สิ้นเสียงของพี่ยิ้ม น้ำผลไม้ที่แม็กเพิ่งทำให้ในมือถึงกับชะงัก เธอที่เพิ่งจะดูดเข้าไปเพียงครั้งเดียวหันไปมองตามเสียง พลันยื่นน้ำแก้วนั้นกลับคืนให้คนตรงหน้าทันทีที่หันกลับมา
“อร่อยจริงๆด้วย แต่ฝากไว้ก่อนนะ”
“อ่า...”
คนตัวสูงรับมาถือไว้อย่างรู้งาน มองตามแผ่นหลังที่เดินเร็วออกไปแล้วอมยิ้ม จากนั้นจึงจะนำน้ำแก้วนั้นไปแช่ตู้ให้ เผื่อเธอจะมีโอกาสได้กินต่อ
พะแพงพาตัวเองมายืนรวมกันกับเพื่อนร่วมงานในร้านอีกหกคน สองในหกเธอรู้จักส่วนที่เหลือแค่เคยเห็น และแน่นอนเพียงแค่ยืนไม่ทันได้เอ่ยปากทักทายใครก็รับรู้ถึงพลังงานด้านลบถูกส่งมาให้กันก่อนซะแล้ว หากแต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งนั้นมากไปกว่ากลุ่มคนมากมายตรงหน้า ที่กำลังพากันเดินเข้ามา ทีละคนสองคน โดยมียิ้มเป็นคนนำทางพาไปยังห้องรับรองที่เปิดรอเอาไว้
“ฟ้า แกดู..”
“เห็น ฉันเห็น”
“ใครอ่ะแกหล่อมาก ว้ายหล่อ”
“อะไรจะขนาดนั้น เขาเป็นลูกรักพระเจ้าเลยป่ะ”
เสียงซุบซิบลอยมาจากฝั่งซ้ายมือ ถึงไม่ได้อยากฟัง แต่ด้วยความที่ยืนใกล้กันจนเกินไปทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน อาจเป็นเพราะแพ้เสียงในหัวบวกกับการอยากรู้อยากเห็นจึงต้องหันไปมองตาม และพบว่าสิ่งที่สองคนนั้นพูดไม่เกินจริง คนบางคนก็โดดเด่นซะจน...ไม่ยุติธรรมกับคนที่มาด้วย
พะแพงพยายามจะไม่มองนานให้เป็นที่สังเกตของเพื่อนจนโดนเขม่น แต่กลับไม่สามารถละสายตาจากดวงตาคมกริบที่ส่งมาจังหวะเลี้ยวเข้าไปในห้องนั้นได้เลย
ถ้าไม่ได้คิดไปเอง เธอรู้สึกว่าจังหวะหมุนตัวผ่านประตูห้องเขามองมายังเธอด้วย
“ส้ม เห็นไหมพี่เขามองฉันด้วยแหละ”
“มองฉันต่างหากล่ะ”
แต่แล้ว ความคิดนั้นเกิดสะดุดกลางคัน เมื่อคำถกเถียงของคนข้างๆที่ไม่มีใครยอมใครลอยมาปะทะหู คนตัวเล็กเผลอถอนหายใจแรง ซึ่งนั่นเป็นจังหวะที่ยิ้มเดินมาพอดี
“แพง”
“แพงต้องทำอะไรบ้างคะพี่ยิ้ม”
คราวนี้วนกลับมาเรื่องเดิมที่เคยวิตกกังวลต่อ เพียงเห็นสายตาคมกริบนั้นที่ไม่ได้ออกมาจากความยินดียินร้าย แต่ว่างเปล่าซะจนคาดเดาไม่ออก ดาเมจรุนแรงชนิดที่ว่าสบตาเพียงเสี้ยววินาทีสามารถจดจำรายละเอียดของความรู้สึกได้แม่น หากแต่เธอเป็นมืออาชีพ ความประหม่าจึงถูกเก็บไว้อย่างดี
“แขกมาหลายคน บางคนพาลูกและภรรยามาด้วย โซนห้องรับรองห้องเดียวคงไม่พอ เดี๋ยวพี่จะลองเข้าไปคุยกับเขาก่อน เผื่อเขาต้องการเปิดอีกห้อง รอเดี๋ยวนะ”
“ค่ะพี่”
คนตัวเล็กทำตามอย่างที่ยิ้มว่า บอกให้เธอรอเธอก็ยืนรอจริงๆ ส่วนคนอื่นๆและอีกสองคนตอนนี้เดินหายเข้าไปในกลุ่มลูกค้าแล้ว เธอยืนมองยิ้มที่กำลังพูดคุยกับแขกท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วเผลอเรียนรู้ไปในตัว เห็นเธอชี้ไปทางห้องอีกห้องที่ปิดเอาไว้แล้วพยักหน้า จึงเดาว่าแขกตกลงแยกห้องอย่างที่ยิ้มไปเสนอให้ เพื่อจะได้สะดวกต่อการดูแลอย่างทั่วถึง และไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพนักงาน
“เดี๋ยวแพงดูแลโซนนี้นะน้อง ไม่มีอะไรมากจ้ะ แค่เห็นเครื่องดื่มแขกใกล้หมดก็ชงเพิ่ม แขกต้องการอะไรก็มาบอกพี่ พี่ต้องไปดูแลโซนอื่นด้วย ถ้าไม่มีปัญหาอะไรจะเดินมาดูบ่อยๆนะ”
“ให้แพงดูแลโซนนี้...เหรอคะ”
คนตัวเล็กเผลอมองเข้าไปข้างใน จังหวะพูดเห็นคนตัวสูงนั่งมองอยู่ด้วยท่าทางนิ่งเฉยพลันสะดุ้งหันกลับมาหายิ้มแทบไม่ทัน
“ใช่จ้ะ ทำไมเหรอ?” กลายเป็นยิ้มต้องมองตามเธอด้วย “แพงรู้จักเขาเหรอ”
“ปะ เปล่าค่ะ แพงแค่เห็นว่าห้องนั้นคือผู้ชายหมดเลย แพงกลัวว่าจะทำให้เขาไม่ประทับใจ”
“อย่าคิดมากสิ นั่นเป็นหัวหน้าช่างทั้งหมดเลยนะ ระดับนั้นเขาไม่มาสนใจเราหรอก แค่อย่าซุ่มซ่ามทำอะไรหกใส่เขาก็พอ”
“อ่า.. ค่ะ”
แม้จะเข้าใจที่ยิ้มพูด ถึงยังไงเธอก็กังวลอยู่ดี ทว่ามาถึงขนาดแล้วจะให้ทำตัวมีปัญหา งอแงใส่ก็คงไม่ใช่เรื่อง
“โอเค ตามนั้นเนอะ เดี๋ยวพี่มา”
“อ่าวพี่ยิ้ม แล้วพวกเราละคะ”
ไม่ทันที่ร่างบางในชุดเดรสสั้นสุดเซ็กซี่จะเดินออก ส้มและฟ้าก็เดินเข้ามาขวางไว้ พะแพงเห็นรุ่นพี่ถอนหายใจด้วย จังหวะหันมองพวกนางสลับกับเธอ
“พวกเราน่ะไปดูอีกโซนเถอะ แพงมันเพิ่งมาทำ ก็รู้ไม่ใช่เหรอลูกค้าที่มาเป็นครอบครัวมีเด็กด้วยเป็นแบบไหนเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาโดยที่พี่ไม่อยู่ พวกเรามืออาชีพกว่าสามารถแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้”
ด้วยเหตุผลยาวเหยียดนี้ละมั้งที่ทำให้พวกนั้นไม่กล้าขัด แต่ก็ใช่ว่าจะเต็มใจ ก่อนไปยังเห็นหันมาแยกเขี้ยวใส่เธออยู่เลย
“ไหวไหมแพง”
“ไหวค่ะพี่”
“โอเค ฝากด้วยนะ พี่ต้องไปแจงงานกับนักดนตรีด้วย วันนี้มีมาใหม่อีกสองวง”
คนตัวเล็กส่งยิ้มกว้างให้ พอรุ่นพี่หันหลังก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนทันที ความประหม่าที่มีอยู่ก่อนหน้ากลับเข้ามาแทรกอย่างเต็มที่ก็ตอนที่เธอยืนอยู่คนเดียว หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึกเพื่อเรียกสติ พลันเดินเข้าไปในจังหวะที่อาหารซึ่งจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วทยอยลงโต๊ะพอดี
“น้องดูแลพวกพี่เหรอครับ”
เสียงหนึ่งในนั้นเรียกสติที่กำลังขาดห้วงฟื้นคืนกลับมา พะแพงหันไปตามเสียงแล้วยิ้มให้
“ใช่ค่ะ คุณลูกค้ารับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ”
“เรียกพี่ก็ได้น้อง คนกันเอง” คนนั่งฝั่งขวาแทรกเข้ามา ตอนเธอหันไปมองคนพูด สายตาแวบไปเห็นอีกคนหนึ่งด้วย ถ้ามองไม่ผิดเขากำลังนั่งดูอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ “ว่าแต่น้อง เพิ่งมาใหม่เหรอครับ พี่ไม่เคยเห็น”
เดาว่าสองคนที่กำลังคุยกับเธอนี่ขาประจำ ส่วนอีกคน... พะแพงเกือบลืมตัวเผลอสะบัดศีรษะ นาทีที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังสนใจอีกคนมากกว่าสองคนที่กำลังชวนเธอคุย
“ปกติเป็นผู้ช่วยเชฟในครัวค่ะ วันนี้ขาดคนเลยมาช่วยพี่ๆ”
“อ่า..” คนถามพยักหน้า และหันไปหาเพื่อน “ถึงว่า...ไม่เคยเห็น แต่สวยอย่างนี้ออกมาอยู่ข้างนอกดีกว่าครับ พี่เสียดาย”
คนตัวเล็กไม่ทันเห็นว่าจังหวะที่อีกคนพูด มีอีกคนที่เงียบมาตลอดเหลือบตาขึ้นมามอง ทว่าแวบเดียวเท่านั้นก็กลับไปมองโทรศัพท์ต่อ ซึ่งในนั้นมีงานคั่งค้างที่เขาจะต้องเคลียร์ให้จบวันต่อวัน เผื่อเกิดเมาไม่ได้สติ
“พวกพี่สองคนดื่มวิสกี้”
“ค่ะ แล้วพี่อีกคน...”
คนตัวเล็กพยักหน้ารับ พลันหันไปหาอีกคนที่เอาแต่เงียบ ก้มมองแต่โทรศัพท์ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เมื่อเห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะตอบความอึดอัดจึงมาตกอยู่ที่เธอ หญิงสาวหันมองเพื่อนของเขาคล้ายเป็นการขอความช่วยเหลือ
“เอ่อ...หัวหน้าครับ”
“...อืม”
“ดื่มอะไรดีครับ”
“อะไรก็ได้”
ขนาดเพื่อนที่มาด้วยกันยังเกาสันจมูก นับประสาอะไรกับเธอที่เป็นแค่พนักงาน และคำตอบที่ได้รับคนตัวเล็กงงกว่าเดิม คราวนี้เธอถึงกับขบริมฝีปาก นั่นหมายความว่าความลำบากมาตกอยู่ที่เธอ เพราะนอกจากจะรับหน้าที่คนดูแลแล้ว ยังต้องคัดสรรเครื่องดื่มที่ดีให้อีกด้วย เธอกำลังจะอ้าปากเสนอตัวเลือก แต่พอเห็นคนที่ช่วยถามให้ก่อนหน้านี้พยักพเยิดหน้า จึงก้มศีรษะและเดินออกไปในที่สุด
“รอสักครู่นะคะ”
เธอคิดว่าควรจะไปถามแม็ก ให้เขาช่วยเลือกจะดีกว่า