ep 3 นามสกุลเดียวกัน 2/2

1197 Words
“อ้าว เจ้าของร้านเหล้าหัดเข้าร้านนมตั้งแต่เมื่อไรวะ” พี่คนเดิมที่เสียงดังกว่าใครเอ่ยทักทายคนมาใหม่ “พวกมึงขายนมก็ยังเข้าร้านเหล้าเลยนี่ ทำไมกูขายเหล้าแล้วจะเข้าร้านนมบ้างไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ย ฉันรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในร้านเริ่มอึมครึมทั้งที่แต่ละคนใบหน้ายิ้มแย้ม ยกเว้นเขา มันแปลก… “พี่พยัคฆ์สวัสดีค่ะ” สาคูกับน้ำรีบยกมือไหว้คนที่เดินมาหยุดอยู่ข้างฉัน “สวัสดีครับ” พรึบ! “สั่งเสร็จหรือยัง” หลังจากรับไหว้สองเพื่อนซี้ของฉันแล้ว วงแขนข้างหนึ่งของคนถามก็คล้องคอฉันไว้ คราวนี้ทุกคนในร้านโดยเฉพาะพี่แฮคเริ่มหรี่ตามองเราทั้งคู่ “ยะ ยังไม่สั่งค่ะ” “รีบสั่ง” “น้องขอชานมไข่มุกสามแก้วค่ะ” การยืนรอชานมไข่มุกสามแก้วใช้เวลาไม่กี่นาทีแต่ความรู้สึกของฉันเหมือนนานเป็นปี เพราะคนที่มาแบบไม่บอกกล่าวทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก แม้แต่เพื่อนฉันยังเกร็งตาม “ได้แล้วครับน้องน้อง ชานมไข่มุกสามแก้ว” พี่แฮคเอ่ยพร้อมผายมือไปทางปลายบาร์ซึ่งรุ่นพี่คนหนึ่งเอาวางไว้ให้ “ชำระเป็นเงินสดหรือสแกนคิวอาร์โค้ดดีครับ” “สแกนค่ะ” “แก้วนั้นไม่ใช่ของมึง” พี่แฮคยื่นใบเสร็จให้ฉันเสร็จก็หันไปหาคนที่กำลังแทงหลอดลงแก้วเครื่องดื่มที่ปลายบาร์ แต่คนโดนทักก็ไม่ได้สนใจ เขาดูดชานมอึกหนึ่งแล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา “มึงก็ถามน้องน้องดูสิ ว่าใช่ของกูหรือเปล่า” เขาเรียกฉันแบบนี้เป็นครั้งแรกแถมยังย้ำชัด ๆ ช้า ๆ จนขนลุกไปหมด “ค่ะ แก้วนั้นของคุณพยัคฆ์” คำตอบของฉันทำมุมปากคนหน้าดุยกสูงขึ้น เขาเดินมาคล้องคอฉันแล้วพาเดินออกไป ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวขาพ้นประตูร้าน คำถามของพี่แฮคก็ทำให้คนข้างฉันชะงักไว้ “น้องน้องนามสกุลเดียวกับมึง แล้วทำไมถึงเรียกมึงว่าคุณ” “เออ ไม่ใช่พี่น้องกันเหรอ” พี่อีกคนถามบ้าง “ทำไม? นามสกุลเดียวกันจำเป็นต้องเป็นพี่น้องกันด้วยเหรอ” คนถูกถามตอบแค่นั้นก่อนจะพาฉันเดินออกมานอกร้าน พอพ้นบานประตูวงแขนหนักอึ้งก็ละออกจากคอฉัน ส่วนแก้วชานมไข่มุกนั้นลอยเข้าไปในถังขยะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลทางเดิน ตุบ! “อย่ามากินชานมร้านนี้อีก” เขาหันบอกบอกก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ฉันกับเพื่อนถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยความโล่งอก ตอนเขาอยู่พวกเราแทบกลั้นหายใจเพราะบรรยากาศมันอึมครึมไปหมด “กลับบ้านกันเถอะแก ใกล้เวลาคนขับรถคุณป้ามารับแล้ว” ฉันบอกเพื่อน ๆ ก่อนจะเดินไปยังจุดนัดพบที่บอกคนขับรถเอาไว้ ----- หลังสอบสัมภาษณ์ผ่านไปไม่นานผลก็ออก เราทั้งสามคนสอบผ่านด้วยกันทั้งหมด เรียกได้ว่าเรียนด้วยกันตั้งแต่มอต้นยันมหาลัยเลย สำหรับคนที่มีเพื่อนน้อยและเข้ากับคนอื่นยากอย่างฉันแล้วโชคดีมาก ๆ ที่มีเพื่อนสนิทไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ห่าง พอถึงวันเปิดเรียนฉันกับสาคูเลือกพักหอสตรีใกล้มหาลัยซึ่งเจ้าของก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พ่อทัพคนหล่อของฉันเองค่ะ นอกจากไม่ต้องจ่ายค่าเช่าแล้วเรายังไม่ต้องเดินทางไกล วันไปสอบสัมภาษณ์ฉันได้รับรู้รสชาติของรถติดแล้วว่าเป็นยังไง แม้จุดหมายจะอยู่ห่างจากรถของเราไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร แต่ถ้าถนนข้างหน้ายังไม่โล่งเตียนเราก็ขยับรถไปไม่ได้ จากต้องใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสิบนาทีอาจกลายเป็นชั่วโมง ส่วนน้ำพักกับพี่สาวที่คอนโด ไม่ไกลจากหอที่ฉันกับสาคูพักมากนัก “มาอยู่หอสตรีแบบนี้พ่อก็ต้องนัดเจอลูกสาวข้างนอกน่ะสิ” พ่อเอ่ยขึ้นขณะพาฉันเดินเข้ามาในตึก เราทั้งคู่เดินไปยังห้องนิติบุคคลชั้นล่าง ตรงนั้นพ่อเข้าไปได้ ถึงจะเป็นเจ้าของหอพักแต่ก็ใช่ว่าจะเดินขึ้นลงทุกชั้นได้ตามใจ “งั้นวันไหนที่พ่อกับแม่เข้ากรุงเทพ น้องจะไปอยู่บ้านคุณป้าดีไหมคะ เราจะได้เจอกันสะดวก” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งสองท่าน ตอนนี้เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเพราะพ่อคงอยากเห็นห้องพักของฉัน ถ้าขึ้นไปก็ต้องแอบ ๆ แต่ก็กลัวลูกค้าจะตกใจเอา “เอาสิ ดีเลย” พ่อพยักหน้าให้พร้อมโยกหัวฉันไปมาเบา ๆ “ไปอยู่บ้านป้าแค่ตอนพ่อกับแม่มาหาก็ได้” “ค่ะ แต่พ่อทัพต้องโทรบอกน้องก่อนนะคะว่าจะมา” “ว่าแต่หนูไม่อยากไปอยู่กับพี่ ๆ เหรอลูก ห้องชุดที่คุณป้ายกให้ใหญ่มากแล้วก็มีห้องแยกย่อยอีกหลายห้องเลยนะ ห้องว่างเยอะแยะ เวลาเรียนไม่เข้าใจก็ให้พี่เขาช่วยได้ ยิ่งเข้ามหาลัยแล้วต้องนัดทำงานกลุ่มด้วยกันบ่อย ๆ ถ้าเกิดมีเพื่อนผู้ชายอยู่ในกลุ่มหนูจะต้องเป็นฝ่ายไปห้องเพื่อนนะ” คราวนี้แม่พูดขึ้นบ้าง ถ้าท่านไม่พูดถึงเรื่องงานกลุ่มฉันก็ลืมไปเสียสนิทเลยว่าคงไม่สะดวกแน่ จะนั่งทำงานที่คณะจนดึกดื่นก็คงลำบากกัน “พ่อเห็นด้วยกับแม่นะ อย่างน้อยถ้าให้เพื่อนเป็นคนมาทำงานกับเรา เราก็มีห้องให้เพื่อนพัก ไม่ต้องไปนอนรวมกันหลาย ๆ คนในห้องคนคนเดียว” คราวนี้พ่อพยักหน้าบ้าง ฉันรู้ความคิดของแม่ ท่านคงคิดตามที่พูด แต่พ่อน่ะ... รู้หรอกน่าว่าไม่อยากให้ไปห้องเพื่อนผู้ชาย อยากให้ฉันอยู่ในสายตาพี่ ๆ น่ะสิ “น้องลืมไปเลยค่ะ แต่เห็นว่าปีหนึ่งเทอมแรกยังเรียนวิชาพื้นฐานกันอยู่ เรื่องงานกลุ่มน่าจะแบ่งกันไปทำได้ เดี๋ยวน้องคิดเรื่องย้ายหออีกทีตอนเทอมสองนะคะ” แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่พ่อกับแม่พูดมาก็ถูกทุกอย่าง ฉันเลยไม่อยากขัด “จ้ะ แต่ถ้าหนูสะดวกแบบนี้แม่ก็ไม่ว่าอะไร แม่แค่เสนอน่ะ ลูกแม่เป็นสาวแล้วอาจจะอยากอยู่กับเพื่อนมากกว่าพี่ ๆ ก็ได้” “งั้นพ่อกับแม่กลับแล้วนะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก” พ่อเอ่ยขึ้นบ้าง “ค่ะ น้องรักพ่อทัพกับแม่เกี๊ยวนะ” ฉันว่าพร้อมโผกอดทั้งสองท่านไว้แน่น พอได้ห่างบ้าน ห่างพ่อ ห่างแม่ แล้วก็ใจหาย ทีแรกก็อยากออกมา พอออกมาแล้วก็อยากกลับไป ใจคนเรานี่มันไม่แน่นอนจริง ๆ __________ ติดต่อนักเขียน Face Book ใจดินสอ / เดือนสิบสอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD