หลายปีต่อมา…
[น้อง]
“ตายัก ทำไมกลับช้าอีกแล้วล่ะ” เสียงแม่เกี๊ยวถามใครบางคนที่เดินถือรองเท้าเข้ามาในห้องอาหาร “แล้วนั่นถืออะไรเข้ามาน่ะ ทำไมไม่เก็บให้เรียบร้อยก่อน นี่ห้องกินข้าวนะ”
“พ่อเข้ากรุงเทพอีกแล้วเหรอ” แต่คนที่เดินผ่านหลังฉันไปกลับไม่สนคำแม่ เขาถามขึ้นแบบไม่เจาะจงคนตอบก่อนจะปรายตามองมาทางฉัน ทำให้รีบก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตาเขา
“อือ ไปดูโรงเรียนใหม่ให้กู” พี่พระเพลิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันเป็นคนตอบ
“ทำไมอะ มึงไม่ต่อที่เดียวกับพวกกูเหรอ สอบได้แล้วนี่” ทุกคนกำลังจบมัธยมที่สาม แน่นอนว่าตอนนี้ฉันเองก็อยู่ประถมหก พวกเราทุกคนเรียนโรงเรียนเดียวกันในตัวจังหวัดภูเก็ต แต่โรงเรียนนั้นไม่มีมอปลาย พวกพี่ ๆ เลยต้องสอบเข้าที่อื่น
“มันต่อยลูกผู้อำนวยการสองครั้งนี้แล้ว ส่วนอีกที่ที่พ่อไปคุยไว้ มันก็ไปกระทืบรุ่นพี่มอห้า คงจะได้เรียนต่อแถวนี้อยู่หรอก มอปลายที่เล็งไว้ก็มีไม่กี่ที่เอง น่าจะได้เข้ากรุงเทพไปอยู่กับป้าอะ ดูแล้วคงต้องเอาเงินยัดด้วยมั้ง สอบเข้าไม่ทันแล้ว” พี่พระพายขยายความให้คนที่งงอยู่ฟัง พอรู้ว่าพี่ชายฝาแฝดตัวเองไปต่อยใครมาก็พยักหน้าให้เหมือนเป็นเรื่องปกติ
ใช่แล้ว พี่พระเพลิงน่ะ ต่อยตีคนอื่นราวกับเป็นเรื่องปกติ ส่วนใหญ่ปัญหาทั้งหมดจะมาจากผู้หญิง บางคนก็เป็นเพื่อน บางคนก็เป็นแฟน พี่ฉันฮอตใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่แย่งแฟนเขา เขาก็มาแย่งแฟนไป เลยเกิดเรื่องอย่างที่เห็น
“คราวนี้ถ้ามีปัญหาอีก แม่กับพ่อจะส่งเพลิงไปอยู่ฮ่องกงกับคุณปู่คุณย่านะ” พอแม่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยขึ้นทุกคนก็เงียบเสียงลง “แล้วนั่นจะไปไหนตายัก มากินข้าวก่อนสิ” พอเห็นว่าใครบางคนจะเดินออกจากห้องอาหารไปโดยไม่ทันกินอะไรแม่ก็รีบท้วง
“ยักไม่หิว กินไม่ลง” ประโยคแรกตอบคำถามแม่ ประโยคต่อมามองมาทางฉัน “แต่กินให้ก็ได้” ว่าแล้วก็เดินกลับมาหยิบหมูทอดในจานฉันใส่ปากแล้วเดินออกไป
“ตายัก!”
“มึงไม่ล้างมือแล้วมาหยิบข้าวน้องได้ไงวะ” พี่พระพายกับแม่ตะโกนตามหลังคนบางคนไป
“น้องไม่เป็นไรค่ะ น้องกินได้”
“พี่ช้อย พายรบกวนเปลี่ยนจานข้าวให้น้องใหม่ด้วยครับ” พี่ใหญ่เอ่ยแบบนั้นฉันก็รีบวางช้อนลง มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร ถ้าบนโต๊ะอาหารมีฉันจะต้องไม่มีพี่พยัคฆ์ ไม่สิ... คุณพยัคฆ์ต่างหากล่ะ ตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้ฉันก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ชอบฉัน เขามักกลั่นแกล้งฉันอยู่เสมอ แต่เพราะสำนึกตลอดว่ามาอาศัยเขาอยู่ ฉันเลยไม่เคยบอกใครและไม่ถือสาอะไร ขอแค่มีข้าวให้กินทุกมื้อกับที่นอนอุ่น ๆ ให้นอนก็พอแล้ว ไม่ต้องไปนั่งหนาวหิวข้าวอยู่ข้างถังขยะเหมือนวันนั้น ต่อให้โดนแกล้งหนักขนาดไหนฉันก็จะอดทน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มาแล้วค่ะ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นรัว ๆ ทำให้ฉันรีบลุกจากเตียงไปเปิดให้ ฟังจากเสียงรัวแทบประตูทะลุก็พอจะเดาออกว่าใครมา
“พ่อซื้อโทรศัพท์ให้เธอเหรอ เอามาให้ฉัน” ไม่ว่าเปล่าแต่แบมือรอพร้อมส่งสายตาดุ ๆ มาด้วย
“แต่มันเป็นของน้องนะคะ”
“ขยะที่ไม่มีถังให้อยู่อย่างเธอมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง เอามา” สิ้นเสียงดุฉันก็รีบยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เอี่ยมให้เขา ประโยคเมื่อครู่นี้ทำให้ฉันนึกถึงวันที่ตัวเองถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ข้างถังขยะ แม้เรื่องราวของพวกท่านจะค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่เรื่องในวันนั้นฉันไม่เคยลืมเลย ไม่เคยลืมเลยสักอย่าง
“เลือกของแพงซะด้วย ตั้งใจมาปอกลอกบ้านฉันหรือไงยัยกาฝาก ได้เกรดเฉลี่ยดีด้วยนี่ คราวนี้ขออะไรอีกล่ะ”
“…ไม่ได้ขออะไรค่ะ ส่วนมือถือพ่อกับแม่เป็นคนซื้อให้เอง”
“ฉันจะจับตาดูเธอจำไว้ ถ้าวันไหนที่เธอโลภมากจนน่ารำคาญ ฉันจะจัดการเธอ”
“ที่ผ่านมาน้องยังพิสูจน์ตัวเองไม่พออีกเหรอคะ”
“แค่ใช้เงินที่พ่อกับแม่ให้แต่ละเดือนแค่ครึ่งหนึ่ง ทำงานบ้านแทนพวกฉัน แล้วก็ไม่มีปากมีเสียง แค่นี้เธอเรียกว่าพิสูจน์ตัวเอง?”
“ก็คุณพยัคฆ์บอกให้ทำ…”
“ออกไปจากที่นี่สิ ไสหัวไปจากบ้านฉัน อย่ามาเรียกพี่ ๆ ของฉันเหมือนเป็นพี่ของเธอ อย่ามาเรียกพ่อแม่ของฉันว่าพ่อแม่ด้วย เลิกทำเหมือนครอบครัวฉันเป็นครอบครัวของเธอ ทำได้ไหมล่ะ”
“…”
“ให้รออยู่หน้าบ้านคนรวย ทำตัวให้น่าสงสาร ทำตัวว่านอนสอนง่ายเข้าไว้ เขาจะได้เอ็นดู เผื่อโชคดีเขาอาจจะเลี้ยงจนโตแล้วฟลุกได้มรดก จะได้มีกินมีใช้ ลูกชายบ้านนี้ก็ตั้งสามคน ถ้าได้สักคนเป็นผัวก็สบายไปทั้งชาติ”
“…” ประโยคยาวยืดของคนที่เพิ่งเรียนจบมอสามทำฉันใจหายวาบ พอสบตากับคนตรงหน้าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นถี่ขึ้น สองขาถอยหลังหนีทีละก้าวเพราะเขาเดินหน้าเข้ามาใกล้ขึ้น
“ถึงตอนนั้นฉันจะแค่แปดขวบแต่ฉันจำได้แม่นเลยนะ คำพูดที่พ่อกับแม่เธอพูดก่อนจะให้เธอนั่งทำตัวน่าสงสารอยู่ข้างถังขยะหน้าบ้านฉันน่ะ”
“คุณพยัคฆ์เห็น… เหรอคะ” ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้หรอกว่าที่พ่อกับแม่พูดมันหมายความว่ายังไง แม้ตอนนี้จะจำเรื่องวันนั้นได้ขึ้นใจแต่ฉันก็ไม่เคยคิดทำอย่างที่พวกท่านสอน
“ฉันเห็นทุกอย่างนั่นแหละ แล้วก็รู้ด้วยว่าเธอเห็นฉัน เธอเลยไม่กล้ามองหน้าฉันตอนเข้ามาในบ้านใช่ไหมล่ะ”
“…” ใช่ ฉันเห็นเขา แต่พอพ่อกับแม่ฉันจากไปเขาก็ไม่อยู่แล้ว
“เธอก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เข้าหาครอบครัวฉันนั่นแหละ หวังผลประโยชน์ ไม่มีความจริงใจ พอเลี้ยงดูดีหน่อยก็หวังสูงขึ้นเรื่อย ๆ กินไม่รู้จักอิ่มเหมือนไอ้พวกกระจอกที่หวังพึ่งบารมีของพ่อฉัน”
“แต่น้องไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ”
“งั้นก็ทำตัวให้มันเหมือนคนมาขออาศัยเขาอยู่หน่อยสิ คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูสูงส่งหรือไง ไปโรงเรียนก็อย่าเที่ยวประกาศว่าเป็นน้องสาวพวกฉัน ไม่ต้องไปอวดคนนั้นคนนี้ว่าเป็นลูกเศรษฐีเจ้าของโรงแรมดังในภูเก็ต มีผับใหญ่โตอยู่กรุงเทพ มีญาติอยู่ฮ่องกงเป็นเจ้าของกาสิโน”
“เรื่องนั้นน้องไม่เคยพูดนะคะ”
“ถ้าไม่พูดแล้วใครจะพูด เพื่อนฉันได้ยินกับหูว่าเธอเป็นคนพูด”
“…” เพื่อนอีกแล้ว
“อวดของที่เป็นของตัวเองสิ หรือไม่มีอะไรให้อวดถึงได้มาอวดของคนอื่น” นิ้วชี้ยาวจิ้มลงกลางหน้าผากฉันแรง ๆ จนเซถลาไปข้างหลัง ตอนนั้นเองที่อกข้างซ้ายปวดหนึบขึ้นเรื่อย ๆ
__________
>>> ฝากอีบุ๊กรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า และรุ่นทวดด้วยนะคะ
- รักนี้ต้องรีเทิร์น (แนวแฟนเก่า+หลัวชั่ว)
- ของเล่นชิ้นสุดท้ายของนายวายร้าย (แนวไอ้โบ้ค่ะ เมียหนี)
- ร้ายแลกรัก (แนวปากหนัก ปากแข็ง โบ้ยกกำลังสอง)
***แจ้งก่อนว่าอีบุ๊กเรื่องเก่า ๆ เนื้อหาอาจมีคำผิดและการจัดหน้าที่ดูขัดตา เพราะตอนนั้ันไรท์ไม่ได้ให้ร้านทำให้ค่ะ ทำเองทุกอย่าง แต่กำลังตามแก้ไข และจะแก้ให้ครบทุกเรื่องค่ะ***