บทที่ 1 - จูบแรกกับชายแปลกหน้า [1]

2039 Words
ณิชาสะดุ้งตื่นตอนกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้นที่นอกห้องนอน แต่ไม่ว่าจะเป็นเสียงคนหรือผี หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีก็ไม่กลัวเพราะถ้าไม่แน่จริง เธอคงไม่กล้ามาพักที่บ้านพักริมชายหาดส่วนตัวที่เงียบสงบแห่งนี้เพียงลำพัง               ร่างบอบบางในชุดนอนเสื้อยืดเนื้อบางกับกางเกงขาสั้นจู๋ย่องลงจากเตียงแล้วหยิบไม้เบสบอลที่ตั้งพิงหัวเตียงขึ้นมาถือกระชับไว้ในมือเพื่อใช้เป็นอาวุธ               “ไม่ว่าคนหรือผี ฉันจะฟาดให้หัวแบะเลยคอยดู” หญิงสาวเปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินย่องเข้าไปหาผู้บุกรุกยามวิกาลที่กำลังควานหาสวิตช์ไฟอยู่มุมห้อง มองจากรูปร่างที่สูงใหญ่ทางด้านหลังแล้วต้องเป็นผู้ชายแน่นอน               “แกตาย!” ณิชาเงื้อไม้เบสบอลขึ้นเตรียมฟาดเต็มแรง เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายคนนั้นหาสวิตช์ไฟเจอพอดี               ไฟในห้องนั่งเล่นสว่างจ้าพร้อมกับร่างหนาที่สูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรหันมาจับไม้เบสบอลไว้ได้ทันก่อนที่มันจะกระแทกลงกลางศีรษะของเขา               “เฮ้ย! คุณเป็นใคร!?” ดวงตาสีนิลคมกริบภายใต้คิ้วหนาเข้มเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ที่นี่               ณิชาเองก็สตั๊นไปสามวินาทีเหมือนกันเมื่อเห็นว่าคนที่เธอคิดจะฟาดให้หัวแบะคือพระเอกสุดฮ็อต ผู้ที่สาวน้อย สาวใหญ่ สาวแท้และสาวเทียมทั่วประเทศอยากได้เป็นสามีถึงขั้นยกให้เป็น ‘สามีแห่งชาติ’ “ภีม ภควัตร!” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อดึงไม้เบสบอลจากมือหญิงสาวมาถือไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองก่อนถามย้ำอีกครั้ง “คุณเป็นใคร แล้วมาอยู่ในบ้านเพื่อนผมได้ยังไง”               “ฉันชื่อณิชา เป็นเพื่อนสายไหม” ณิชาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หวายที่รองด้วยเบาะนุ่มอย่างโล่งอกที่เขาไม่ใช่คนร้ายหรือผีอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก               “ผมเป็นเพื่อนของนนท์พี่ชายของสายไหม” พระเอกหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้แล้ววางไม้เบสบอลไว้บนพื้นใกล้ตัว               “ฉันรู้” เธอรู้มานานแล้วว่าภควัตรเป็นเพื่อนสนิทของธนนท์ เพราะสายไหมมักจะคุยโม้ให้ฟังเป็นประจำเวลาที่ไปเจอเขาพร้อมพี่ชาย นอกจากนี้เพื่อนรักของเธอยังพยายามนักหนาที่จะจับคู่ให้เธอกับอีตาพระเอกนี่ แต่เธอก็ไม่สนใจ เพราะอยากมีชีวิตแบบคนทั่วไป ไม่อยากเป็นแฟนซุปเปอร์สตาร์ให้โดนสปอร์ตไลต์ส่องตลอดเวลา จะขยับตัวทำอะไรทีก็ลำบาก “สองพี่น้องนั่นคงให้เรายืมบ้านชนกัน แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้”               “ไม่เห็นต้องทำไง”               “หมายความว่าไง” สาวหน้าหวานขมวดคิ้วข้องใจ               “ผมจะนอนกับคุณที่นี่” เขาตอบหน้าตาย               “ไม่ได้!” ณิชาค้านเสียงดังลั่นบ้าน “ฉันไม่ยอมนอนกับคุณเด็ดขาด คุณมาทีหลัง ออกไปหาโรงแรมนอนในเมืองโน่นเลย”               “นี่มันตีหนึ่งแล้ว จะให้ผมไปหาโรงแรมที่ไหน แล้วผมก็ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงปราณบุรี เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” น้ำเสียงเนือยๆ นั้นบ่งบอกว่าเขาเหนื่อยมากจริงๆ เพราะกว่าจะถ่ายฉากบู๊กลางกรุงอันหนักหน่วงเสร็จก็แทบขาดใจ ทั้งโหนสลิง ทั้งฝังเอฟเฟกต์ถูกยิงตามตัวอีกสี่ห้าจุด ระเบิดทีหูแทบดับและมีจุดหนึ่งที่ทีมงานฝ่ายเทคนิคใส่ดินปืนมากเกินไป ผลคือ เขาได้แผลจากสะเก็ดระเบิดมาเป็นของที่ ‘ระทึก’ หนึ่งแผลเล็กๆ และกว่าจะแหวกฝูงนักข่าวที่มาดักรอสัมภาษณ์เรื่องความรักของเขากับพริมรตา นางเอก ‘คู่จิ้น’ ประจำช่องว่าตกลงกลายเป็น ‘คู่จริง’ ตามที่มีข่าวลือมาพักใหญ่จริงหรือไม่ได้ก็แทบแย่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนักข่าวถึงสนใจนักหนาว่าใครจะรักกับใครหรือใครจะเลิกกับใคร “คุณไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่ใช่พวกโรคจิตบ้ากาม ผมแค่อยากหาที่เงียบๆ พักสมองสักคืนนึง” ภควัตรบอกเมื่อเห็นณิชานั่งนิ่ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรงและดวงตากลมใสก็มีแววหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด ณิชามองหน้าชายหนุ่มที่นั่งข้างกันอย่างพิจารณา เห็นสีหน้าและท่าทางเหนื่อยล้าของเขาซึ่งดูออกว่าไม่ได้เสแสร้งก็ใจอ่อน อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนธนนท์ น่าจะไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็อยากลองเกลี้ยกล่อมให้เขาไปพักที่อื่นอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ “ฉันไม่ได้กลัวคุณปล้ำ ฉันแค่ไม่อยากเป็นข่าวกับคุณ ใครๆ ก็รู้ว่าคุณเป็นแฟนกับพริมมี่ ฉันไม่อยากถูกดึงเข้าไปเป็นมือที่สาม” “ผมกับพริมมี่ ไม่-ได้-เป็น-แฟน-กัน” เขาบอกชัดทุกคำ “แต่มันก็เสี่ยงมากนะที่เราสองคนจะอยู่กันสองต่อสองที่นี่ เกิดเป็นข่าวขึ้นมาชีวิตฉันหายนะแน่” แม้จะใจอ่อน แต่ณิชาก็ยังมีความลำบากใจอยู่ “พวกนักข่าวขุดคุ้ยเก่งจะตาย ไหนจะนักสืบโซเชียลฯ อีก แค่คิดก็สยองแล้ว”               “ที่นี่เงียบอย่างกับป่าช้า ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราอยู่ด้วยกัน ผมสัญญาว่าจะไม่อัพรูปลงไอจี เฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ โนโซเชียลฯ ขนาดมือถือผมยังปิดเครื่องไว้ตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ” เขาหยิบสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดออกมาให้ดูแล้ววางไว้ที่โต๊ะเตี้ยเบื้องหน้า “ผมแค่อยากอยู่อย่างสงบๆ สักวันนึงจริงๆ” ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตัวยาวพลางระบายลมหายใจออกมายาว-เหยียดอย่างอ่อนล้า และดูเหมือนไม่ได้เหนื่อยแค่กาย แต่ยังมีบางเรื่องที่รบกวนจิตใจของเขาอยู่ด้วย “แต่แถวนี้มีบ้านพักอยู่อีกสองสามหลัง” ณิชายังลังเลใจที่จะให้เขาค้างคืนที่นี่ด้วย “อยู่ห่างกันตั้งเยอะและอาจจะไม่มีคนอยู่” ตอนขับรถเข้ามาเขาเห็นบ้านทุกหลังปิดไฟเงียบกริบ “คุณอยู่ที่นี่มากี่วันแล้ว”               “สอง”               “แล้วเห็นใครมาป้วนเปี้ยนแถวนี้มั้ย”               “ไม่เห็น”               “นั่นไง” เขายิ้มอย่างผู้ชนะ “แสดงว่าเราจะอยู่ที่นี่กันได้อย่างสงบสุข จะไม่มีใครมาวุ่นวายกับเรา แล้วเราสองคนก็จะต่างคนต่างอยู่ รับรองว่า ไม่มีปัญหาแน่นอน”               “ตกลงคุณจะนอนกับฉัน เอ๊ย! นอนที่นี่กับฉันให้ได้ใช่มั้ย” ณิชารีบพูดแก้คำพูดล่อแหลมที่อาจทำให้คนฟังเข้าใจผิด               “ที่นี่มีห้องนอนตั้งสามห้อง” เขารู้ดีเพราะเคยมาพักที่นี่หลายครั้ง บ้านพักชั้นเดียวหลังนี้ปลูกอยู่บนพื้นที่ราวห้าสิบตารางวา มีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้องซึ่งณิชาคงจะยึดไปแล้ว และห้องนอนเล็กอีกสองห้อง โถงกลางกว้างขวางจัดเป็นพื้นที่เอนกประสงค์สำหรับดูทีวีหรือไม่ก็เล่นเกมหากมากันเป็นก๊วนแก๊ง ถัดไปเป็นห้องครัวซึ่งมีเครื่องใช้อำนวยความสะดวกครบครัน ด้านนอกมีสระว่ายน้ำ               “สรุปว่ายังไงคุณก็จะนอนที่นี่” “ใช่” เขาพยักหน้ารับหงึกหงัก “คุณนอนห้องคุณ ผมนอนห้องผม ผมไม่แอบย่องเข้าห้องคุณแน่นอน แต่ถ้าคุณจะแอบย่องเข้าห้องผม ผมโอเค” พระเอกหนุ่มยิ้มยั่วนัยน์ตาแพรวพราวหวังจะสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้นซึ่งก็ได้ผลเพราะถูกคนที่ตั้งท่าหวาดระแวงในตอนแรกย่นจมูกใส่ทันที               “ฉันไม่ใช่เอฟซีคุณ ไม่ต้องมาอ่อย” ณิชาลุกพรวดขึ้นจะเดินหนีเข้าห้อง แต่ดันเหยียบไม้เบสบอลที่ถูกวางทิ้งไว้บนพื้นทำให้ล้มลงไปนอนทับภค-วัตรทั้งตัว               “แน่ะๆ ยังไม่ทันไรก็จะปล้ำผมซะแล้ว” ชายหนุ่มแกล้งพูดยิ้มๆ ทั้งที่ยังไม่ยอมคลายวงแขนที่โอบกอดอยู่รอบเอวบาง               “ใครจะไปอยากทำอย่างนนั้น” ณิชาบอกเสียงเบาด้วยความเขินอายพลางดิ้นยุกยิกแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย               “มีผู้หญิงตั้งเยอะที่อยากมีอะไรกับผม”               “แต่ไม่ใช่ฉัน” หญิงสาวบอกเสียงเข้มแล้วดิ้นแรงสุดชีวิตเพื่อให้หลุดจากวงแขนแข็งแกร่งของเขา “ปล่อยฉันนะ”               “ยิ่งคุณดิ้น ผมก็ยิ่งไม่อยากปล่อย” ใครจะปล่อยของดีให้หลุดมือ เนื้อตัวเธอทั้งนุ่มทั้งหอม โดยเฉพาะทรวงอกอวบอิ่มที่เสียดสีอยู่กับแผงอกของเขาช่างให้ความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน จากตอนแรกที่คิดว่าจะแค่แกล้งยั่วเล่นๆ แต่ตอนนี้ชักอยากทำอะไรๆ ขึ้นมาจริงๆ ซะแล้ว               “คุณมีแฟนมั้ย” อยู่ๆ เขาก็ถามคำถามที่แม้แต่ตัวเองยังแปลกใจ               “ถามทำไม”               “ตอบ” เขาย้ำเสียงเข้มพลางกระชับวงแขนโอบรัดคนที่ดิ้นยุกยิกอยู่บนตัวไม่หยุดให้แน่นขึ้น               “ไม่มี”               ภควัตรยิ้มมุมปากด้วยความพอใจแล้วแนบริมฝีปากลงบนเรียวปากอ่อนนุ่มส่งผลให้ดวงตากลมใสเบิกกว้างด้วยความตกใจ ณิชาได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ปะปนอยู่ในลมหายใจของเขา รับรู้รสชาติของมันจากปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาไล้วนอยู่ภายใน เธออยากลุกหนีแต่ท้ายทอยถูกมือใหญ่กดตรึงไว้ ส่วนมืออีกข้างของเขาโอบรัดหลังเอวเธอไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว เขาทำแบบนี้กับผู้หญิงที่เจอกันไม่ถึงสิบนาทีได้ยังไง ทั้งชีวิตณิชาเคยมีแฟนแค่คนเดียวตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายลึกซึ้ง แม้แต่จูบแบบที่ภควัตรกำลังทำก็ไม่เคย มากสุดที่ยอมก็แค่ ‘จับมือ’ เท่านั้น แต่แล้วชายแปลกหน้าคนนี้ดันมาขโมยจูบแรกของเธอไปหน้าตาเฉย               “อื้อ...” ณิชาหลุดเสียงครางออกมาเมื่อเขาดูดที่ปลายลิ้นของเธออย่างลึกซึ้ง ความปรารถนาแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในช่องท้อง ความร้อนวาบแผ่กระจายไปทั่วทุกอณูร่างกายอย่างรวดเร็ว               เธอควรต่อต้านเขา ไม่ใช่มีอารมณ์กับเขาแบบนี้               “ปล่อยฉัน” หญิงสาวรวบรวมสติและพละกำลังทั้งหมดดันตัวเองออกจากร่างกำยำที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนเฉพาะตัวจนเธอเกือบจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ และจังหวะที่จะวิ่งหนีกลับเข้าห้องดันเหยียบไม้เบสบอลอีกรอบจนเกือบล้ม แต่ภควัตรก็ไวพอที่จะลุกตามไปโอบประคองไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะหงายหลังล้มกระแทกพื้น               “ระวัง” เขาบอกเสียงเรียบพลางกระชับวงแขนกอดเธอแน่นอย่างไม่อยากปล่อย เธอสวยและมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากจนเขาอยากจับกดเสียตรงนี้ ภควัตรไม่ใช่ผู้ชายกินไม่เลือก แต่สำหรับณิชา เขารู้ข้อมูลส่วนตัวของเธออย่างละเอียดจากสายไหมมานานแล้ว น้องสาวเพื่อนสนิทของเขาพยายามจะเป็นแม่สื่อให้เขากับเพื่อนสนิทของเธอมาตลอด แต่เขาไม่ได้สนใจเพราะไม่คิดว่าณิชาจะน่าสนใจมากขนาดนี้ “ปล่อยฉันนะ” ณิชาพยายามดันตัวออกจากอ้อมกอดแต่ไม่เป็นผล “คุณเป็นซุป’ตาร์ล่าสวาทอย่างที่เขาพูดกันจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”               ภควัตรแค่นยิ้ม “คุณก็เชื่อข่าวนั่นด้วยเหรอ”               “ฉันไม่ได้ตัดสินคุณจากข่าว ฉันตัดสินคุณจากสิ่งที่คุณทำกับฉัน”               “ผมทำอะไรคุณ...หือ?”               ณิชาเกลียดการลากหางเสียงที่ปั่นป่วนความรู้สึกของเขาเหลือเกิน “รู้อยู่แก่ใจยังจะถามอีก” เธอว่าเสียงเบา อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว               “ถ้าคุณไม่พูด ผมก็ไม่ปล่อย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD