวกเจ้าเล่ามาเขาถึงได้ทำเหมือนข้าเป็นหมูเป็นหมาเช่นนั้น แท้จริงแล้วก็เพียงแค่อยากกำจัดข้าไปให้พ้นทางแล้วไปแต่งกับแม่นางผู้นั้นนี่เอง”
“พระชายา…”
“อย่าทำเหมือนสงสารข้า เพราะว่าเวลานี้ข้าหาได้สนใจเขาอีกไม่”
“อะไรนะเพคะ”
“ตั้งแต่ที่ข้าฟื้นขึ้นมาเมื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดถึงได้รู้ว่ามีคนที่หวังดีกับข้าเพียงแค่ไม่กี่คนหนึ่งในนั้นก็คือพวกเจ้า”
ทั้งสองหันมองหน้ากันเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเลยแม้เพียงนิด
“แล้วคนที่เอาแต่ทำร้ายข้าเช่นเขาใยข้าต้องสนใจอีกล่ะ”
“แล้วพระชายาจะทำอย่างไรต่อไปเพคะ”
“ไม่ทำอะไรทั้งนั้นคอยดูสิว่าเขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมอันใดกับข้าอีก แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปคนอย่างข้าไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวหรอก”
“เอ่อความจริงแล้วเรื่องที่พระชายาถูกขังในคอกหมูไม่ได้เป็นเพียงความคิดของท่านอ๋องคนเดียวหรอกนะเพคะ”
“หมายความว่าอย่างไร”
“เป็นองค์หญิงเพ่ยเพ่ยที่เสนอความคิดนั้น”
เสี่ยวเถาเอ่ยออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพระชายาของตนที่เวลานี้ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาแล้ว
“แล้วท่านอ๋องก็เห็นด้วยเพคะ”
ซิ่วอิงพูดเสริมขึ้นจนหลิวหรงผิงหมดความอดทนไปแล้วจริงๆ
“เฮอะ! ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ช่างเก่งกาจกันเสียจริงดูสิว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าอย่างไร”
หลิวหรงผิงเหยียดยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ นางจะสั่งสอนให้คนพวกนั้นรู้เองว่าคำว่าร้ายกาจจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร
‘แต่ว่าข้ามมิติมาทั้งทีให้เป็นคนดีๆ ไม่ได้หรืออย่างไรกัน ดันต้องกลายเป็นคนบ้าเสียอย่างนั้น เฮ้อ…’
“พระชายาองค์หญิงเพ่ยเพ่ยต้องการพบเพคะ”
เสียงหนึ่งเล็ดลอดเข้ามาในห้องดูเหมือนว่าเมื่อคนผู้นั้นพูดจบจะรีบวิ่งออกไปจากเรือนของนางเสียแล้ว
'กลัวอะไรกัน'
“นางคงรู้แล้วว่าแกล้งพระชายาไม่สำเร็จ”
“ไม่ต้องไปหรอกเพคะพระชายา หากออกไปพบนางครั้งนี้ก็คงไม่ต่างไปจากครั้งก่อนๆ นางคงหาเรื่องมาแกล้งท่านอีกเช่นเคย”
“กลัวอะไรล่ะ คนอย่างข้ามีหรือต้องกลัวใครไปกันเถอะ”
“แต่ว่าพระชายา”
“เชื่อข้า”
หลิวหรงผิงเอ่ยออกมาก่อนจะอมยิ้มพลางคิดแผนขึ้นมาอย่างนึกสนุก
“หาอะไรทำแก้เครียดหน่อยก็แล้วกัน”
หลิวหรงผิงตั้งท่าจะก้าวเดินออกไปจากห้องนอนทว่าร่างบางกลับหมุนตัวกลับมาก่อนจะหยิบเอาอุปกรณ์ติดมือไปด้วย
'เกือบลืมไปเลยว่าต้องทำภารกิจเพื่อกุญแจบ้าๆ นั่น'
นางเดินตรงไปทางข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นภายใต้แววตาเป็นกังวลของสาวใช้ทั้งสอง
“ครั้งนี้คงได้แผลอีกเช่นเคย เฮ้อ…พระชายานะพระชายาจะออกไปทำไมก็ไม่รู้”
“เจ้าจะบ่นทำไมนักหนารีบตามไปเถอะน่า”
“รู้แล้วๆ ข้าก็รีบอยู่นี่อย่างไรเล่า” ซิ่วอิงพูดขึ้นก่อนจะออกแรงวิ่งตามเสี่ยวเถาไปติดๆ หญิงสาวทั้งสองต่างก็รีบสับเท้าวิ่งตามพระชายาของตนไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังวิ่งไม่ทันเช่นเคย
‘พระชายาหายป่วยแล้วก็ไม่เห็นต้องทำเป็นวิ่งซุกซนเหมือนที่เคยเลยนี่นา พวกนางจะวิ่งตามไม่ทันแล้วนะเนี่ย’
“พระชายารอพวกบ่าวด้วยเพคะ”
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป[1] ที่สวนดอกไม้ของจวนจวิ้นอ๋องมีแต่เสียงร้องตะโกนของบ่าวรับใช้ดังก้องไปทั่วจวน เพราะพระชายาจวิ้นอ๋องเอาแต่วิ่งวุ่นไปจนทั่ว นางทั้งวิ่งและหัวเราะชอบใจที่ทำให้เหล่าสตรีพวกนั้นหัวเสียได้
“พระชายาอย่าวิ่งสิเพคะ เร็วเข้ารีบมาช่วยกันจับนางไว้ก่อนที่ท่านอ๋องจะพาฮองเฮาเสด็จกลับมา”
“เจ้าค่ะแม่นมหู”
เหล่าคนรับใช้ในจวนต่างก็รีบวิ่งเข้ามาล้อมนางเอาไว้หลิวหรงผิงก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้น นางเอาแต่วิ่งวนไปวนมาจนบ่าวรับใช้ต่างก็สับสนไปหมดสุดท้ายก็ปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง
องค์หญิงเพ่ยเพ่ยที่ตามเสด็จฮองเฮามาที่จวนของผู้เป็นพี่ด้วยนั้นมองตามนางที่เวลานี้ปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้แล้ว
“ท่านลงมาเดี๋ยวนี้นะข้าเหนื่อยกับท่านเต็มทีแล้ว” แม่นมหูเอ่ยออกมามือทั้งสองท้าวเอวเอาไว้ นางหายใจเหนื่อยหอบเพราะวิ่งตามหลิวหรงผิงไม่ทัน
“ปล่อยนางไว้ตรงนั้นแหล่ะดูสิว่านางจะทำอย่างไร”
องค์หญิงเพ่ยเพ่ยน้องสาวร่วมสายเลือดของจวิ้นอ๋องเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธเมื่อไม่สามารถจัดการกับสตรีบ้าผู้นั้นได้
นางไม่ได้ต้องการให้หลิวหรงผิงผู้นี้แต่งเข้าจวนมาเป็นพี่สะใภ้เลยสักเพียงนิด คนที่นางต้องการให้ผู้เป็นพี่ชายอย่างจวิ้นอ๋องแต่งงานด้วยก็คือ เว่ยอวิ๋นเซียน หลานสาวของพระสนมเว่ยนั่นเอง
ท่าทีที่แสดงออกว่ารังเกียจนางมากนั้นกลับไม่ได้ทำให้หลิวหรงผิงใส่ใจเลยแม้เพียงนิดตรงกันข้ามกับรู้สึกสนุกมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“แต่ว่าองค์หญิงหากว่าท่านอ๋องกลับมาแล้วพบว่านางอยู่บนต้นไม้พวกบ่าวจะถูกลงโทษได้นะเพคะ”
“ช่างสิ สตรีบ้าเช่นนี้เหตุใดท่านพี่ถึงได้ยอมแต่งนางเข้ามาในจวนกันนะ”
“เจ้าๆ นางปีศาจ!”
องค์หญิงเพ่ยเพ่ยหันขวับไปมองหลิวหรงผิงที่กำลังชี้นิ้วมาที่นาง
“เจ้าว่าใครเป็นปีศาจ นังบ้า!”
หลิวหรงผิงไม่ใส่ใจคำพูดนั้น อยู่ๆ นางก็กระโดดลงมาโดยที่คนด้านล่างไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลยสักคน
“กรี๊ด! นังบ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาทับข้าออกไปให้พ้นนะ”
“นังบ้า เจ้าคือนังบ้า ฮ่าๆๆ”
“เจ้าสิบ้าพวกเจ้ายืนเซ่ออะไรอยู่รีบมาลากตัวนางไปขังไว้ที่เรือนบ้านั่นเดี๋ยวนี้!”
“เพคะองค์หญิง”
“พวกเจ้าปล่อยข้านะอย่าทำอะไรพระชายาของข้าไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้อง….” เสี่ยวเถาและซิ่วอิงที่ก่อนหน้านี้ถูกนางกำนัลและบ่าวในจวนจับตัวเอาไว้ก็พลันสะบัดแขนจนหลุดพ้นจากการจับกุมนั้น
แต่ไม่ทันที่พวกนางจะพูดจบองค์หญิงเพ่ยเพ่ยก็ตวัดสายตามองมาด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
“จะฟ้องใครขี้ข้าอย่างพวกเจ้าใครจะสนใจกัน ลากพวกนางออกไปเดี๋ยวนี้!”
"ไม่นะ! องค์หญิงเพคะหม่อมฉันขอประทานอภัยแทนพระชายาด้วย นางๆ ไม่สามารถรับรู้ได้เช่นคนปกติและกระทำการล่วงเกินองค์หญิงไปได้โปรดทรงปล่อยพระชายาไปด้วยเถิดเพคะ หม่อมฉันจะเป็นคนพานางกลับไปที่เรือนเองและจะไม่ให้นางออกมาจากเรือนอีกเลยแม้เพียงก้าวเดียว"
ซิ่วอิงรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าจะรังแกพระชายาของนางท่าเดียว อีกทั้งคนยังมากมายเพียงนี้พวกนางก็คงหนีไม่พ้นที่จะเจ็บตัวอีกเช่นเคย
เมื่อเห็นว่าองค์หญิงยังคงนิ่งเฉยทั้งซิ่วอิงและเสี่ยวเถาต่างก็รีบโขกหัวของตนไปกับพื้นหินตรงหน้าจนดูเหมือนว่าที่ศีรษะของนางทั้งสองนั้นจะเริ่มมีเลือดไหลออกมาแล้ว
หลิวหรงผิงที่เห็นดังนั้นก็หยุดนิ่งไปทันทีนางจ้องมองสาวใช้ของตนเองก่อนจะหันไปมององค์หญิงเพ่ยเพ่ย แววตาดุดันที่ไม่เคยแสดงออกมาให้ใครเห็นแต่เวลานี้แม่นมหูได้เห็นก่อนใครแล้ว
หลิวหรงผิงย่างเท้าเข้าไปหาสาวใช้ของตนหมายจะประคองให้ลุกขึ้นแต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวของทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของแม่นมหูพูดขึ้นว่า
"องค์หญิงนี่ก็ใกล้เวลาที่ฮองเฮากับท่านอ๋องจะกลับเข้าจวนแล้ว ไม่สู้ปล่อยนางไปก่อนดีหรือไม่เพคะ"
แม่นมหูรีบเดินเข้ามากระซิบกับองค์หญิงเพ่ยเพ่ยก่อนจะหันไปจ้องมองหลิวหรงผิงอีกครั้ง
"ก็ได้" องค์หญิงเพ่ยเพ่ยกอดอกก่อนจะชักสีหน้ามึนตึงไปไม่น้อย
"รีบไสหัวไปทั้งนายทั้งบ่าวเสียสิ!” แม่นมหูเอ่ยขึ้นเสียงดังทั้งยังก้าวเข้ามายืนบังหน้าองค์หญิงด้วยเหตุผลอันใดนั้นนางไม่อาจรู้ได้
เสี่ยวเถากับซิ่วอิงรีบลุกขึ้นไปประคองหลิวหรงผิงด้วยความรวดเร็วประหนึ่งกลัวว่าองค์หญิงจะเปลี่ยนใจไปเสียก่อน
“จะทำอะไรข้า จะพาข้าไปเที่ยวหรือ”
“ใช่เพคะไปเที่ยวนะเพคะพระชายา”
“ไปๆๆ ไปสิเร็วเข้า”
สาวใช้ทั้งสองจับแขนทั้งสองข้างของนางเอาไว้ก่อนจะนำพาร่างบอบบางเดินกลับไปที่เรือนของตนทันที
“คอยดูเถอะ สักวันข้าจะเขี่ยเจ้าออกไปจากจวนนี้ให้ได้และให้พี่หญิงเว่ยมาเป็นพี่สะใภ้ของข้าแทน”
“แต่ว่าองค์หญิง นางคือพระชายาที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้กับท่านอ๋องนะเพคะใช่ว่าท่านอ๋องจะหย่ากับนางได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน”
“เฮอะ! ก็คอยดูเถอะไม่มีอะไรที่คนอย่างข้าทำไม่ได้หรอก”
- - - - - - - - -
[1] หนึ่งก้านธูป = ครึ่งชั่วโมง-1ชั่วโมง