EP : 7

2456 Words
-วันต่อมา- หมับ! “ว้าย! อื้อ!” ฉันร้องด้วยความตกใจแต่ร้องได้แค่นี้ปากก็ถูกมือใครไม่รู้ปิดแล้วร่างฉันก็ถูกลากไปที่มุมหนึ่ง “อื้อ! อื้อ!” ฉันพยายามร้องแต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงอื้อ ๆ ที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ใครทำแบบนี้กับฉันในสตูดิโอของช่องที่มีคนทำงานอยู่ในนี้หลายร้อยชีวิต! “เงียบ” ฉันถูกดึงเข้ามาในห้อง ๆ หนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ใกล้ชนิดที่ว่าถูกลากมาแค่สามก้าวก็ถึงแล้วแล้วจากนั้นเสียงของคนร้ายก็ดังขึ้นเบา ๆ แต่เป็นเสียงที่ทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ “...” คุณไทม์! “อย่าโวยวายไม่งั้นจะทำโทษ” เสียงเขากระซิบขู่ที่ข้างใบหูแต่เป็นเสียงขู่ที่ไม่ดุร้ายเลยมันฟังดู...กระเส่ายังไงก็ไม่รู้ -///- บ้า! มันไม่ใช่เวลามารู้สึกแบบนี้นะยัยใบบัวเขาดึงแกเข้าห้องมืด ๆ แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนแกคิดว่าเขาไว้ใจได้เหรอ! “อ่อยอัว!” “สัญญาก่อนว่าจะไม่เสียงดัง” “อ่อยอัว!” ฉันยังพูดประโยคเดิมว่าให้เขาปล่อยถึงมันจะฟังไม่รู้เรื่องก็ตามแต่เป็นใครก็ต้องเข้าใจล่ะว่าฉันพูดอะไร “สัญญาก่อน” เขากระซิบอีกครั้งแถมครั้งนี้พอพูดเสร็จยังไม่ยอมเอาหน้าตัวเองออกห่างทำให้ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาปะทะที่ใบหูของฉันเต็ม ๆ “...” “ว่าไง ไม่ได้จะทำอะไรไม่ดีแค่อยากคุยด้วยเฉย ๆ สัญญาก่อนว่าจะไม่โวยวาย” “อื้อ!” ฉันจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากตกลงแล้วสุดท้ายพอตกลงเขาก็ยอมปล่อยฉัน พอเป็นอิสระฉันก็รีบเด้งตัวออกมาจากเขาทันที “คุณไทม์ทำบ้าอะไรคะ!” ไม่มีแล้วอาการเขินทำตัวไม่ถูกไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ต่อหน้าเขามีแค่ความโมโหที่เขาทำแบบนี้เท่านั้นถึงแม้ว่าเมื่อกี้เขาจะแอบทำให้สยิวแต่มันก็น้อยกว่าความโมโหอยู่ดี “มีเรื่องอยากคุยด้วย” เสียงเขาไม่กระเส่าเหมือนเมื่อกี้แล้วแต่เปลี่ยนเป็นดุแทน ดุอะไร? ดุทำไม? “คุยอะไรคะ ไม่มีอะไรต้องคุย คุณไทม์ทำแบบนี้ได้ยังไง” “แล้วเธอล่ะใบบัว ส่งข้อความหาทำไมไม่ตอบ ทำอะไร?” “บัวจะทำอะไรบัวก็ทำงานไง” “ทำงานมันไม่มีเวลาพักกองเลยรึไง ก็เห็นอ่านอยู่แล้วทำไมไม่คิดจะตอบ” “ก็มีเวลาพักแต่ไม่มีเวลามานั่งเล่นโทรศัพท์เพราะเหนื่อยเลยไม่ได้ตอบข้อความใครค่ะ” “เหรอ? ไม่มีเวลาตอบข้อความใครหรือว่าเอาเวลาไปเล่นหูเล่นตากับใครในกองกันแน่?” “คุณไทม์นี่คุณไทม์พูดอะไร” น้ำเสียงเขามันฟังไม่ดีเลย เขาใช้น้ำเสียงได้ไม่น่าฟังเลยสักนิดตอนที่พูดประโยคเมื่อกี้จนฉันเริ่มเลือดขึ้นหน้า เล่นหูเล่นตาอะไร? ฉันไปเล่นหูเล่นตากับใคร? เป็นอะไรกันเหรอถึงมาถามแบบนี้ก็แค่รู้จักกันผิวเผินรึเปล่า “ฮึ!” “...เหมือนเราจะไม่มีเรื่องคุยกันบัวขอตัวก่อนนะคะ” ฉันไม่ชอบอาการที่เขาแค่นเสียงใส่เมื่อกี้เลย เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยอะไรฉันสักอย่างซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้เลย หมับ! “อย่ามาเมินกันแบบนี้นะใบบัว” พอฉันหันหลังให้เขาก็จับแขนฉันเอาไว้ ถึงจะไม่ได้จับแรงแล้วกระชากเหมือนในนิยายหรือละครแต่ก็ทำให้ฉันกลัวได้เหมือนกันในเมื่อเราอยู่ในห้องแคบ ๆ กันสองคน “คุณไทม์อย่ามาทำแบบนี้ ถ้าโกรธที่บัวไม่เล่นด้วยบัวขอโทษแต่อย่ามาทำแบบนี้ได้ไหม แฟนตัวเองก็มีเอาเวลาไปเทคแคร์แฟนดีกว่ารึเปล่าคะ” ไม่อยากพูดแบบนี้เลยแต่ฉันไม่ชอบจริง ๆ เออ! ฉันยอมรับว่าชอบเขาแต่ฉันก็แค่ชอบรึเปล่า ฉันแค่ชอบแต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะชอบสิ่งที่เขากำลังทำกับฉันนะ “ใครแฟน?” เสียงที่ถามสั้น ๆ ค่อยข้างเอาเรื่อง สีหน้าแววตาก็เหมือนกันเพราะมันดุดันมากขึ้น “ก็ปิย่าไงคะ ยังต้องถาม... / บอกว่าไม่ใช่แฟนไง บอกแล้วว่าอย่าเข้าใจผิดเหมือนคนอื่น บอกว่าอย่าคิดห้ามคิดเด็ดขาดแล้วทำไมไม่ฟัง” เขาเริ่มขึ้นเสียงใส่ทำให้ฉันกลัวเขาแล้วจริง ๆ เขาจะเป็นหรือไม่เป็นแฟนกับใครฉันไม่รู้แต่ที่รู้คือฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันมาคุยกันแล้วทำอะไรแบบนี้ได้เหรอ? เขาไม่มีสิทธิ์ดึงฉันเข้ามาในห้องสองต่อสอง ไม่แม้แต่มีสิทธิ์มาจับมือถือแขนฉันด้วยซ้ำ “บัวไม่รู้หรอกค่ะใครเป็นแฟนหรือไม่ได้เป็นแฟนกันแต่บัวกับคุณไทม์เป็นแค่คนที่รู้จักกันผิวเผินนะคะ คุณไทม์อย่าทำแบบนี้” “ก็ถ้าตอบข้อความ ถ้าคุยกันบ้างมันจะเป็นแค่คนที่รู้จักกันผิวเผินเหรอวะ?” “...” มันก็คงไม่แต่สุดท้ายก็คงไม่ได้รู้จักกันดีนอกจาก...เข้ากันได้ดีแล้วก็แยกย้าย “ว่าไง ส่งข้อความหาไม่คิดจะตอบอะไรเลยแล้วเมื่อไหร่จะได้รู้จักกัน” “...” “ตอบมาสิ เงียบทำไม ชอบเงียบเหรอแล้วมันได้อะไร” “...ชอบบัวเหรอคะ?” ฉันใช้ความกล้ามากนะที่จะถามออกไป อายไหมก็อายมากแต่ถามให้มันจบ ๆ แล้วก็ให้เขาไปดีกว่า “...” “ชอบบัวเหรอคุณไทม์ถึงทำแบบนี้? คุณไทม์บัวมาทำงานวงการนี้เพราะบัวอยากมีอนาคตที่ดี บัวเป็นแค่เด็กบ้านนอก...อย่ามาหลอกบัวเลยค่ะ คุณไทม์ไปคุยกับคนที่เขาอยากคุยกับคุณไทม์ดีกว่านะคะอย่าอยากเอาชนะบัวเลย ให้บัวทำงานเถอะบัวมาทำงานจริง ๆ” “...” เขาฟังฉันพูดแล้วก็เอาแต่มองหน้า ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แต่ที่ฉันรู้คือทุกอย่างที่พูดไปมันออกมาจากใจฉัน “บัวขอตัวไปงานต่อนะคะ” เพราะเขาเงียบฉันเลยพูดออกไปแล้วขยับตัวนิดหน่อยเพื่อบิดแขนที่โดนเขาจับไว้ให้หลุดออกจากมือใหญ่แล้วมันก็หลุดออกง่าย ๆ แต่ไม่ใช่เพราะการกระทำของฉันหรอกนะมันเป็นเพราะเขายอมปล่อยต่างหากล่ะ พอเป็นอิสระฉันก็รีบหันหลังเดินไปที่ประตูทันที “...ก็ถ้าไม่เปิดใจทำความรู้จักกันสุดท้ายเธอก็ได้รู้จักฉันแค่ในมุมที่คนห่าที่ไหนไม่รู้มันเอาไปปล่อยข่าว” “...” “แล้วฉันก็เป็นได้แค่คนที่ฟันดาราในช่องไปทั่วในสายตาเธอทั้งที่ความจริงแม่ง...” “...” กริ๊ก! เขาไม่ได้พูดอะไรที่กำลังพูดด้วยความหงุดหงิดออกมาให้จบฉันเองก็ไม่คิดจะรอฟังนานกว่านี้หรอกพอถึงประตูก็เลยเปิดมันทันที “เข้าใจกันแบบนี้ก็ดีแล้ว เหมือนคนอื่น มองฉันเหมือนคนอื่นได้เลยทั้งที่ฉันกำลังพยายามแทบตายที่จะคุยกับเธอแล้วบอกให้เธอรู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง” พอฉันกำลังจะเดินออกไปเขาก็พูดขึ้นมา “...บัวไม่รู้ว่าคุณไทม์จะบอกอะไรแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะบอกทำไมในเมื่อคำถามของบัวคุณไทม์ยังตอบไม่ได้เลย” ฉันพูดกับเขาโดยที่ฉันไม่ได้หันหลังกลับไปมองเพราะตั้งใจว่าพูดจบก็จะเดินออกไป หมับ! “คุณไทม์!” ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาถึงตัวเร็วขนาดนี้ เขาจับข้อมือฉันไว้แล้วเอื้อมมือไปจับประตูดันมันปิดอีกครั้งจากนั้นฉันก็โดนเขาจับให้หันหน้ากลับไปหาด้วยความเร็วที่มากกว่าเมื่อกี้ซะอีก “อื้อ!” “อื้อ!!...อื้อ~” ฉันพยายามส่งเสียงร้องด้วยความตกใจแต่สุดท้ายเสียงของฉันก็เริ่มเปลี่ยนไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปากฉันสัมผัสกับปากของผู้ชายแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เรียกว่าจูบจริง ๆ ของฉัน ฉันโดนเขาจูบ เขาล็อกหน้าฉันเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วสอดลิ้นเข้ามาในปากฉัน เขาทำอะไรบ้างฉันไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าตัวเองกำลังหูอื้อตาลายกับจูบครั้งนี้แม้แต่ตอนที่เขาถอนจูบออกฉันก็ยังไม่มีสติเต็มร้อยเลย “...ฉันชอบเธอ” “...” “ที่ไม่ตอบไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่ไม่คิดว่าใบบัวที่ขี้อายคนนั้นจะกล้าถามตรง ๆ ต่างหาก” ฉันได้ยินเสียงของเขาชัดเจนทุกคำแต่ก็ยังรู้สึกหูอื้อตาลายอยู่ดี ตอนนี้เขาเอาหน้าผากมาแนบกับหน้าผากฉันไว้ ตอนที่พูดปากเขาก็สัมผัสโดนปากฉันแผ่วเบา ลมหายใจของเราปะทะกันจนฉันต้องกลั้นหายใจเพราะความเขิน “อย่าตัดสินฉันแล้วปิดโอกาสที่ฉันจะได้รู้จักเธอแค่เพราะฟังคนอื่นพูดมาได้ไหมใบบัว” เสียงที่ดังตามมาอ้อนมากจนแก้มฉันรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมา “คือ...” “ฉันชอบเธอ~” “...” ก็พอรู้นะว่าเขากำลังสื่อถึงอะไรแต่พอเขาพูดออกมาตรง ๆ ฉันก็สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดไปเลย “ตอบคำถามไปแล้วนะ ไม่เชื่อเหรอ” “...” เชื่อไม่เชื่อยังไม่รู้หรอกแต่ที่รู้ตอนนี้คือช่วยเอาหน้าหล่อ ๆ ออกไปให้ห่างกว่านี้สักนิด ไม่เอา ๆ หลาย ๆ นิดเลยได้ไหมหายใจไม่สะดวกเลย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ “ว่าไง...ไม่เชื่อเหรอครับ~” มือ... มือคุณไทม์กำลังขยับลงไปที่เอวฉันช้า ๆ แค่พูดคำว่าครับก็หนักแล้วนี่ยังจะมือปลาหมึกอีกเหรอ “คุณมีแฟน...อื้อ~” กำลังจะเตือนว่าเขามีแฟนแล้วแต่พูดแค่นี่ก็เหมือนคุณไทม์จะรู้ว่าจะพูดอะไรเขาเลยจูบฉันอีกครั้ง “อืม~” เสียงเขาดังออกมาแผ่วเบาจากลำคอทำฉันแข้งขาอ่อนแรง รู้นะคะว่ามันผิดแต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้ฉันไม่มีแรงห้ามเขาแม้แต่นิดเดียว เขาไม่ได้จูบนานแต่ฉันรู้สึกเหมือนนานมาก มือเขากอดเอวฉันแล้วก็รั้งให้เบียดตัวเข้าหาตัวเขาจนเราสองคนแนบชิดกัน “บอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่แฟน...ถ้าพูดมากจะจับมาทำแฟนแล้วนะใบบัว” “ปะ ปล่อยบัวก่อนได้ไหมคะ” ฉันว่ายิ่งนานเรายิ่งแนบชิดกัน มันชิดจนน่าเกลียด เกินงาม เกินควร เกินไป -///- “ปล่อยก็ไม่คุยอีก” “คุยค่ะ บัวคุยแล้ว” “แน่?” “ค่ะ” ฉันยืนยันแต่สายตาเอาแต่มองไปด้านข้าง ไม่กล้าสบตากับเขาหรอก “ตอบแต่ไม่กล้าสบตาหมายความว่าโกหกนะใบบัว” “บัวไม่ได้โกหกค่ะ” ฉันปฏิเสธแต่ก็ยังไม่ยอมสบตาเขา รู้ว่าเขาแกล้งแล้วจะสบตาทำไม “ถ้างั้นไม่ปล่อย” “คุณไทม์บัวต้องไปทำงานนะคะ” “ก็สบตาก่อนจะได้คุยกัน ไม่คุยสักทีแล้วเมื่อไหร่จะได้ออกไป” “บัวไม่ได้เป็นคนอยากคุยสักหน่อย” ฉันเผลอหน้างอขึ้นมาเพราะเขาเอาแต่ใจ “ฮึ ๆ ๆ” “หัวเราะอะไรคะ” คราวนี้ฉันถามเอาเรื่องแล้วก็มองหน้าเขาด้วย คุณไทม์หัวเราะขำได้น่าโมโหจนทนไม่ไหว “ขำเธอเฉย ๆ เวลาเธองอนน่ารักดี” “บัวไม่ได้งอนค่ะ”​ “เหรอ?” จุ๊บ! “คุณไทม์!” ฉันเรียกเขาเสียงดังเลยเพราะเขาจุ๊บลงมาที่ปากของฉัน “ดุทำไมแค่จุ๊บเองไม่ได้จูบซะหน่อย” “จะทำอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้นค่ะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” “อยากเป็นไหมล่ะ มาทำความรู้จักกันสิจะได้เป็นอะไรกันไง” “...” นี่ฉันกำลังโดนเขาไล่ต้อนเหรอ? แต่ก็โดนเขาไล่ต้อนอยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่เจอกันอยู่แล้วนี่ใบบัว “ว่าไง” “มะ ไม่ค่ะ” “ตกลงจะไม่คุยกันงั้นสิ?” พอปฏิเสธคุณไทม์ก็ทำสีหน้าดุขึ้นแต่ดูรู้ว่าเขาแค่แกล้งทำเป็นขู่ “คุยค่ะ แต่...แต่ไม่เป็นอะไรกัน” “ฮึ ๆ ๆ ทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าไหม คุยกันไปสักพักอาจจะอยากเป็นเหมือนกันก็ได้”...อยากเป็นเหมือนกันก็ได้งั้นเหรอ ใช้คำนี้แสดงว่าตอนนี้เขาอยากเป็นอะไรอย่างงั้นใช่ไหม? แล้วเขา...อยากเป็นอะไร -///- “บัวมีงานต้องทำค่ะ” ฉันพยายามมากที่จะพูดออกมาเป็นงานเป็นการ พยายามมากแต่พอพูดออกไปก็รู้ตัวว่าทำได้ไม่ดีหรอกไม่งั้นเขาไม่ยิ้มขำแน่นอน “โอเค ๆ ถ้างั้นคุยก็ได้” “ค่ะ” ก็ต้องคุยแล้วล่ะจะอยู่ตรงนี้ทั้งวันไม่ได้หรอก “ปิย่าไม่ใช่แฟน ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันหรอก” นึกแล้วว่าเขาต้องบอกแบบนี้เพราะเขาก็บอกตลอดแต่ถ้าไม่ใช่แล้วคนเขาจะเอามาพูดกันเยอะแยะทำไม “ค่ะ” “ค่ะแต่ไม่เชื่อ” “ก็...ใคร ๆ ก็เข้าใจแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ คุณไม่ไปบอกคนอื่นด้วยล่ะคะว่าไม่ใช่แฟนมาบอกแค่บัวทำไม” “จะตามไปบอกคนอื่นทำไมในเมื่อฉันไม่ได้แคร์คนพวกนั้นเหมือนที่ฉันแคร์เธอ” “...” “ปิย่าเป็นแค่น้องที่สนิทกัน เขามีแฟนแล้ว” “คะ?” ปิย่ามีแฟน? คนไหนที่เห็นเขาพูดกันก็มีแค่เขานี่แหละที่เป็นแฟนของปิย่า “ปิย่ามีแฟนแล้วแต่ไม่มีใครรู้ แต่ผู้ชายหึงมากไม่เข้าใจเรื่องงานเลยไปกันไม่ได้ ตอนนี้เลิกกันแล้วแต่ผู้ชายไม่ยอมจบเลยต้องช่วยเล่นละครให้มันเข้าใจว่าเป็นแฟนกันมันจะได้ไม่กล้ามาระรานปิย่าอีก” “...จริงเหรอคะ” “อื้ม เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ ฉันโสด ไม่มีแฟน ไม่มีเมีย แค่กำลังมองหาอยู่แล้วก็คิดว่า...น่าจะใกล้เจอแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD