-วันต่อมา-
หมับ!
“ว้าย! อื้อ!” ฉันร้องด้วยความตกใจแต่ร้องได้แค่นี้ปากก็ถูกมือใครไม่รู้ปิดแล้วร่างฉันก็ถูกลากไปที่มุมหนึ่ง
“อื้อ! อื้อ!” ฉันพยายามร้องแต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงอื้อ ๆ ที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ใครทำแบบนี้กับฉันในสตูดิโอของช่องที่มีคนทำงานอยู่ในนี้หลายร้อยชีวิต!
“เงียบ” ฉันถูกดึงเข้ามาในห้อง ๆ หนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ใกล้ชนิดที่ว่าถูกลากมาแค่สามก้าวก็ถึงแล้วแล้วจากนั้นเสียงของคนร้ายก็ดังขึ้นเบา ๆ แต่เป็นเสียงที่ทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ
“...” คุณไทม์!
“อย่าโวยวายไม่งั้นจะทำโทษ” เสียงเขากระซิบขู่ที่ข้างใบหูแต่เป็นเสียงขู่ที่ไม่ดุร้ายเลยมันฟังดู...กระเส่ายังไงก็ไม่รู้ -///-
บ้า! มันไม่ใช่เวลามารู้สึกแบบนี้นะยัยใบบัวเขาดึงแกเข้าห้องมืด ๆ แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนแกคิดว่าเขาไว้ใจได้เหรอ!
“อ่อยอัว!”
“สัญญาก่อนว่าจะไม่เสียงดัง”
“อ่อยอัว!” ฉันยังพูดประโยคเดิมว่าให้เขาปล่อยถึงมันจะฟังไม่รู้เรื่องก็ตามแต่เป็นใครก็ต้องเข้าใจล่ะว่าฉันพูดอะไร
“สัญญาก่อน” เขากระซิบอีกครั้งแถมครั้งนี้พอพูดเสร็จยังไม่ยอมเอาหน้าตัวเองออกห่างทำให้ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาปะทะที่ใบหูของฉันเต็ม ๆ
“...”
“ว่าไง ไม่ได้จะทำอะไรไม่ดีแค่อยากคุยด้วยเฉย ๆ สัญญาก่อนว่าจะไม่โวยวาย”
“อื้อ!” ฉันจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากตกลงแล้วสุดท้ายพอตกลงเขาก็ยอมปล่อยฉัน พอเป็นอิสระฉันก็รีบเด้งตัวออกมาจากเขาทันที
“คุณไทม์ทำบ้าอะไรคะ!” ไม่มีแล้วอาการเขินทำตัวไม่ถูกไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ต่อหน้าเขามีแค่ความโมโหที่เขาทำแบบนี้เท่านั้นถึงแม้ว่าเมื่อกี้เขาจะแอบทำให้สยิวแต่มันก็น้อยกว่าความโมโหอยู่ดี
“มีเรื่องอยากคุยด้วย” เสียงเขาไม่กระเส่าเหมือนเมื่อกี้แล้วแต่เปลี่ยนเป็นดุแทน
ดุอะไร? ดุทำไม?
“คุยอะไรคะ ไม่มีอะไรต้องคุย คุณไทม์ทำแบบนี้ได้ยังไง”
“แล้วเธอล่ะใบบัว ส่งข้อความหาทำไมไม่ตอบ ทำอะไร?”
“บัวจะทำอะไรบัวก็ทำงานไง”
“ทำงานมันไม่มีเวลาพักกองเลยรึไง ก็เห็นอ่านอยู่แล้วทำไมไม่คิดจะตอบ”
“ก็มีเวลาพักแต่ไม่มีเวลามานั่งเล่นโทรศัพท์เพราะเหนื่อยเลยไม่ได้ตอบข้อความใครค่ะ”
“เหรอ? ไม่มีเวลาตอบข้อความใครหรือว่าเอาเวลาไปเล่นหูเล่นตากับใครในกองกันแน่?”
“คุณไทม์นี่คุณไทม์พูดอะไร” น้ำเสียงเขามันฟังไม่ดีเลย เขาใช้น้ำเสียงได้ไม่น่าฟังเลยสักนิดตอนที่พูดประโยคเมื่อกี้จนฉันเริ่มเลือดขึ้นหน้า เล่นหูเล่นตาอะไร? ฉันไปเล่นหูเล่นตากับใคร?
เป็นอะไรกันเหรอถึงมาถามแบบนี้ก็แค่รู้จักกันผิวเผินรึเปล่า
“ฮึ!”
“...เหมือนเราจะไม่มีเรื่องคุยกันบัวขอตัวก่อนนะคะ” ฉันไม่ชอบอาการที่เขาแค่นเสียงใส่เมื่อกี้เลย เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยอะไรฉันสักอย่างซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้เลย
หมับ!
“อย่ามาเมินกันแบบนี้นะใบบัว” พอฉันหันหลังให้เขาก็จับแขนฉันเอาไว้ ถึงจะไม่ได้จับแรงแล้วกระชากเหมือนในนิยายหรือละครแต่ก็ทำให้ฉันกลัวได้เหมือนกันในเมื่อเราอยู่ในห้องแคบ ๆ กันสองคน
“คุณไทม์อย่ามาทำแบบนี้ ถ้าโกรธที่บัวไม่เล่นด้วยบัวขอโทษแต่อย่ามาทำแบบนี้ได้ไหม แฟนตัวเองก็มีเอาเวลาไปเทคแคร์แฟนดีกว่ารึเปล่าคะ” ไม่อยากพูดแบบนี้เลยแต่ฉันไม่ชอบจริง ๆ เออ! ฉันยอมรับว่าชอบเขาแต่ฉันก็แค่ชอบรึเปล่า ฉันแค่ชอบแต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะชอบสิ่งที่เขากำลังทำกับฉันนะ
“ใครแฟน?” เสียงที่ถามสั้น ๆ ค่อยข้างเอาเรื่อง สีหน้าแววตาก็เหมือนกันเพราะมันดุดันมากขึ้น
“ก็ปิย่าไงคะ ยังต้องถาม... / บอกว่าไม่ใช่แฟนไง บอกแล้วว่าอย่าเข้าใจผิดเหมือนคนอื่น บอกว่าอย่าคิดห้ามคิดเด็ดขาดแล้วทำไมไม่ฟัง” เขาเริ่มขึ้นเสียงใส่ทำให้ฉันกลัวเขาแล้วจริง ๆ
เขาจะเป็นหรือไม่เป็นแฟนกับใครฉันไม่รู้แต่ที่รู้คือฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันมาคุยกันแล้วทำอะไรแบบนี้ได้เหรอ? เขาไม่มีสิทธิ์ดึงฉันเข้ามาในห้องสองต่อสอง ไม่แม้แต่มีสิทธิ์มาจับมือถือแขนฉันด้วยซ้ำ
“บัวไม่รู้หรอกค่ะใครเป็นแฟนหรือไม่ได้เป็นแฟนกันแต่บัวกับคุณไทม์เป็นแค่คนที่รู้จักกันผิวเผินนะคะ คุณไทม์อย่าทำแบบนี้”
“ก็ถ้าตอบข้อความ ถ้าคุยกันบ้างมันจะเป็นแค่คนที่รู้จักกันผิวเผินเหรอวะ?”
“...” มันก็คงไม่แต่สุดท้ายก็คงไม่ได้รู้จักกันดีนอกจาก...เข้ากันได้ดีแล้วก็แยกย้าย
“ว่าไง ส่งข้อความหาไม่คิดจะตอบอะไรเลยแล้วเมื่อไหร่จะได้รู้จักกัน”
“...”
“ตอบมาสิ เงียบทำไม ชอบเงียบเหรอแล้วมันได้อะไร”
“...ชอบบัวเหรอคะ?” ฉันใช้ความกล้ามากนะที่จะถามออกไป อายไหมก็อายมากแต่ถามให้มันจบ ๆ แล้วก็ให้เขาไปดีกว่า
“...”
“ชอบบัวเหรอคุณไทม์ถึงทำแบบนี้? คุณไทม์บัวมาทำงานวงการนี้เพราะบัวอยากมีอนาคตที่ดี บัวเป็นแค่เด็กบ้านนอก...อย่ามาหลอกบัวเลยค่ะ คุณไทม์ไปคุยกับคนที่เขาอยากคุยกับคุณไทม์ดีกว่านะคะอย่าอยากเอาชนะบัวเลย ให้บัวทำงานเถอะบัวมาทำงานจริง ๆ”
“...” เขาฟังฉันพูดแล้วก็เอาแต่มองหน้า ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แต่ที่ฉันรู้คือทุกอย่างที่พูดไปมันออกมาจากใจฉัน
“บัวขอตัวไปงานต่อนะคะ” เพราะเขาเงียบฉันเลยพูดออกไปแล้วขยับตัวนิดหน่อยเพื่อบิดแขนที่โดนเขาจับไว้ให้หลุดออกจากมือใหญ่แล้วมันก็หลุดออกง่าย ๆ แต่ไม่ใช่เพราะการกระทำของฉันหรอกนะมันเป็นเพราะเขายอมปล่อยต่างหากล่ะ พอเป็นอิสระฉันก็รีบหันหลังเดินไปที่ประตูทันที
“...ก็ถ้าไม่เปิดใจทำความรู้จักกันสุดท้ายเธอก็ได้รู้จักฉันแค่ในมุมที่คนห่าที่ไหนไม่รู้มันเอาไปปล่อยข่าว”
“...”
“แล้วฉันก็เป็นได้แค่คนที่ฟันดาราในช่องไปทั่วในสายตาเธอทั้งที่ความจริงแม่ง...”
“...”
กริ๊ก!
เขาไม่ได้พูดอะไรที่กำลังพูดด้วยความหงุดหงิดออกมาให้จบฉันเองก็ไม่คิดจะรอฟังนานกว่านี้หรอกพอถึงประตูก็เลยเปิดมันทันที
“เข้าใจกันแบบนี้ก็ดีแล้ว เหมือนคนอื่น มองฉันเหมือนคนอื่นได้เลยทั้งที่ฉันกำลังพยายามแทบตายที่จะคุยกับเธอแล้วบอกให้เธอรู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง” พอฉันกำลังจะเดินออกไปเขาก็พูดขึ้นมา
“...บัวไม่รู้ว่าคุณไทม์จะบอกอะไรแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะบอกทำไมในเมื่อคำถามของบัวคุณไทม์ยังตอบไม่ได้เลย” ฉันพูดกับเขาโดยที่ฉันไม่ได้หันหลังกลับไปมองเพราะตั้งใจว่าพูดจบก็จะเดินออกไป
หมับ!
“คุณไทม์!” ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาถึงตัวเร็วขนาดนี้ เขาจับข้อมือฉันไว้แล้วเอื้อมมือไปจับประตูดันมันปิดอีกครั้งจากนั้นฉันก็โดนเขาจับให้หันหน้ากลับไปหาด้วยความเร็วที่มากกว่าเมื่อกี้ซะอีก
“อื้อ!”
“อื้อ!!...อื้อ~” ฉันพยายามส่งเสียงร้องด้วยความตกใจแต่สุดท้ายเสียงของฉันก็เริ่มเปลี่ยนไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปากฉันสัมผัสกับปากของผู้ชายแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เรียกว่าจูบจริง ๆ ของฉัน
ฉันโดนเขาจูบ เขาล็อกหน้าฉันเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วสอดลิ้นเข้ามาในปากฉัน เขาทำอะไรบ้างฉันไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าตัวเองกำลังหูอื้อตาลายกับจูบครั้งนี้แม้แต่ตอนที่เขาถอนจูบออกฉันก็ยังไม่มีสติเต็มร้อยเลย
“...ฉันชอบเธอ”
“...”
“ที่ไม่ตอบไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่ไม่คิดว่าใบบัวที่ขี้อายคนนั้นจะกล้าถามตรง ๆ ต่างหาก” ฉันได้ยินเสียงของเขาชัดเจนทุกคำแต่ก็ยังรู้สึกหูอื้อตาลายอยู่ดี ตอนนี้เขาเอาหน้าผากมาแนบกับหน้าผากฉันไว้ ตอนที่พูดปากเขาก็สัมผัสโดนปากฉันแผ่วเบา ลมหายใจของเราปะทะกันจนฉันต้องกลั้นหายใจเพราะความเขิน
“อย่าตัดสินฉันแล้วปิดโอกาสที่ฉันจะได้รู้จักเธอแค่เพราะฟังคนอื่นพูดมาได้ไหมใบบัว” เสียงที่ดังตามมาอ้อนมากจนแก้มฉันรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมา
“คือ...”
“ฉันชอบเธอ~”
“...” ก็พอรู้นะว่าเขากำลังสื่อถึงอะไรแต่พอเขาพูดออกมาตรง ๆ ฉันก็สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดไปเลย
“ตอบคำถามไปแล้วนะ ไม่เชื่อเหรอ”
“...” เชื่อไม่เชื่อยังไม่รู้หรอกแต่ที่รู้ตอนนี้คือช่วยเอาหน้าหล่อ ๆ ออกไปให้ห่างกว่านี้สักนิด ไม่เอา ๆ หลาย ๆ นิดเลยได้ไหมหายใจไม่สะดวกเลย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ
“ว่าไง...ไม่เชื่อเหรอครับ~” มือ...
มือคุณไทม์กำลังขยับลงไปที่เอวฉันช้า ๆ แค่พูดคำว่าครับก็หนักแล้วนี่ยังจะมือปลาหมึกอีกเหรอ
“คุณมีแฟน...อื้อ~” กำลังจะเตือนว่าเขามีแฟนแล้วแต่พูดแค่นี่ก็เหมือนคุณไทม์จะรู้ว่าจะพูดอะไรเขาเลยจูบฉันอีกครั้ง
“อืม~” เสียงเขาดังออกมาแผ่วเบาจากลำคอทำฉันแข้งขาอ่อนแรง รู้นะคะว่ามันผิดแต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้ฉันไม่มีแรงห้ามเขาแม้แต่นิดเดียว
เขาไม่ได้จูบนานแต่ฉันรู้สึกเหมือนนานมาก มือเขากอดเอวฉันแล้วก็รั้งให้เบียดตัวเข้าหาตัวเขาจนเราสองคนแนบชิดกัน
“บอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่แฟน...ถ้าพูดมากจะจับมาทำแฟนแล้วนะใบบัว”
“ปะ ปล่อยบัวก่อนได้ไหมคะ” ฉันว่ายิ่งนานเรายิ่งแนบชิดกัน มันชิดจนน่าเกลียด เกินงาม เกินควร เกินไป -///-
“ปล่อยก็ไม่คุยอีก”
“คุยค่ะ บัวคุยแล้ว”
“แน่?”
“ค่ะ” ฉันยืนยันแต่สายตาเอาแต่มองไปด้านข้าง ไม่กล้าสบตากับเขาหรอก
“ตอบแต่ไม่กล้าสบตาหมายความว่าโกหกนะใบบัว”
“บัวไม่ได้โกหกค่ะ” ฉันปฏิเสธแต่ก็ยังไม่ยอมสบตาเขา รู้ว่าเขาแกล้งแล้วจะสบตาทำไม
“ถ้างั้นไม่ปล่อย”
“คุณไทม์บัวต้องไปทำงานนะคะ”
“ก็สบตาก่อนจะได้คุยกัน ไม่คุยสักทีแล้วเมื่อไหร่จะได้ออกไป”
“บัวไม่ได้เป็นคนอยากคุยสักหน่อย” ฉันเผลอหน้างอขึ้นมาเพราะเขาเอาแต่ใจ
“ฮึ ๆ ๆ”
“หัวเราะอะไรคะ” คราวนี้ฉันถามเอาเรื่องแล้วก็มองหน้าเขาด้วย คุณไทม์หัวเราะขำได้น่าโมโหจนทนไม่ไหว
“ขำเธอเฉย ๆ เวลาเธองอนน่ารักดี”
“บัวไม่ได้งอนค่ะ”
“เหรอ?”
จุ๊บ!
“คุณไทม์!” ฉันเรียกเขาเสียงดังเลยเพราะเขาจุ๊บลงมาที่ปากของฉัน
“ดุทำไมแค่จุ๊บเองไม่ได้จูบซะหน่อย”
“จะทำอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้นค่ะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“อยากเป็นไหมล่ะ มาทำความรู้จักกันสิจะได้เป็นอะไรกันไง”
“...” นี่ฉันกำลังโดนเขาไล่ต้อนเหรอ? แต่ก็โดนเขาไล่ต้อนอยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่เจอกันอยู่แล้วนี่ใบบัว
“ว่าไง”
“มะ ไม่ค่ะ”
“ตกลงจะไม่คุยกันงั้นสิ?” พอปฏิเสธคุณไทม์ก็ทำสีหน้าดุขึ้นแต่ดูรู้ว่าเขาแค่แกล้งทำเป็นขู่
“คุยค่ะ แต่...แต่ไม่เป็นอะไรกัน”
“ฮึ ๆ ๆ ทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าไหม คุยกันไปสักพักอาจจะอยากเป็นเหมือนกันก็ได้”...อยากเป็นเหมือนกันก็ได้งั้นเหรอ ใช้คำนี้แสดงว่าตอนนี้เขาอยากเป็นอะไรอย่างงั้นใช่ไหม? แล้วเขา...อยากเป็นอะไร -///-
“บัวมีงานต้องทำค่ะ” ฉันพยายามมากที่จะพูดออกมาเป็นงานเป็นการ พยายามมากแต่พอพูดออกไปก็รู้ตัวว่าทำได้ไม่ดีหรอกไม่งั้นเขาไม่ยิ้มขำแน่นอน
“โอเค ๆ ถ้างั้นคุยก็ได้”
“ค่ะ” ก็ต้องคุยแล้วล่ะจะอยู่ตรงนี้ทั้งวันไม่ได้หรอก
“ปิย่าไม่ใช่แฟน ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันหรอก” นึกแล้วว่าเขาต้องบอกแบบนี้เพราะเขาก็บอกตลอดแต่ถ้าไม่ใช่แล้วคนเขาจะเอามาพูดกันเยอะแยะทำไม
“ค่ะ”
“ค่ะแต่ไม่เชื่อ”
“ก็...ใคร ๆ ก็เข้าใจแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ คุณไม่ไปบอกคนอื่นด้วยล่ะคะว่าไม่ใช่แฟนมาบอกแค่บัวทำไม”
“จะตามไปบอกคนอื่นทำไมในเมื่อฉันไม่ได้แคร์คนพวกนั้นเหมือนที่ฉันแคร์เธอ”
“...”
“ปิย่าเป็นแค่น้องที่สนิทกัน เขามีแฟนแล้ว”
“คะ?” ปิย่ามีแฟน? คนไหนที่เห็นเขาพูดกันก็มีแค่เขานี่แหละที่เป็นแฟนของปิย่า
“ปิย่ามีแฟนแล้วแต่ไม่มีใครรู้ แต่ผู้ชายหึงมากไม่เข้าใจเรื่องงานเลยไปกันไม่ได้ ตอนนี้เลิกกันแล้วแต่ผู้ชายไม่ยอมจบเลยต้องช่วยเล่นละครให้มันเข้าใจว่าเป็นแฟนกันมันจะได้ไม่กล้ามาระรานปิย่าอีก”
“...จริงเหรอคะ”
“อื้ม เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ ฉันโสด ไม่มีแฟน ไม่มีเมีย แค่กำลังมองหาอยู่แล้วก็คิดว่า...น่าจะใกล้เจอแล้ว”