“ป้าแป๊ดคะ คือ... / พอ ๆ ไม่ต้องพูดอะไร”
“แต่... / ไม่ต้องพูดแล้วฟังป้านะใบบัว ป้าเอ็นดูหนูมาก เรื่องวันนี้ให้มันผ่านไปแล้วเริ่มใหม่ซะ ป้าไม่อยากให้หนูดับอนาคตตัวเอง...อย่าเล่นกับไฟอย่างคุณไทม์อีกเด็ดขาด”
“...”
“เข้าใจที่ป้าบอกใช่ไหมใบบัว” ป้าแป๊ดถามแล้วก็เอาแต่มองฉัน แต่สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเอ็นดูห่วงใยจนฉันน้ำตาไหลออกมา
“...บัวขอโทษค่ะ”
“ไม่ผิดหรอกถ้าไม่รู้ แต่ถ้ารู้เห็นอะไรมากขึ้นก็อย่าดึงตัวเองไปเจออะไรแบบนั้นอีกนะลูก”
“ค่ะป้าแป๊ด” ฉันขอบคุณทั้งน้ำตา ถึงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาแต่จะไม่ยอมให้ตัวเองสะอื้นเด็ดขาด
“จัดการปัญหาให้เรียบร้อยแล้วเดินหน้าใหม่ อนาคตของเราจะดีได้มันอยู่ที่งาน จำเอาไว้นะใบบัว อนาคตของเราดีคนดี ๆ จะแย่งกันเข้ามาหาเราเอง”
“...ค่ะป้าแป๊ด” ป้าแป๊ดรู้ทุกอย่างแต่ปกป้องเพื่อให้โอกาสฉันสินะ
“ไม่ร้อง จัดการปัญหาแล้วพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำนะลูก”
“ค่ะ” ฉันยกมือไหว้ป้าแป๊ดแล้วก็ได้กำลังใจจากรอยยิ้มกลับมาจากนั้นป้าแป๊ดก็เดินไปทำให้ตรงนี้เหลือแค่ฉันกับอีกคนที่ยังอยู่ในห้อง
กริ๊ก!
ฉันปิดประตูห้องเบา ๆ แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งที่เตียง นั่งอยู่อย่างนี้จนเวลาผ่านไปนาทีกว่า ๆ ใครอีกคนในห้องก็เดินออกมาจากห้องน้ำช้า ๆ
“พี่... / ออกไปค่ะ” ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคนคนนี้นอกจากคำนี้
ออกไปจากห้องนี้ ออกไปจากที่นี่และสุดท้าย...ออกไปจากชีวิตฉัน
“พี่เสียใจ”
“ออกไปค่ะ”
“ใบบัวฟังพี่ก่อน”
“ออกไปค่ะ”
“...”
ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรจะพูดกับคนคนนี้นอกจากคำนี้แค่คำเดียวเท่านั้น
“ขอโทษนะใบบัว พี่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้” ใช่ เขาต้องไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่แล้วเพราะเขาเองก็จะมีผลเสียตามมาเหมือนกันไม่ใช่แค่ฉัน
“ใบบัวคุยอะไรกับพี่สักนิด”
“ได้แล้วก็น่าจะไป จะเอาอะไรนักหนา...อยากได้อีกรอบเหรอ ไม่ให้แล้วค่ะไม่ได้โง่แล้ว” ฉันมองหน้าเขาเป็นครั้งแรก ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ฉันแทบจะไม่เหลือความรู้สึกดี ๆ ให้ผู้ชายคนนี้อีกเลย
“ออกไปสักที”
“...เดี๋ยวมีคนเห็น” เสียงที่ตอบออกมาเบามากแต่ฉันอยากหัวเราะดัง ๆ ให้กับความเห็นแก่ตัวของเขา
ที่ไม่ออกไปสักทีเพราะกลัวคนมาเห็นแล้วจะเป็นเรื่องอีกครั้งสินะ ทุเรศว่ะ ผู้ชายคนนี้คือสิ่งมีชีวิตที่ทุเรศที่สุดเลย
“ถ้างั้นก็ซุกหัวอยู่ในนี้ได้ตามสบายเลยค่ะ ทางสะดวกเมื่อไหร่ก็เชิญออกไป”
“ใบบัวพี่บอกแล้วว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจอะไร? คุณตั้งใจตั้งแต่คุณมาบอกบัวแล้วว่าคุณกับปิย่าไม่ได้เป็นอะไรกัน ไปเขียนบทละครเถอะค่ะถ้าจะสร้างเรื่องเก่งขนาดนี้” ตอนมาโกหกฉันว่าแฟนตัวเองมีแฟนแถมยังโดนแฟนเก่ารังควานผู้ชายคนนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยรึไง
“ให้มันจบ ๆ ไปค่ะคุณไทม์ ไม่ต้องพยายามพูดอะไรเพราะถึงพูดให้ตายฉันก็ไม่โง่นอนกับคุณซ้ำสองหรอก”
“อ่าส์~ โอเค ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”
“ค่ะ” ฉันไม่เหลือใจให้ผู้ชายคนนี้เพราะความโคตรเห็นแก่ตัวของเขา ถ้าไม่ห่วงอนาคตตัวเองคงได้เรียกแฟนเขามาลากตัวเขาออกไปให้พ้น ๆ แน่นอน
-เวลาต่อมา-
ฉันอาบน้ำแต่งตัวเดินออกมาข้างนอก ใจไม่อยากเจอใครเลยแต่การเจอหน้าคนอื่นยังไงก็ดีกว่าอยู่ในห้องกับคนแบบนั้นสองต่อสอง
“น้องบัว”
“...คะพี่นีน่า”
“เจ็บไหม” พี่นีน่าเดินมาถามด้วยความเป็นห่วงฉันเลยยิ้มบาง ๆ พร้อมกับส่ายหน้าตอบ
“ไม่หรอกค่ะ”
“เฮ้อ~ ไม่รู้ว่าใครมันกุเรื่องไปบอกยัยปิย่าบ้าบอที่สุดเลย” พี่นีน่าบ่นออกมาฉันก็ทำได้แค่ยิ้มบาง ๆ เหมือนเดิมเพราะเรื่องที่ทำให้ปิย่ามาอาละวาดมันคือความจริงทำให้ฉันละอายใจที่จะออกความคิดเห็น
“พี่นีน่าทานข้าวแล้วเหรอคะ” ฉันชวนพี่นีน่าเปลี่ยนเรื่องดีกว่า ถึงจะเล่นละครหน้ากล้องได้แต่ในชีวิตจริงฉันเล่นละครไม่เก่งหรอก
“ยังเลยจ้ะ พี่โมโหจนกินไม่ลง พี่อยากรู้ว่าคนที่ใส่ร้ายน้องบัวเป็นใคร”
“อย่าสนใจเลยค่ะพี่นีน่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว”
“ไม่ได้หรอกมาสร้างเรื่องสร้างความวุ่นวายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ยัยนั่นก็อีกคนไม่ถามอะไรเลยเปิดประตูได้ก็ตบหนูเลย ถ้าเป็นพี่ได้ตบกลับจนหน้าช้ำเลยรู้ไหม พูดแล้วเจ็บใจตัวเองทำไมตอนนั้นพี่ทำได้แค่ห้ามนะ” ฉันฟังพี่นีน่าพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดโมโหก็ได้แต่ยิ้มบาง ๆ เหมือนเดิม
...ละอายใจ
ฟังพี่นีน่าที่พูดเข้าข้างตัวเองแล้วฉันก็ละอายใจ พี่นีน่าปกป้องผิดคน ก็จริงที่ฉันถูกเขาหลอกแต่การที่ปิย่าถูกด่าทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรเพราะอีกฝ่ายโดนสวมเขาจริง ๆ
เฮ้อ~ ฉันทำอะไรได้บ้างนอกจากอยู่เฉย ๆ และทำเหมือนตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำจริง ๆ
มันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้สินะเพราะฉันเองก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน ฉันยังห่วงงานห่วงอนาคตและชื่อเสียงของตัวเอง
“คอยดูนะน้องบัวพี่จะหาตัวอีคนที่มันกุเรื่องไปเป่าหูยัยปิย่าให้ได้”
“...ค่ะ” ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนเห็นจะได้รู้ว่าตัวเองต้องระวังใคร แต่อีกใจก็ไม่อยากให้หาตัวเจอเพราะกลัวคนคนนั้นจะมีหลักฐานหรืออะไรก็ตามที่บอกว่าฉันกับผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์กันจริง ๆ
-เวลาต่อมา-
“ใบบัว”
“...คะ” ฉันทำใจกล้ามากเลยนะถึงได้เดินมากินข้าวเที่ยงกับพี่นีน่า แต่กินได้ไม่นานเสียงที่ไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น
เขานั่นแหละที่โผล่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าต้องการอะไรแต่ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากแสร้งทำเป็นว่าฉันไม่ได้เกลียดเขาไปแล้วต่อหน้าคนอื่น
“ผมขอโทษแทนปิย่าด้วยนะ”
...ผม
ฮึ! ตลกดีนะคะ มาขอโทษแทนแฟนตัวเองจริง ๆ หรือแค่มาเพื่อเล่นละครให้มันดูเนียนมากกว่าเดิมกันแน่
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เรื่องเข้าใจผิด” ฉันบอกว่าไม่เป็นอะไรก็หวังว่าเขาคงไปสักที
“แต่พี่ว่าเตือนกันหน่อยก็ดีนะคะคุณไทม์” เสียงพี่นีน่าไม่โอเคเท่าไหร่แต่ฉันไม่ห้ามหรอก ให้เขาโดนคนอื่นต่อว่าบ้างก็ดี
“ครับ”
“ค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีพี่ว่าคุณไทม์ไปถามแฟนคุณไทม์หน่อยนะคะว่าใครเป็นคนกุข่าวไปบอก พี่อยากรู้มากเลยคนพวกนี้มันจะได้ไม่มีที่ยืนในสังคม”
“ครับ เอาไว้ผมจะถามให้ ขอโทษทุกคนอีกครั้งที่มีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้น”
“คุณไทม์อย่าขอโทษเลยค่ะคุณไทม์ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะผิดก็คงเป็นคนที่แต่งเรื่องกับคนที่หูเบากว่า พี่ขอโทษนะคะที่พี่ว่าปิย่า”
“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ” แต่ฉันไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจสักนิดว่าเขาไม่ละอายใจบ้างเหรอที่ต้องยืนฟังปิย่าโดนว่าทั้งที่ความจริงเธอก็ไม่ได้ผิดอะไร ขนาดฉันเป็นคนที่ถูกหลอกเหมือนกันยังเห็นใจปิย่าเลยแล้วเขาล่ะ ปิย่าเป็นแฟนเขาแท้ ๆ เขาเป็นคนทำให้เธอโดนว่าเขาไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ
...เลว
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้แค่เห็นแก่ตัวจนน่ารังเกียจแต่เขาเป็นคนที่โคตรเลวเลย
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ” พี่นีน่าพยักหน้ารับฉันก็ยกมือไหว้ลาตามมารยาท เขามองมาที่ฉันนิดหน่อยแล้วเดินไป
ไปเลย ไปซะแล้วอย่าเดินเข้ามาในชีวิตของฉันอีกเพราะฉันรังเกียจขยะแขยงเขาที่สุด!
#BAIBUA END
#TIME TALK
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
(เปิดเครื่องได้แล้วเหรอไทม์)
“ไปทำอะไรไว้”
(แล้วไทม์ล่ะทำอะไรไว้)
“ผมทำอะไร?”
(รู้แก่ใจ ย่าเคยบอกว่าไงว่าย่าไม่ยอมแล้ว)
“แล้วผมไปทำอะไร? คุณไปถึงกองก็ไปเคาะห้องนักแสดงคนอื่นแล้วโวยวายตบตีเขา คุณเป็นบ้าเหรอปิย่า”
(แล้วไทม์ไปทำอะไรไว้ล่ะ! ไทม์คิดว่าย่าโง่เหรอ!)
“หลักฐาน”
(ก็ถ้าไม่มีคนมาขวางย่าคงได้หลักฐานเป็นตัวไทม์แล้วล่ะ)
“ผมขอหลักฐาน” ผมยังย้ำคำเดิมด้วยเสียงที่แข็งขึ้น
(ไม่มี)
“ไม่มีก็อย่าทำแบบนี้อีกปิย่าเพราะถ้าเขาเอาเรื่องขึ้นมาคนที่ลำบากคือคุณ”
(ไม่แคร์ ย่ามีแฟนคลับเยอะแยะเดี๋ยวแฟนคลับพวกนั้นก็ปกป้องย่าเอง)
“อย่าพูดจาถึงคนที่เขารักคุณเหมือนเขาเป็นแค่คนโง่”
(คำไหนที่บอกว่าโง่? ย่าด่าว่าแฟนคลับว่าโง่ตอนไหนเหรอไทม์)
“ฮึ! ช่างเถอะ ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกก็พอ” ถึงผมว่าต่อปิย่าก็ไม่ยอมแพ้หรอก
(บอกตัวเองเถอะไทม์ อย่าทำแบบนี้อีก!)
“ถ้าไม่มีหลักฐานอย่ามากล่าวหากันเด็ดขาดปิย่า”
(ไม่มีแล้วคนเขาจะโทรมาบอกปิย่าทำไมไทม์!)
“ไม่คิดว่าเขาอยากปั่นหัวให้คุณฟิวส์ขาดมาอาละวาดจนเป็นข่าวบ้างรึไง?”
(...)
“ว่าไง ไม่คิดบ้างเหรอ กำลังดังไม่คิดว่าจะมีคนอยากดิสเครดิตให้คุณเสียหายบ้างเหรอปิย่า”
(...ย่าไม่รู้หรอก)
“ไม่รู้ก็ช่วยมีสติ ผมไปกองถ่ายเพราะแม่ขอให้ไปช่วยดูให้กำลังใจทีมงานก็แค่นั้น ปกติก็ไปทุกกองคุณก็รู้” ปิย่าสงบลงผมก็ลดเสียงลงบ้าง
(แล้วทำไมโทรหาไม่ติด)
“แบตหมดลืมเอาสายชาร์จมา เมื่อคืนมีแต่คนเมาขี้เกียจคุยกับคนเมาก็เลยนอนเลยไม่ได้ยืมใคร ออกมาจากกองก็แวะซื้อสายชาร์จมาโทรหานี่ไง”
(...)
“ก็เคยสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ยุ่งกับใครอีกทำไมย่าไม่เชื่อใจกันเลยคะ”