บทที่10

1000 Words
“ใช่ค่ะ” “อืม บอกเพื่อนเธอพรุ่งนี้ให้มาที่บริษัทละกัน แล้วก็เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมารับตอนเช้า” “เสี่ยจะไปแล้วหรอคะ…” เออดิ่ เหม็นขี้หน้าจะตายชัก แต่ผมไม่ได้ตอบออกไปหรอกนะรำคาญจะคุย พูดกับยัยนี่นาน ๆ แล้วเสียประสาท วันนี้ผมว่าจะกลับบ้านสักหน่อยหลังจากที่ไม่ได้กลับมาเป็นเดือนเพราะสิงอยู่แต่คอนโด แต่ผมคิดว่าต่อจากนี้คง กลับบ้านบ่อยขึ้น หรืออาจจะแทบไม่ไปนอนไหนเลยก็ได้ บ้านอัครพงษ์สวัสดิ์ ผมแวะไปดื่มมานิดหน่อยกว่าจะกลับบ้านก็ปาเข้าไปตี 2 แต่วันนี้ผมไม่ได้หิ้วใครมาด้วยหรอกนะ เดี๋ยวป๊าได้ด่าเช็ดแน่ เมื่อก่อนผมเคยพามาอยู่ครั้งนึงแบบว่ากำลังฟิชเจอร์ริ่งกันบนเตียงอย่างเมามันส์ ป๊าดันเปิดเข้ามาซะงั้น ไม่ได้เปิดแล้วทำเฉย ๆ นะ ป๊าเข้ามาด่าทั้ง ๆ ที่ผมกับเธอคนนั้นกำลังทำกิจกรรมกันแบบโคตรอายครับ หลังจากนั้นเป็นอันรู้กันในหมู่พี่น้องว่าไม่ควรพาผู้หญิงมาทำซัมติงกันที่บ้าน ตอนนี้ทั้งบ้านมืดสนิทก็คงจะนอนกันหมดแล้วแหละ ผมว่าจะน้ำเย็น ๆ ดื่มก่อนขึ้นไปนอนสักหน่อยแต่คือขี้เกียจเปิดไฟอ่ะ เดินแม่งมืด ๆ แบบนี้แหละ “เหี้ย!!! ตกใจหมด!” ระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้ามาในห้องครัวก็ชนใครคนหนึ่งเข้า ก็ไม่ใช่ใครหรอกไอ้ไฟกัลป์นั่นเองมันเป็นคนเดียวที่ติดบ้านมากไม่ยอมไปอยู่ที่ไหน โคตรลูกแหง่อ่ะ “เหี้ยไรเดินสองขาวะ เพ้อเจ้อนะแกเนี่ย” “กวนตีนงี้ไงถึงไม่มีใครคบ” ก็จริงแบบที่มันพูดเพราะผมมีเพื่อนไม่กี่คนไม่ใช่แบบเลือกคบนะ แต่ไม่มีใครคบผมต่างหาก! “วันนี้ทำไมกลับบ้านได้วะเนี่ย แล้วสาวน้อยเด็กแกคนนั้นละเป็นไง?” ” หลังจากที่ผมกับมันมานั่งลงบนโซฟาห้องนั่งเล่นมันก็เปิดฉากสนทนาที่น่าเบื่อใส่ผม ถามเรื่องอื่นกันบ้างเหอะโว้ยยย วีขอ! “ก็เป็นงั้นแหละ แม่งปันยาอ่อน พูดแล้วอารมณ์เสีย” “เฮ๊ย ออกนะน่ารัก ชื่ออะไรมนต์ ๆ นะ” “น้ำมนต์ แต่กูว่าน่าจะน้ำเน่ามากกว่า” ที่พูดงี้คือชีวิตเธอแม่งน้ำเน่ามาก จากที่ผมฟังหล่อนคุยกับไอ้หมอนั่นได้ยินว่าแม่เธอป่วยเป็นมะเร็งแล้วคือเหมือนจะอยู่ได้ไม่นานด้วย ผมเข้าใจนะว่าเธอจะรู้สึกยังไงเพราะหลานผมก็ป่วยต้องนอนโรงพยาบาลตลอดเวลาเช่นกัน แต่ต้องยอมรับเลยว่าเธอไม่ได้ทำตัวซึมเศร้าเหมือนคนใกล้ตาย เธอกลับสร้างความร่าเริงให้กับชีวิตถือว่าเป็นข้อดีเพราะการคิดบวกทำให้อะไร ๆ ในชีวิตดีขึ้น “จะว่าไปน้ำมนต์ก็ดูคล้าย ๆ กับ….” “ไปนอนละเว้ย คุยกับแกนี่เสียเวลาชะมัด” เปล่าหรอกผมรีบตัดบทเพราะไม่อยากได้ยินสิ่งที่มันจะพูดต่างหาก ดูจากหน้าของไฟกัลป์แล้วผมรู้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะพูด ซึ่งผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมันหรอกแค่ไม่อยากได้ยินชื่อให้เป็นเสนียดหูเท่านั้นแหละ เสี่ยมารับฉันแต่เช้าเหมือนเมื่อวาน จะว่าไปแล้วตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่ไม่มีสักวันที่เสี่ยค้างกับฉันนี่ถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงเสร็จไปตั้งแต่วันแรกแล้วแน่ๆ ที่เป็่นแบบนี้เพราะเสี่ยต้องการให้เกียรติฉันแน่ ๆ เลย โอ๊ยแค่คิดก็ฟิน ทั้งหล่อ ใจดี แถมสุภาพบุรุษอีก ใครไม่รักก็บ้าแล้วว่าป่ะ?! "เคยไปหาหมอบ้างมั้ย" เขาขับรถอยู่เงียบ ๆ ตั้งนาน อยู่ ๆ ก็ถามเรื่องอะไรไม่รู้ แล้วทำไมฉันต้องไปหาหมอด้วย? หรือทุกคืนตอนฉันหลับเขาแอบมาลักหลับ!? ไม่นะ!! ขอแบบมีสติครบถ้วนได้ป่ะ แบบมันไม่ฟิน!! "เสี่ยถามแบบนี้...แอบทำอะไรน้ำรึเปล่าคะ?" คือก็หวังคำตอบว่า 'ใช่' นะ "ก่อนไปทำงาน ฉันว่าพาเธอไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่าว่ะ" "ไปทำไมคะ?" "ตรวจเชื้อบ้า ตอนแรกคิดว่าเธอคงไม่เต็มบาท แต่ดู ๆ แล้วเธอมันเข้าขั้นบ้าเลยว่ะ นอกจากชอบนั่งยิ้มคนเดียว แล้วยังมีความคิดปัญญาอ่อนอีก! ถามจริง บ้านเธออยู่ติดพวกโรงงานทำกาวหรอวะ โคตรเพี้ยน!!" บ้านฉันไม่ได้ติดโรงงานทำกาวนะ!! อยู่ติดโรงโม่หินต่างหาก!! เสี่ยนี่เป็นพวกจินตนาการติดลบแน่ ๆ คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าปราศจากความฝันและฝันของฉันตอนนี้ ก็แค่อยากให้เสี่ยรักฉันเท่านั้นเอง!! เสี่ยเองก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรด้วย ที่เขาชอบว่าฉันนั่นก็เพราะว่าเขิน ฉันน่ะรู้ทันเสี่ยนะ กิ้วๆ ทำเป็นว่าท่ามาดขรึมไปอย่างนั้นเองแหละ "ที่เสี่ยชอบว่าน้ำเนี่ย เพราะว่าเขินใช่ม๊า?" "ตรรกะอะไรของเธอวะ จะกวนตีนไง?" ฉันกวนตรงไหน?? "เสี่ย.." "หุบปากไปแล้วนั่งเงียบ ๆ ประสาทจะแดก" เขาทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตก คือฉันพูดอะไรผิด? แค่พูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้ โถ่!! ตาเสี่ยขี่เก็ก! "หุบยิ้มด้วย!! รำคาญลูกตา!!" นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิงฉันคงเข้าใจว่าเขากำลังเป็นมนุษย์เมนส์!! เหวี่ยงใส่ฉันแบบไม่มีเหตุผล!! ฉันเลยนั่งหน้าตึงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เสี่ยหันมามองเป็นระยะ ๆ แล้วบ่นสบถอะไรไม่รู้ตลอดทาง เหมือนไม่พอใจฉันอยู่ตลอดเวลา พอถึงปุ๊บก็รีบเดินหน้าหงิก หรือเสี่ยจะงอนที่ฉันไม่ง้อเขานะ..?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD