“พระชายา ฮือๆ พระชายาฟื้นสิเพคะ”
“เสี่ยวเถาข้าจะไปแจ้งท่านอ๋องว่า ฮึก...พระชายาสิ้นใจแล้ว”
เสียงของซิ่วอิงสาวใช้คนสนิทของหลิวหรงผิงอีกคนเอ่ยขึ้น ดวงตาของนางแดงก่ำจากการร้องไห้มาร่วมหลายชั่วยาม
แม้สตรีทั้งสองจะถูกก่นด่าต่อว่าสารพัดแต่เพราะหลิวหรงผิงเป็นคนเดียวที่พวกนางมี แม้ว่านางจะปากร้ายแต่ก็คอยดูแลหยิบยื่นทุกสิ่งให้ต่อให้เกลียดชังมากเพียงใดก็อดเสียใจไม่ได้ที่เห็นนางมาจากไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
"เจ้าพูดบ้าอะไร พระชายาแค่เพียงหลับไปเท่านั้น ฮือๆ พระชายาลุกขึ้นมาเถอะเพคะ”
เสียงร่ำไห้คร่ำครวญประสานกันขึ้นมาสองเสียงดังอยู่ข้างๆ หูของหลิวหรงผิงปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์
'เสียงใครกันนะ...แล้วทำไมฉันถึงได้ปวดหัวแบบนี้กันล่ะ’
ยิ่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมากขึ้นเท่าใดเธอก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเท่านั้นบวกกับที่ถูกเขย่าตัวด้วยแรงมหาศาลก็ทำเอาเธอรู้สึกเจ็บปวดที่ซี่โครงขึ้นมาไม่น้อย
หลิวหรงผิงพยายามลืมตาตื่นขึ้นจนเมื่อดวงตาเรียวหงส์นั้นตื่นขึ้นเต็มตา ภาพตรงหน้าที่ลางเรือนก็ทำให้เธองุนงงไม่น้อย
เพราะที่เธอนอนอยู่นั้นมันไม่ใช่ห้องนอนแต่คือสถานที่ใดที่หนึ่งที่มีแต่กลิ่นคาวเหม็นสาบของอะไรบางอย่างที่เธอไม่เคยได้พานพบมาก่อน
หญิงสาวหันมองไปตามเสียงร่ำไห้นั้นมองเห็นใบหน้าที่แปดเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา อาภรณ์ที่ทั้งคู่สวมใส่ช่างเหมือนในซีรีย์ที่เธอเคยดูกับเพื่อนสนิทอย่างไรอย่างนั้น
‘นี่มันอะไรกันเนี่ย!’
ความทรงจำสุดท้ายเธอจำได้เพียงว่ากำลังทดลองสูตรยาในห้องทดลองลับของมหาวิทยาลัยX หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนกรีดร้องดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง
แต่เมื่อหันกลับไปดูกลับพบเพียงลำแสงสีขาวสว่างจ้าที่กระทบกับตัวของเธอเข้าอย่างจัง จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอเบาหวิวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
สติสุดท้ายดับวูบไปตั้งแต่ครั้งที่ได้ยินเสียงกรีดร้องนั้นแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่
'แล้วเหตุใดเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน ทะลุมิติมาอย่างนั้นหรือ'
ภาพตรงหน้าที่ไม่คุ้นเคยดึงสติสัมปชัญญะทั้งหมดของเธอให้กลับมาอีกครั้ง เมื่อดวงตาคู่งามเริ่มปรับตัวกับสภาพแวดล้อมตรงหน้าเธอก็ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงไม่น้อย
เพราะตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนโคลนตมที่สกปรกเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้หมู กลิ่นเหม็นสาบทำให้หลิวหรงผิงรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะอาเจียนออกมาเสียตอนนี้
“พระชายาท่านฟื้นแล้ว!”
เสียงร่ำไห้ปะปนกับเสียงร้องตะโกนดีใจของหญิงสาวทั้งสองคนดังก้องเข้ามาในหูของเธอ
“ในที่สุดท่านก็ฟื้นเสียที”
“พระชายา ฮือๆ บ่าวนึกว่าท่านจะไม่ตื่นมาเสียแล้ว”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“พวกบ่าวกลัวว่าท่านจะไม่ยอมตื่นมาอีกแล้วน่ะสิเพคะ”
“ไม่ใช่ คือว่า”
‘มะ เมื่อครู่ฉันพูดอะไรออกไปกันเนี่ย เจ้างั้นหรือทำไมถึงพูดไม่เป็นตัวของตัวเองเช่นนี้กันเล่า’
หลิวหรงผิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจที่รู้สึกได้ว่าคำพูดที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่นั้นเหมือนไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวตนของเธอเลยสักเพียงนิด
“ก็พวกบ่าวดีใจที่พระชายาฟื้นเสียทีนี่เพคะ”
สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งกำลังนั่งเกาะแขนของเธอไม่ยอมปล่อย เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยโคลนตมไม่ต่างจากกัน
กลิ่นเหม็นสาบทำเอาหลิวหรงผิงที่เก็บอาการพะอืดพะอมเอาไว้ก่อนหน้านี้อาเจียนออกมาทั้งหมด
เธอพยายามตั้งสติอีกครั้งคิดเสียว่าที่เห็นและเป็นอยู่ในเวลานี้น่าจะเป็นความฝัน
“ฝันอยู่แน่ๆ ฉันต้องฝันอยู่แน่ๆ ตื่นสิหรงผิงตื่นเดี๋ยวนี้!”
เธอพยายามตบหน้าของตนเองเพื่อเรียกสติและอยากจะให้ทุกสิ่งที่เผชิญอยู่ในเวลานี้คือความฝัน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งทุกๆ สิ่งที่เห็นและหญิงสาวสองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่นั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
‘ให้ตายสิไม่ได้ฝันไปหรือ เรื่องจริงหรือนี่!’
“พระชายาเป็นอะไรไปเพคะรู้สึกไม่สบายใช่หรือไม่กลับเข้าเรือนกันดีกว่า วันนี้บ่าวได้ยินมาว่าฮองเฮาจะเสด็จมาที่จวนหากนางมาพบท่านในสภาพเช่นนี้คงไม่ดีแน่”
“อะไรนะ”
“ก็ฮองเฮาพระมารดาของจวิ้นอ๋องอย่างไรเล่าเพคะ นางเป็นคนโหดร้ายและเจ้าระเบียบยิ่งนักหากรู้ว่าท่านอยู่ในสภาพนี้ไม่แน่อาจได้ส่งแม่นมหูมาอบรมท่านเป็นแน่ รีบกลับไปอาบน้ำเร็วเข้าเพคะ”
‘จวิ้นอ๋องไหน ให้ตายสินี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันนะ’
“ชู่ว์ เสี่ยวเถาเจ้าอยากถูกโบยอีกงั้นหรือ อย่าได้พูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเด็ดขาดกำแพงมีหูประตูก็มีช่องไม่เคยได้ยินหรือ”
“ข้าลืมไป พระชายาไปกันเถอะเพคะ”
หญิงสาวสองคนเข้ามาประคองตัวของเธอ แต่หลิวหรงผิงก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าของคนทั้งคู่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
"พระชายาหิวหรือเพคะ”
"ห้ะ”
'อยู่ในคอกหมูทั้งรูปรสกลิ่นเสียงจัดเต็มเพียงนี้ ใครจะไปมีกระจิตกระใจหิวได้ลงคอกันเล่า!’