2

1529 Words
“เจินเอ๋อ ข้ากลัว” เจียวลู่พูดเสียงสั่น ความกลัวยังคงเกาะอยู่ในใจ ภาพสยองขวัญเหล่านั้นยังไม่เคยจางหายไป “นายท่านกับฮูหยินจะคอยเป็นกำลังใจให้คุณหนูนะเจ้าคะ” เจียวลู่เม้มปาก นางจำเค้าหน้าบิดา มารดาไม่ได้แล้ว ภาพเก่าๆ ที่มีก็ซีดจาง มีเพียงแววตาแฝงความรักของมารดาที่ยังคงค้างอยู่ในความทรงจำ เรียวปากสีดอกเหมยเม้มจนเป็นเส้นตรง “ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้คนสกุลเจียวทั้งหมด” เสียงเจียวลู่แข็งขึ้น ความทะนงในสายเลือดแผ่ซ่านไปทั่วทุกรูขุมขน เจียวเจี๋ยยกมือปาดน้ำตา หากนางอายุน้อยกว่านี้สักนิด ภาระนั่นนางจะแบกไว้เอง ไม่มีทางให้น้องสาวต้องแบกหน้าไปเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่กำหนดไม่ได้นั่นเลย ช่วงต้นปีก่อนจะมีหมายกำหนดการคัดเลือกนางกำนัลวังหลัง เจียวเจี๋ยผูกไมตรีกับสกุลถัง ผ่านบิดา มารดาของเจินเอ๋อ ยามนั้นสกุลถังเดือดร้อนเข้าขั้นวิกฤติ คงเพราะมีศึกใหญ่ที่หัวเมืองทิศใต้ ภายใต้แกนนำของสกุลโจ เสบียงที่ควรถึงมือสกุลโจตั้งแต่ปลายปีก่อน ถูกสับเปลี่ยน แถมยังไม่เพียงพอที่จะแจกจ่ายให้กับทหารที่กำลังกร่ำศึกอยู่ มันเป็นเพราะบุตรชายหน้าโง่ของสกุลถัง ถูกหลอกล่อ ถังเหวินที่โง่เขลา แอบยักยอกเสบียงไปขาย เพื่อใช้หนี้การพนัน ถังฮุ่ยคนพ่อเลยจำใจรับไมตรีจากเจียวเจี๋ย ทั้งที่รู้จุดประสงของนางดีว่าสกุลเจียวต้องการอะไรจากตน พอแก้วิกฤติได้ ถังฮุ่ยกับถังเหวินก็เริ่มวางแผน การเอาหัวไปพาดอยู่บนคมกระบี่ ไม่ใช่การดีนัก ภายในวังหลังนั้น มีกลไกซับซ้อน และคนที่อยู่เหนือผู้อื่นอย่างแท้จริง คือพระสนมผู่เยว่ ที่มีบิดาเป็นถึงท่านราชครู ราชครูเฉินหยางกุมอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ด้านนอก ขุนนางหลายคนเข้าหาเพื่อครอบครองความเป็นใหญ่ ส่วนภายในก็มีสนมผู่เยว่เป็นคนคอยจัดการ ไทเฮาเองก็แก่ชราลงทุกวัน อำนาจบารมีที่เคยมีก็ถูกแย่งชิงไปหน้าด้านๆ เรื่องราวมันซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนจับมือคนบงการไม่ได้ สกุลเจียวทั้งสกุลเลยตายฟรี ไม่มีข่าวร้ายนั่นลอยเข้าหูของคนในราชสำนักเลย “ท่านพ่อ เรื่องของคนสกุลเจียว ท่านคิดว่าควรจัดการยังไงหรือขอรับ” ถังเหวินทนเก็บงำความสงสัยไว้ไม่ไหว เลยโพล่งถามบิดาในเช้าวันหนึ่ง ถังฮุ่ยยกจอกน้ำชาขึ้นจิบ พลางถอนใจแรงๆ “จะทำไงได้ ก็คงต้องทำตามที่นางต้องการ” “แบบนั้น อนาคตสกุลถังของเราจะมีปัญหาหรือไม่” “เพราะข้ามีลูกโง่อย่างเจ้าไง ตอนนี้สกุลถังของเราเลยพลอยตกที่นั่งลำบากไปด้วย” ถังฮุ่ยตวาดใส่หน้าบุตรชาย ถังเหวินกะพริบเปลือกตาปริบๆ พลางเม้มปาก “เพราะคนสกุลโจที่อวดดีต่างหาก ขนาดจะอดตายยังยโสไม่ยอมรับสินบนจากเรา” ถังเหวินโยนความผิดให้กับโจฟางซิน รองแม่ทัพที่มีทหารกล้าตายสามพันนาย และกำลังทำศึกกับโจรภูเขาที่กำลังออกอาละวาด จนชาวบ้านตาดำๆ ต้องนอนผวา หลายครอบครัวถูกปล้นสะดม ไม่มีแม้อาหารยาไส้ “นั่นเพราะคนสกุลโจฉลาดไง หากออกรบแล้วแพ้ คนสกุลนั้นจะสร้างชื่อให้ตัวเองได้ยังไง ยิ่งอาหารกองทัพไม่พอเลี้ยงทหาร ความผิดถึงขั้นประหารเจ็ดชั่วโคตร โจฟางซินเลยไม่เอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแทนเจ้า!!” “ท่านพ่อ ท่านช่วยข้าคิดหาวิธีสักหน่อยสิ” “ยังต้องคิดอะไรอีก รอให้รองแม่ทัพเอาชนะโจรป่าได้ เจ้ากับข้าเตรียมถูกลงทัณฑ์ได้เลย” “ข้าไม่อยากถูกโบย” ถังเหวินบ่นงึมงำ “ข้าจะพยายามรักษาหัวของเจ้าให้อยู่ที่เดิม” ถังฮุ่ยกระแทกจอกน้ำชา แล้วก็เดินหนีไป ปล่อยให้บุตรชายจอมเสเพลนั่งฮึดฮัดอยู่ที่เดิม ถังเหวินอดคิดถึงเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนั้นไม่ได้ คงเพราะสกุลโจเอาดีทางการเป็นทหาร โจฟานซินที่เป็นยอดฝีมือเลยเข้าตาแม่ทัพ เขาไต่เต้ามาจากทหารทั่วไป บัดนี้กินตำแหน่งถึงรองแม่ทัพ และหากฝีมือเข้าตา อนาคตไม่แคล้วได้เป็นแม่ทัพใหญ่ มีทหารหลายพันในอยู่ในกำมือ “ข้าไม่มีทางยอมให้เด็กเหลือขอสกุลโจข่มเอาหรอก” เด็กชายสกุลโจที่เคยเป็นแค่ลูกไล่ พอได้ดิบได้ดีคิดจะใช้ตำแหน่งเหยียบย่ำศักดิ์ศรีสกุลถัง ถังเหวินจะไม่ยอมทน รถม้าสกุลถังจอดอยู่ที่ถนนหน้าเรือน เจินเอ๋อเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใส่ห่อผ้า ระหว่างนั้นก็อดกังวลไม่ได้ การเดินทางไปที่ใหม่ คือการปรากฏตัวของเจียวลู่ครั้งแรก ทั่วทั้งแผ่นดินจะร่วมรับรู้ คนสกุลเจียวยังเหลือทายาท จากนี้ไปเภทภัยคงโถมเข้าใส่ เจียวลู่จะมีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของนาง “คุณหนูรอง สวมชุดนี้เถอะเจ้าค่ะ” เจียวลู่ขมวดคิ้ว มองชุดสีเรียบในมือสาวใช้พร้อมกับขยับปากถาม “ทำไมข้าต้องสวมชุดของเจ้าด้วยละเจินเอ๋อ” เจินเอ๋อทรุดนั่ง ป้องปากกระซิบ “ระหว่างทางอาจมีอันตราย เพื่อความปลอดภัยของคุณหนู ข้าเลยไม่อยากให้ท่านเสี่ยง” เจียวลู่ยอมตามใจสาวใช้ นางเปลี่ยนชุดตัวเองออก และสวมชุดสีเรียบๆ ของเจินเอ๋อแทน “เจ้าละ จะสวมชุดของข้าหรือเปล่า” เจินเอ๋อส่ายหน้า ฉวยเสื้อคลุมตัวโปรดของเจียวลู่มาคลุมไว้ที่หัวไหล่แทน จากนั้นก็ส่งหมวกฟางให้กับเจียวลู่ “ปลอดภัยไว้ก่อนนะเจ้าคะ” เจียวเจี๋ยเดินเข้ามาหา ดวงตาของนางเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสใส นี่เป็นครั้งแรกที่นางกับน้องสาวต้องอยู่ห่างกัน “นี่ห่อข้าว พี่เตรียมไว้ให้เจ้า” ข้าวห่อใบบัว เจียวเจี๋ยลุกมาเตรียมไว้ตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเป็นเสบียงให้น้องสาวระหว่างเดินทาง “พี่ใหญ่” เจียวลู่โผเข้าหา สองมือสอดกอดรัดเอวบางของเจียวเจี๋ย “เจ้าไม่ควรเสียน้ำตาในวันนี้” เจียวเจี๋ยกระซิบปราม ทั้งที่นางเองน้ำตาก็จวนจะหยด “เจี่ย เลื่อนออกไปอีกสักวันไม่ได้หรือเจ้าคะ” เจียวลู่เอียงคอมองหน้าพี่สาว พลางเบะปาก “เจ้าต้องไปเตรียมตัว จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้” เจียวเจี๋ยส่ายหน้า ความหวังของนางฝากไว้ที่เจียวลู่ หากพลาดวันนี้ จากนี้ไป ไม่มีหนทางที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้สกุลเจียวได้เลย “เจินเอ๋อ คอยดูแลคุณหนูดีๆ ละ” “คุณหนูใหญ่วางใจได้เลยเจ้าค่ะ เจินเอ๋อจะตามคุณหนูทุกฝีก้าว จะไม่ยอมให้นางมีอันตรายด้วย” เจียวเจี๋ยคลี่ยิ้มอ่อนๆ มือเรียวบางยกขึ้นลูบเรือนผมของเจียวลู่ พลางถอนใจ ผู้หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือน แถมวัยเกินเกณฑ์ที่จะแต่งงานอย่างนาง ที่ทำได้ก็ทำไปแล้ว ที่ทำไม่ได้ ก็ต้องอาศัยน้องสาวสืบต่อ “เรื่องที่เจ้าจะไปทำสำคัญมากนะลู่เอ๋อ” “ข้ารู้” เจียวลู่ก้มหน้า สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อสลัดความกลัวที่ค่อยๆ ผุดขึ้นมาเหมือนเงาปีศาจ “พี่จะรออยู่ที่นี่ หากรู้ว่าภัยถึงตัว แล้วรับมือไม่ไหวก็ให้กลับมา” เจียวเจี๋ยสั่งความครั้งสุดท้าย เจียวลู่พยักหน้ารับ สกุลเจียวต้องพึ่งพาโอกาสครั้งนี้ แม้จะกลัวจนตัวสั่น นางก็ต้องออกไปเผชิญหน้า 3. รถม้าสกุลถังวิ่งผ่านแนวเขา มุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองเสี่ยวเป้ย ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าสนที่สูงท่วมศีรษะ มีทางดินเล็กๆ พอให้รู้จุดหมาย เจินเอ๋อคอยมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อระวังภัย จนกว่าจะถึงจุดหมาย นางไม่มีทางหลับตาลง เวลากว่าสองชั่วยามที่นั่งหัวสั่นคลอนมาตลอดทาง ในที่สุดถนนที่รถม้าสกุลถังวิ่งผ่านก็ราบเรียบไม่ได้ขุระเหมือนเดิม “รออยู่ที่นี่นะแม่นาง ข้าจะไปเรียนนายท่านให้ทราบก่อน” คนขับรถม้าหน้าตาเย็นชาเปรยเสียงแผ่วๆ ตอนที่จอดรถม้าหน้าโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองเสี่ยวเป้ย ห่างจากวังหลวงไม่ถึงหนึ่งลี้ เจินเอ๋อรวบห่อผ้าเข้าหาตัว แล้วก็รั้งข้อมือเจียวลู่ให้ลงจากรถม้า สองสตรีสาวหมุนมองไปรอบๆ ตัว ถัดจากโรงเตี้ยมคือจวนของสกุลโจ รองแม่ทัพนั่นเอง หน้าประตูมีทหารกล้าสองนายยืนทำหน้าที่อยู่ ท่าทางทะมัดแทมงนั่นสะดุดตาเจียวลู่ จนละสายตาไม่ได้ จู่ๆ เสียงฝีเท้ามาดังขึ้นดื้อๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD