ข้อแลกเปลี่ยน

1553 Words
“พี่กลับไปซะเถอะค่ะ ที่นี่ไม่มีใครเขาต้อนรับพี่หรอก” เมธาวีเบ้ปากขณะที่วิ่งตามอดีตพี่สะใภ้เข้ามาให้บ้าน นี่นับว่าโชคดีที่พี่ชายของเธอได้พากวินตราออกไปข้างนอกแล้ว หากให้ทั้งสามมาเจอกันตอนนี้ ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับเพื่อนรักที่เธอหวังจะให้ลงเอยคงอลเวงวุ่นวายไม่หยุดแน่ ๆ “นี่น้องสามี ลืมอะไรไปหรือเปล่า บ้านหลังนี้กรสร้างให้พี่นะ ไร่นี่แทบทั้งหมดล้วนมีพี่เป็นแรงบันดาลใจ คิดจะไล่กันไปแบบนี้ทำได้เหรอ” หญิงสาวผู้เคยเป็นดั่งนายหญิงและผู้ปกครองไร่เอ่ย ทำท่าทางวางอำนาจราวกับเธอรู้ดีว่าหากกลับมาก็ไม่ยากที่จะมายืนที่จุดเดิม “ทำได้สิคะ หนูทำเรื่องให้พวกพี่จบกันแล้วสมบัติก็แบ่งให้ไปแล้วยังจะต้องการอะไรอีก” “ฉันจำเป็นต้องบอกเธอเหรอ เอาเป็นว่าพี่จะรอกรอยู่ที่นี่ ไว้กรกลับมาพี่จะคุยกับเขาเอง...ว่าไงลูก” ชัญญาทำเป็นไม่สนใจน้องสะใภ้ที่กำลังหน้างอเพราะไล่ตัวปัญหาออกจากบ้านไม่ได้ และชัญญาก็ทำตามที่ว่า เธอเข้ามาทำทีเล่นกับลูกราวกับว่าคิดถึงลูกมากทั้งที่ตลอดเวลาปีกว่าที่เธอหายก็ไปไม่เคยติดต่อมาสักครั้ง “เรายังเหลือพวกเนื้อที่ต้องซื้อเพิ่มนะคะ” ใบหน้าหวานก้มลงมองจอสมาร์ตโฟนของตัวเองขณะที่นิ้วเรียวไล่เลื่อนเช็กลิสต์ที่ซื้อมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน “แล้วคุณล่ะ อยากได้อะไร” “คะ” กวินตราละสายตาจากจอมือถือหันไปมองคนข้าง ๆ ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่ม เธอรู้สึกร้อนที่พวงแก้ม วันนี้เขาดูหล่อเสียจริง หล่อกว่าทุกวันอีก เธอรู้สึกราวกับตัวเองเป็นเด็กมัธยมวัยใสที่พอเจอคนหล่อก็ต้องเขินหน้าแดงแล้วยังทำตัวประหม่าน่าอายต่อหน้าเขาอีก “ผมถามว่าคุณอยากได้อะไรหรือเปล่า” “อืม ไม่รู้สิคะ ทุกวันนี้ก็กินอยู่บ้านคุณฟรีอยู่แล้ว ฉันยังมีอะไรที่ต้องอยากได้อีก งานก็มีทำสบายกว่าอยู่ที่กรุงเทพตั้งเยอะ” กวินตราพูดติดตลกแก้เขิน “จริงเหรอครับ ไม่คิดอยากจะย้ายมาถาวรเหรอครับ” “คะ” กวินตราเบิกตามองอีกคนที่ทำเป็นขำกลบเกลื่อนแล้วถอยรถออกจากซองเพื่อขับพาเธอไปซื้อสิ่งที่ยังขาดในลิสต์ต่อ “เราไม่ซื้อในห้างเหรอคะ” ปกติที่กรุงเทพหากเป็นเนื้อซื้อในห้างจะดีและปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากไม่มีใครทราบแหล่งที่มาของเนื้อในตลาด ตาดีได้ตาร้ายเสีย เธอเคยไปซื้อหมูที่ตลาดมากินเพราะราคามันถูกแต่โชคร้ายดันไปเจอหมูมีกลิ่นสาบอะไรก็ไม่รู้แรงมาก ทำสุกยังไม่หายแล้วยังติดปากไปหลายวัน หลังจากวันนั้นกวินตราก็ไม่คิดจะซื้อเนื้อมั่วซั่วอีกเลย “ผมรู้จักกับเจ้าของเขียงเนื้อน่ะ ถ้าจะซื้อเนื้อไม่มีที่ไหนสดและถูกกว่าเขียงเฮียซ่งอีกแล้ว” ชายหนุ่มพูดอย่างภูมิใจก่อนจะจอดรถแล้วดับเครื่องยนต์ เขาพาหญิงสาวเดินเข้าไปในตลาด กวินตรามองผักสดที่ชาวบ้านนำมาขายพบว่ามันสดมากอย่างกับพึ่งเด็ดมาจากต้น เธอมองเห็นผักกูดที่แม่บ้านเคยผัดให้กินวันก่อน เธอชอบมันมาก ๆ จึงได้คิดจะแวะซื้อไปให้พี่แม่บ้านทำให้ทานอีก “เดี๋ยวค่ะ ผักสดมากเลยฉันอยากซื้อผักนี่ไปให้พี่แม่บ้านทำให้ทาน วันก่อนฉันกินอร่อยมาก ๆ เลยนะคะ” ธัชกรเหลือบมอง เขาเดินกลับมาหยุดที่หน้าร้านขายผัก มียายวัยประมาณเจ็ดสิบนั่งอยู่หลังแผงขาย เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยหน้าตายิ้มแย้มแล้วทักทาย “พ่อเลี้ยงไม่เจอนานเลยนะคะ” หญิงชราเอ่ยทักแล้วหันไปยิ้มให้กวินตราที่ยืนอยู่ข้างหลัง “นั่นเมียใหม่เหรอคะพ่อเลี้ยง แหม่สวยจังเลยนะคะ เข้าใจเลือก” กวินตรามองหน้าทั้งสองสลับกันไปมาก่อนจะโบกมือปฏิเสธแล้วบอกว่าตนเป็นแค่ผู้ช่วยที่พึ่งมาทำงานให้ธัชกรได้ไม่นานนี้เอง หลังจากซื้อเสร็จเขาจ่ายเงินแล้วเลือกผักมาอีกสองอย่างก่อนจะบอกไม่ให้ยายทอนเงิน หญิงชราดีใจฉีกยิ้มตอบรับจนริ้วรอยแห่งวัยปรากฏชัดมองตามทั้งคู่เดินออกจากร้านไป ยังเดินไม่ถึงเขียงเนื้อเลยกวินตราก็แวะซื้อผักจนเต็มมือธัชกรแล้ว ผักมากมายที่นี่ทั้งสดทั้งราคาถูก เธอมีความสุขมากที่ได้มาที่นี่เพราะเงินที่เธอถือมาหากอยู่กรุงเทพคงซื้อได้ไม่กี่อย่าง แต่นี่ของเต็มมือธัชกรแล้วเงินยังเหลือเยอะเลย “ให้ฉันช่วยถือมั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่ถึงเขียงเนื้อพอดี “ไม่เป็นไรครับผมถือไหว” “อ้าวพ่อเลี้ยงวันนี้มาเองเลยเหรอครับ” ชายร่างท้วมที่หันมาเจอลูกค้าขาประจำเข้าพอดีจึงเอ่ยทักทายก่อน กวินตรามองเขียงเนื้อไปรอบ ๆ รู้สึกตื่นตา เนื้อชิ้นใหญ่ถูกแขวนเอาไว้อย่างกับตากปลาแห้ง แล้วยังมีเนื้อชิ้นเล็ก ๆ มากมายวางกองกันอยู่ที่พื้นใกล้เขียง ทั้งเงยหน้าขึ้นมองพ่อค้าก็ยิ้มทักทาย เขาคาบบุหรี่ที่ปากไม่นานก็ดูดคำใหญ่จนหมดมวนทีเดียวก็ปาทิ้ง ใช้เท้าขยี้จนดับ มีผ้าสีขาวพาดอยู่ที่คอ มือถือปังตออันใหญ่หลังจากที่ธัชกรบอกจำนวนที่ต้องการไปเขาก็หั่นให้ทันทีอย่างแม่นยำทุกชิ้นที่ขึ้นตาชั่ง ยังมีอะไรที่ต้องซื้ออีกมั้ยครับ ธัชกรขึ้นรถมาถามหญิงสาวหลังจากปิดประตูและรัดเข็มขัด กวินตราไม่แน่ใจเธอรีบเอาลิสต์ที่จดไว้มาดูก็พบว่าของที่ต้องซื้อครบหมดแล้ว “ครบแล้วค่ะ” ธัชกรพยักหน้า เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะพูด “ยังมีเวลา” “อะไรเหรอคะ” “ไว้ผมค่อยบอกตอนไปถึงนะ” ธัชกรพาผู้ช่วยสาวมาถึงร้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดนัก กวินตรามองไปที่แห่งนั้นด้วยความสงสัยก็เห็นว่ามันมีกระจก ในนั้นมีรถจอดอยู่หลายคันเธอจึงหันไปถามคนที่พามา “คุณจะซื้อรถเหรอคะ” “คิดว่าไงครับ ลงไปช่วยผมเลือกหน่อย” กวินตรากระโดดลงจากรถกระบะคันใหญ่ ก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไปภายในร้าน หญิงสาวมองธัชกรที่ทักทายเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง จากนี้ก็เริ่มสงสัย ตั้งแต่ที่ตลาดแล้วธัชกรรู้จักคนเยอะจริง ๆ ขนาดเจ้าของร้านขายรถพอรู้ว่าธัชกรมาก็รีบออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลย หลังจากธัชกรยืนคุยกับเจ้าของร้านอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับมาหาผู้ช่วยสาวของตน กวินตราแอบเห็นเจ้าของร้านเดินกลับเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่มีกระจกล้อมรอบ แต่ยังไม่ทันได้สังเกตอะไรเสียงทุ้มดังก็ขึ้นข้าง ๆ จนเธอต้องหันไปมอง “ไปเลือกมาสักคันสิ” “อะไรคะ” “รถน่ะ เอาไว้ไปขับตอนไปทำงาน” “อ้าวทำไมคะ หรือคุณไม่อยากให้ฉันไปพร้อมกับคุณแล้วเหรอ” กวินตราเกือบจะหลุดความคาดหวังออกไปทว่ายังดีที่ยั้งเอาไว้ได้ทัน “เปล่า ผมน่ะตื่นเช้าเกินไปเพราะต้องไปดูหน้างานให้คนงานก่อน ผมเกรงใจที่คุณต้องมาตื่นเช้าเพราะผมทุกวัน” ธัชกรแอบเห็นกวินตรานั่งงีบทุกวันหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ทุกวันเขาตื่นตีสี่เนื่องจากช่วงนี้ต้องเร่งทำห้องเพิ่มเพื่อรองรับลูกค้าที่ตามมาจากโซเชียล เป็นไปได้ก็อยากเร่งให้ทันช่วงเทศกาล ทว่ากวินตราเดิมทีก็มีหน้าที่แค่คอยประสานงานกับคนงานทั้งไร่และในโฮมสเตย์ และช่วยเขาดูแลความเรียบร้อย งานของเธอไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าขนาดนั้น อีกอย่างเขาจะได้ทำงานเต็มที่ไม่ต้องมาพะวงที่เธอต้องตื่นเช้าและลืมค่ำไปพร้อมกับเขาอีก น้องสาวตัวดีก็จะได้เลิกบ่นเรื่องเขาใช้แรงงานกวินตราหนักเกินไปด้วย อ้อ ที่แท้เขาก็จะซื้อรถให้เธอ ช่างเป็นเจ้านายที่ดีจริง ๆ เลยนะ “ถ้าอย่างนั้นเอารถไฟฟ้าก็ได้ค่ะ คือ...ฉันขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็นขับเป็นแต่รถเก๋งน่ะค่ะ” “ครับ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยน คุณต้องอยู่ที่นี่กับผม...ตลอดไป”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD