ความเดิม- "เข้าใจแล้วค่ะ" มานิดารับคำแล้วยิ้มจนเผยให้เห็นรอยบุ๋มอีกครั้ง
…………………………………..
หลังจากเลิกคลินิกแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนมานิดายังคงรอพี่ชายมารับที่หน้าคลินิกเพราะผู้เป็นพี่ของเธอสั่งไว้
"ยังไม่กลับเหรอมานิดา" ธันทรเอ่ยถามนัยน์ตาเป็นประกาย
"อ๋อ รอพี่นพค่ะ พี่บอกว่าจะมารับให้รอตรงนี้ค่ะ แล้วจะไปตลาดด้วยกันซื้อกับข้าวไปทำกินที่บ้านกันค่ะ แต่ทำไมยังไม่เห็นมาก็ไม่รู้ค่ะ โทรไปก็ไม่รับสงสัยกำลังขับรถมั๊งคะ"
"อย่ารอเลย เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านให้ แล้วฝากข้อความไว้ว่ากลับกับผมแล้วก็พอ" ธันทรพูดเป็นงานเป็นการและจอดรถรออยู่ไม่ยอมไปไหนเหมือนกัน
"ไม่ดีหรอกค่ะ เผื่อพี่ออกมาแล้วไม่เจอหนูจะเสียเที่ยวเปล่า ๆ"
"เชื่อผมเถอะ แถวนี้บ่าย ๆ ก็เงียบแล้ว ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้าน ถ้าอยากซื้อของไปทำกับข้าวเดี๋ยวพาแวะ โอเค้" ธันทรทำทีเป็นกระชับทางเลือก
"เอ่อ…งั้นหนูขอไลน์บอกพี่ชายก่อนนะคะ"
หญิงสาวได้เข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวและบอกพี่ชายไว้ในแช็ทในใจก็นึกห่วงกังวลว่าพี่ชายจะมาเก้อ แต่พอประเมินสถานการณ์แล้ว ที่นี่ยิ่งบ่ายยิ่งเงียบเกิดความรู้สึกวังเวงขึ้นมาทันที
"ได้ซิ ขึ้นรถก่อนมากดโทรศัพท์ในรถก็ได้ แดดตอนเที่ยงมันร้อนจะตาย แก้มแดงจะไหม้แล้วนั่น เดี๋ยวจะเป็นฝ้าเป็นกระตั้งแต่อายุยังน้อยนะจะบอกให้" ธันทรแกล้งขู่ขำ ๆ แต่ได้ผลจริง
"ออ..ค่ะ" มานิดารีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งและกดโทรศัพท์ยุกยิก ๆ สักพักจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม
ใช้เวลาไม่นานธันทรพามานิดามาถึงบ้านของเธอในเวลาเที่ยงกว่า ๆ เพราะออกจากคลินิกก็เที่ยงเศษ ๆ เข้าไปแล้วหญิงสาวรีบลงจากรถแล้วมายืนยิ้มจนเห็นลักยิ้มน่ารักอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ด้านธันทรนึกขำหญิงสาวคงจะโล่งใจละซิที่มาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพจึงลดกระจกแล้วพูดบางอย่างออกไป
"เปิดประตูรั้วซิ หิวข้าวแล้วเนี่ย ขอข้าวกินหน่อย อุตสาห์มาส่งตั้งไกลไม่เรียกเข้าบ้านดื่มน้ำดื่มท่าก็ยังดี" ชายหนุ่มแกล้งบ่นไปไม่จริงจังส่วนอีกคนได้เลิ่กลัก หันซ้ายหันขวาหาตัวช่วย
อีกด้านของผู้มาใหม่
"เดี๋ยวพี่เปิดให้เองยัยนาง เราเข้าบ้านเถอะ แดดมันร้อน/เชิญเลยครับอาจารย์หมอ เชิญรับประทานมื้อเที่ยงด้วยกันนะครับ" เป็นมานพที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัว
"ครับ ขอบคุณครับ" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับเลี้ยงพวงมาลัยเดินหน้ารถเข้าจอดในบ้านอย่างลิงโลด
"พี่นพคะ" มานิดาส่งสายตาเป็นเชิงถาม
"อ้าว ยัยนางยังไม่เข้าบ้านอีก แดดมันร้อนหน้าจะไหม้แล้วนั่น" มานพทำทีเป็นบ่นน้องสาวเพราะไม่อยากให้อยู่ตรงนี้
ส่วนอีกคนมั่นใจว่าเจ้าบ้านต้องต้อนรับเขาเป็นแน่เพราะ…..
*******เหตการณ์ก่อนนี้*******
ในช่วงเช้าก่อนที่มานพจะคล้อยหลังกลับไป
"คุณนพครับผมขอไปส่งมานิดาที่บ้านให้นะครับ คุณนพจะได้ไม่ต้องออกมา เห็นมานิดาบ่นว่าอยากกินกับข้าวฝีมือพี่ชายมานานแล้ว แต่ติดที่พี่ชายต้องไปกินนอนบ้านนายจ้างเลยได้กินแกงถุงไปวัน ๆ"
"……." มานพเงียบแต่กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่เพราะนึกเวทนาน้องสาว
"ทำไมอาจารย์หมอถึงอยากไปส่งน้องสาวของผมล่ะครับ"
"ผมชอบมานิดาครับ ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าชอบลูกศิษย์ในอนาคตของตัวเอง แต่ผมรับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าจะไม่ล่วงเกินมานิดาแน่" หนุ่มใหญ่พูดอย่างหนักแน่น
"แล้วผมจะเชื่อได้ยังไงว่าอาจารย์หมอจริงใจกับน้องสาวของผม"
"แล้วคุณนพคิดว่ามานิดายอมให้ใครเชือดได้ง่าย ๆ เหรอครับ แถมยังรู้จักหลบรู้จักหลีก ฉลาดเป็นกรดขนาดนั้น"
"………" มานพเงียบและมองหน้าคุณหมอหนุ่มอย่างชั่งใจอยู่เพียงอึดใจ
"ครับ ผมอนุญาตให้อาจารย์หมอไปส่งน้องสาวผมที่บ้านได้ ถ้าผมพบว่าอาจารย์หมอเล่นตุกติก ผมเล่นอาจารย์หมอถึงต้นสังกัดแน่นอนครับ" มานพเอ่ยคาดโทษเอาไว้ก่อน
"อยากให้ถึงครับ ผมจะได้มีภรรยาเด็ก แต่มานิดาเกินสิบแปดแล้วผมอาจจะผิดน้อยหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรมันเข้าทางผมพอดี..ฟ้องเลยครับ..อีกอย่างน้องสาวผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยช่วยผม ง่ายเลยทีนี้ แต่อนาคตของน้องสาวคุณนพนี่ซิท่าจะลำบากหน่อย" ธันทรพูดไปตามความน่าจะเป็น แอบขู่ว่าที่พี่ภรรยาในอนาคตเล็ก ๆ
"…..…" มานพไม่พูดแต่มองอาจารย์หมอหนุ่มตาตั้ง และกระพริบตาปริบ ๆ ได้แต่นึกในใจ
มานพพาร์ท
{เดี๋ยวนี้เค้าเป็นแบบนี้กันเหรอว๊ะ หรือว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป หรือว่ากุเป็นกบอยู่แต่ในกะลา กุจะทำยังไงดีก่อน น้องกุจะปลอดภัยจากไอ้นี่มั๊ย แต่ทำไมกุไม่กล้าปฏิเสธมันว๊ะ เผื่อมันเอาจริงแล้วน้องกุไม่หมดอนาคตเหรอ เอาว๊ะ พ่อครับแม่ครับช่วยดลจิตดลใจให้มันปรารถนาดีกับน้องอย่างจริงใจทีนะครับ สาธุ}
...........................
"ว่ายังไงครับ คุณนพ คุณยังไม่ตอบผมเลย ให้ผมไปส่งมานิดาที่บ้านนะครับ หรือว่าจะเลือกอย่างหลัง ผมพร้อมนะครับ"
ด้านมานพหลังจากที่อึ้งอยู่สักพักได้ยินเสียงอีกฝ่ายจึงได้สติ
"เอ่อ..ครับ ผมอนุญาตให้อาจารย์หมอไปส่งยัยนางได้ครับ แต่ห้ามเถลไถลที่ไหนนะครับ แล้วผมจะทำกับข้าวไว้รอไม่ต้องพาน้องแวะกินที่ไหน" มานพจำใจอนุญาตได้แต่หวังว่าคุณหมอหนุ่มจะรักษาสัญญา
"ครับผมให้สัญญา ผมก็ เอฟซี มานิดาเหมือนกันนะครับ ไม่คิดทำร้ายหรอก มีแต่จะส่งเสริม สบายใจได้ ทำมื้อเที่ยงไว้รอเลยนะครับ" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วเดินเข้าคลินิกอย่างสบายอารมณ์ ต่างกับอีกคนที่ขับรถกลับบ้านแบบงง ๆ