EP.5 – ยอมแพ้ก็ไม่ใช่มุกไหมสิ
ร้านคาเฟ่ข้างมอ.
หลังโดนปฎิเสธแบบไร้เยื่อใย ฉันก็แบกความหน้าแตกของตัวเองมานั่งอยู่คาเฟ่ข้างคณะ
“อะไรอะ ทำไมชาตินี้ไม่เห็นเหมือนชาติที่แล้วเลยสักนิด”
ต่อให้ไทม์ไลน์บางอย่างใกล้เคียงกัน แต่กลับมีอะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทำให้มันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมซะทั้งหมด
แล้วอะไรที่ว่า…มันคืออะไรวะ?
ดีนะ ที่ไม่ผันตัวเองไปเอาดีด้านหมอดูซะก่อน ไม่งั้นมีทำนายอนาคตมั่วไปหมดแน่ ๆ
ที่สุดฉันก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ เฮ้อ~ มือเท้าคางมองเหม่อไปข้างนอก ลมหายใจถูกพ่นเข้าออกเป็นร้อยรอบตั้งแต่เดินมาจากหมอนั่น รวมไปถึงแก้วกาแฟเย็นที่สั่งมาวางอยู่ตรงหน้า น้ำแข็งเริ่มละลายเลอะจนกาแฟกลายเป็นน้ำเปล่ากลิ่นอาราบิก้า แต่ฉันก็ไม่ได้แตะมันเลยสักหยด
ในหัวมีแต่คำพูดของเขา
“แฟนฉันไม่ชอบให้ดื่ม”
ไรอะ ! ได้ไงก่อน ! ฟงแฟน ! บ้าอะไร ! ทำไมชาตินี้หมอนี่ถึงได้มีแฟนอยู่แล้วอะ?
ฉันกัดหลอดพลาสติกในปากเหมือนคนระบายความเครียดแล้วกลอกตามองไปนอกหน้าต่าง
ข้างนอกมีเด็กวิศวะกลุ่มหนึ่งเดินผ่านพร้อมเสียงหัวเราะ โยนกระเป๋าใส่กันโครม ๆ แบบที่ผู้ชายวัยมหา’ลัยแม่งชอบทำเหมือนชีวิตไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบ นอกจากเรียนกับเล่นเกม
ฉันเคยอยู่ในภาพนั้น
เคยนั่งข้างเขาเวลานั่งเล่นเกมกับเพื่อน เคยหัวเราะตอนเขาทำหน้าเบื่อโลกใส่ทุกคน และเคยเป็นคนที่เขาหันมามองก่อนจะยิ้มมุมปากเบา ๆ ก่อนพูดว่า...
“อย่าทำหน้าเครียดได้ปะ เดี๋ยวแก่”
เฮอะ แต่วันนี้...เขากลับเดินผ่านฉันไปเหมือนไม่เคยรู้จักกัน
“ไอ้บ้าคิระ!” ฉันสบถออกมาเสียงดัง จนคนที่โต๊ะข้าง ๆ หันมามองแล้วเบือนหน้าหนีอย่างงง ๆ
ถึงจะบอกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกเจ็บ และไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่ฉันแค่รู้สึกใจหายแค่นิดหน่อยที่คนเคยรักกันต้องกลายมาเป็นคนแปลกหน้าต่อกันแบบนี้
ทว่าในขณะที่ฉันยังนั่งงุนงงกับชีวิต อยู่ ๆ เสียงเตือนจากไลน์ในมือถือก็ดังขึ้น
ติ๊ง
> ไอ้มุก เป็นไงบ้างไปสัมภาษณ์คิระอะ โอเคปะ ฉันเพิ่งได้ข่าวว่าเขาโหดมากเลยนะ ปีก่อนก็ปฏิเสธสัมฯ รุ่นพี่ปีสี่ไปคน ขนาดเป็นท็อปคลาสของวิชาอาจารย์ธีรภพเลยนะ
>เอาใจช่วยนะเพื่อน ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ลองขออาจารย์เปลี่ยนคนดู
ฉันอ่านข้อความจากสองนาง แล้วก็ยกยิ้มออกมาบาง ๆ ที่มุมปาก
จะให้ขอความช่วยเหลืองั้นเหรอ?
หึ ไม่ใช่ฉันแน่นอน! ฉันไม่ได้กลับมาย้อนเวลาทั้งทีเพื่อจะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ แค่นี้หรอก และที่สำคัญฉันรู้วิธีพอที่จะทำให้เขายอมให้สัมภาษณ์ง่ายๆ ด้วย
เพราะฉันจำสิ่งที่เขาชอบได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
เขาเคยบอกว่า
ชอบดูหนังฆาตกรรมแนวสืบสวน
ชอบบ่นว่าอาจารย์สถิติสอนช้า
และก็ชอบพูดถึงร้านเหล้าร้านหนึ่งที่เขาไปประจำตอนเครียด ๆ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เขาไม่ชอบให้ใครตามตื้อ
ได้! เพราะงั้นฉันจะไม่ตื้อ
แต่ฉันจะใช้วิธีหักเหลี่ยมโหดกับเขาแทน
…
วันถัดมา
ฉันแวะไปที่ตึกเวิร์กชอปของคณะวิศวะ ภายในอาคารเป็นโดมกว้างเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้สำหรับนักศึกษาวิศวะเรียนภาคปฏิบัติ
ความจริงก็ไม่ได้อยากมาสักเท่าไหร่ เพราะฉันไม่ได้อยากกลับไปรักเขา และไม่ได้อยากคบกันเป็นแฟนอีก แต่ที่มาก็เพื่องาน แค่อยากแก้เกรดชาตินี้ใหม่ให้ได้ A+ เหมือนคนอื่นบ้างก็เท่านั้น
ส่วนที่ถ่อสังขารมาถึงนี้ เพราะรู้ดีว่าเขามักมานั่งเขียนแบบอยู่ที่นี่หลังเลิกคลาสเป็นประจำ
เมื่อมาถึงฉันจึงเดินเข้าไปตรงโซนโต๊ะเดี่ยวริมหน้าต่างตรงมุมเดิมที่เคยมาหาเขาเป็นประจำในชาติก่อน พอเห็นเงาเสื้อช็อปแดงกับผมยุ่ง ๆ ก้มหน้ากับแฟ้มแบบแปลน ฉันก็ยิ้มออกมาในทันที
พอดีเลยจ้า คุณาวัฒน์ ^_^
ฉันเดินไปวางแผ่นกระดาษที่ใช้เซ็นยินยอมให้สัมภาษณ์วางไว้บนโต๊ะเขาเบา ๆ
ส่วนเขาเงยหน้าขึ้นนิดหน่อยมองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง สีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“นี่ ถ้านายจะไม่อยากให้ฉันสัมภาษณ์ก็ไม่เป็นอะไรนะ” ฉันพูดเสียงเบา
“แต่ฉันแค่จะบอกว่า ถ้านายไม่ให้สัมภาษณ์ ฉันจะไปนั่งสัมภาษณ์เรื่องของนายจากพวกเพื่อน ๆ ของนายแทน แล้วให้พวกนั้นเล่าเรื่องของนายผ่านมุมมองคนอื่นก็ได้”
เขาขมวดคิ้ว แต่ยังไม่พูดอะไรออกมา
“อ้อ...แล้วก็ลืมบอกไป ฉันน่ะเป็นนักเขียนคอลัมน์ในเพจมหา‘ลัยด้วยนะ สกูปสัมภาษณ์ฉันมีคนฟอลเป็นหมื่น ฉันสามารถเขียนจากดำเป็นขาว หรือจากขาวเป็นดำก็ได้ด้วยแหละ”
ฉันยิ้มหวาน ยื่นหน้ากระดาษไปให้เขาจนเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด ก่อนจะพูดต่อเบา ๆ ต่อ
“แต่ถ้านายยอมให้ฉันสัมฯ แค่สามสิบนาที ฉันสัญญาว่าจะเขียนทุกอย่างตามจริง ไม่มีมโน ไม่มีดราม่า ไม่มีฉายา ‘วิศวะเย็นชา’ และไม่โดนนินทาตามหลังไปแน่นอน”
ฉันเว้นจังหวะ ก่อนก้มมองเขาอีกครั้ง
“เลือกเอา”
เขาเงียบ ดวงตาคมยังคงมองฉันนิ่งถึงนิ่งมาก ก่อนจะยอมเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
“แล้วไง”
“ห๊ะ!” ฉันพูดตั้งเยอะเถอะ แต่เขาตอบกลับมาแค่แล้วไง ได้ไงก่อน
“จะแล้วไงได้ไง ฉันพูดกับนายตั้งเยอะนะ คิระ”
“ก็ฉันไม่สนใจ และไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัว”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน พร้อมคว้าแฟ้มงานกับปากกาแดงบนโต๊ะกลับมาในมือตามเดิม ไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันด้วยซ้ำ ก่อนจะหยิบหูฟังข้างเดียวค่อย ๆ เสียบกลับเข้าหูอย่างไม่คิดจะใส่ใจ
แล้วเขาก็เดินหนีไป…ง่าย ๆ แบบนั้นเลย
เหมือนฉันเป็นแค่อากาศร้อนที่พัดผ่านอยู่ตรงนี้
มีอยู่ก็ได้ ไม่มีอยู่ก็ไม่ต่าง
ฉันยืนนิ่งไปสี่วิ ก่อนจะค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วกลืนน้ำลายลงคอ
เอาดี ๆ มุกไหม
จะยอมแพ้ง่าย ๆ ก็ไม่ใช่เธอนะ!
แต่โอเค…แบบนี้แปลว่าทุกอย่างในชีวิตเราชาตินี้แม่งไม่ตรงตามไทม์ไลน์เดิมแล้ว เพราะในอดีต ฉันเคยตามจีบและตามตื๊อเขาจนจนมุม และเขาก็ไม่ได้เย็นชาขนาดนี้
…
หลังจากหน้าแตกยับเป็นครั้งที่สอง ฉันเลยกลับมาตั้งหลักใหม่ที่หอหญิง
ถึงเป้าหมายครั้งนี้จะไม่ใช่การตามจีบอย่างชาติก่อน แต่เป้าหมายของฉันในชาตินี้คือทำเพื่อเกรดล้วน ๆ
ดังนั้นฉันจะยอมแพ้เขาไม่ได้!
แล้วอยู่ ๆ ฉันก็นึกอะไรดี ๆ ออก
“ร้านเหล้าประจำของคิระ = BLUE SHADE BAR (นั่งโซฟามุมขวาหลังดีเจ)” ที่คิระไปประจำ
ฉันเคยแอบตามเขาไปบ่อย ๆ ตอนปี 4 เคยแกล้งเจอแบบเนียน ๆ ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่เนียนสักเท่าไหร่ เพราะฉันแอบแต่งตัวไปอ่อยเขาเต็มยศ
แต่ช่างมัน ชาตินี้ฉันต้องทำให้เนียนกว่านั้น