ตอนที่ 5 พบเจอเสด็จปู่

1822 Words
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษรแล้วก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว "พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ" "อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’ "พระชายาไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร 'ไท่ซ่างหวงเรียกหาเช่นนั้นหรือ’ "ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆ ทิ้งเอาไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย "หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ" เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นเป็นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางได้ปวดหัวอีกอย่างแน่นอน เมื่อครู่ก็เพิ่งจะถูกบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะถูกบังคับให้ทำสิ่งใดอีกกันเล่า "โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆ ด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิริยาของสตรีเฉกเช่นท่านหญิงคนอื่นๆ เลยนะ’ "เอาล่ะท่านนำทางข้าไปเถอะ" หลังระบายอารมณ์กับศรีษะของตนเองแล้วก็เอ่ยปากบอกกับฉางกงกงต่อทันที "พ่ะย่ะค่ะพระชายา" นางกดๆ เส้นผมที่หลุดลุ่ยเล็กน้อยก่อนจะเดินตามฉางกงกงมายังตำหนักซูหนิงตำหนักแห่งนี้ห่างไกลจากตำหนักหน้าราชวังเป็นอย่างมาก ตรงหน้าของนางเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่การตกแต่งตำหนักไม่หรูหราจนเกินไปคงไว้ด้วยศิลปะที่สวยงามของลวดลายเนื้อไม้ดูแล้วสบายตาเป็นอย่างยิ่ง นางเดินเข้าไปในตำหนักก่อนที่จะก้าวข้ามธรณีประตูไปก็เห็นฉางกงกงหันหลังกลับมามองที่นางอย่างรวดเร็ว "ก้าวระวังด้วยนะพ่ะย่ะค่ะพระชายา" "ขอบใจฉางกงกง" นางยิ้มและเดินต่อไปยังห้องบรรทมของไท่ซ่างหวง "หลานสะใภ้ถวายบังคมเสด็จปู่เพคะ" "เข้ามาๆ ไม่ต้องมากพิธีหรอก" ไท่ซ่างหวงที่เวลานี้อายุได้ราวๆ หกสิบพรรษาแล้วมีร่องรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและผิวกายเล็กน้อยที่เป็นไปตามวัยของมนุษย์ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์ให้ฮ่องเต้เยว่เหวินเทียนขึ้นครองราชย์ต่อส่วนตัวของพระองค์นั้นก็ย้ายมาอยู่ที่ตำหนักซูหนิงแทน "นี่หรือหลานสะใภ้ของข้าตั้งแต่เจ้าแต่งให้เจ้าสามมาก็ไม่เคยเห็นมาเคารพข้าเลยสักครั้ง" "นั่นอาจจะเป็นเพราะท่านอ๋องยุ่งอยู่กระมังเพคะเสด็จปู่" "ยุ่งหรือไม่สนใจกันแน่เจ้าเด็กคนนี้ชอบก่อเรื่องวุ่นวายจะตายไปคงไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้เจ้าลำบากใจหรอกนะ" "ข้าจะไปทำอะไรนางก่อนเล่าพ่ะย่ะค่ะเสด็จปู่" เสียงของอ๋องฉินดังมาแต่ไกลก่อนที่จะเห็นเจ้าตัวเดินเข้ามายังห้องบรรทมของไท่ซ่างหวง "หลานถวายบังคมเสด็จปู่พ่ะย่ะค่ะ" "ข้าเรียกเพียงพระชายาของเจ้าไม่ได้เรียกเจ้ามาด้วยเสียหน่อย" "หลานแค่กลัวว่านางจะเผลอทำสิ่งใดให้เสด็จปู่ไม่พอพระทัยเลยต้องรีบตามมาพ่ะย่ะค่ะ" "นางรู้ความกว่าเจ้าเยอะ เจ้าอย่าได้มาก่อกวนข้าเป็นอันขาด" "ทรงเห็นหลานเป็นเช่นใดหลานไม่ได้ชอบก่อเรื่องถึงเพียงนั้น" ไท่ซ่างหวงกรอกพระเนตรไปมาพลางทอดถอนพระปัสสาสะทันที หลานของเขาเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้ตอนนี้คิดการสิ่งใดอยู่กัน "เช่นนั้นก็จงอยู่เงียบๆ อย่ารบกวนข้า" "ได้พ่ะย่ะค่ะเสด็จปู่" "ฉางกงกงไปเอาของมา" "พ่ะย่ะค่ะไท่ซ่างหวง" ฉางกงกงเดินไปที่หลังม่านหยิบเอากล่องไม้จันทร์เดินถือติดตัวออกมาด้วยก่อนจะยื่นให้กับไท่ซ่างหวง "ข้าให้เจ้าถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานจากตาแก่คนนี้แล้วกัน” ลู่เหยียนซินยื่นมือไปรับแล้วถือไว้ในอ้อมอกของตนเอง "เปิดดูสิ" ไท่ซ่างหวงบอกกล่าวทั้งส่งยิ้มอ่อนให้นาง ลู่เหยียนซินจึงจัดการเปิดกล่องที่ถือเอาไว้ออกมาทันที ภายในบรรจุหินหยกสีเขียวมรกตสองชิ้นเมื่อแสงตกกระทบกับตัวหยกก็สะท้อนแสงแวววับขึ้นมาอย่างสวยงาม "สวยมากเลยเพคะเสด็จปู่" "รักษาไว้ให้ดี" "ขอบพระทัยเพคะ" อ๋องฉินมองนางด้วยสายตาที่มืดมนเขาไม่เคยได้ของขวัญจากเสด็จปู่ของเขาเลยสักครั้ง นางเป็นใครกันแต่งงานกับเขาเพียงไม่นานก็ได้ของขวัญแล้ว "เก็บสายตาขี้อิจฉาของเจ้าด้วยฉินอ๋อง" "ข้าไม่เห็นได้บ้าง" "เจ้าเป็นบุรุษจะเอาของขวัญไปทำไมกันข้าให้นางก็เหมือนให้เจ้า สามีภรรยาก็เหมือนคนๆ เดียวกันคิดอะไรมากกัน" "จะไปเป็นคนๆ เดียวกันได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะเสด็จปู่ นางก็คือนาง ข้าก็คือข้า" "เจ้านี่อย่างไรกันนะอิจฉาแม้กระทั่งเมียตัวเอง เอาล่ะของขวัญก็ให้แล้วพวกเจ้าออกไปกันได้แล้วข้าจะพักผ่อน" ไท่ซ่างหวงออกปากไล่หลานชายของเขาอย่างนึกรำคานก่อนจะชายตาไปมองหลานสะใภ้ที่นั่งกอดกล่องไม้นั้นเอาไว้ในอ้อมแขนของนางแน่น “พระชายาฉินหลังกลับจากชายแดนเหนือหวังว่าเจ้าจะมีของขวัญกลับมาให้ข้าบ้างนะ" "พระองค์ทรงรู้ได้อย่างไรกันเพคะว่าหม่อมฉันต้องเดินทางไปด้วย” "มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้บ้างล่ะ" ตาแก่พูดพลางอมยิ้มให้นาง ‘ใช่สินะคนที่มีอำนาจย่อมมีหูตาเป็นสับปะรดอยู่แล้ว ต่อไปนี้จะพูดจะทำสิ่งใดคงต้องระวังมากขึ้นแล้ว’ "ได้เพคะเสด็จปู่หม่อมฉันไม่ลืมแน่นอนเพคะ" "อืม เช่นนั้นพวกเจ้ากลับไปพักผ่อนรอวันออกเดินทางเถอะ" "เสด็จปู่รักษาพระวรกายด้วยนะเพคะหม่อมฉันทูลลา" อ๋องฉินไม่พูดไม่จามองไท่ซ่างหวงด้วยความน้อยใจ "หลานจะออกเดินทางแล้ว ไม่มีของขวัญก็ควรมีคำอวยพรให้หลานบ้าง" "เจ้าอย่าคิดก่อเรื่อง! ออกไปได้แล้ว" 'ลำเอียง! เสด็จปู่ลำเอียงชัดๆ' เมื่อออกมาจากตำหนักซูหนิงเขาเห็นนางเอาแต่กอดกล่องไม้ที่เก็บหยกสองชิ้นนั้นด้วยความหวงแหนใบหน้าของนางเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มตลอดทางเดิน อยู่ๆ ก็รู้สึกอิจฉานางขึ้นมาเขาที่เป็นหลานแท้ๆ เสด็จปู่ไม่เห็นให้ของขวัญอะไรเลยสักครั้ง "ท่านอ๋องหากพวกเราหย่ากันแล้ว หยกสองชิ้นนี้ข้าไม่ขอคืนให้ท่านนะเพคะ" "เจ้าว่าอะไรนะ" "ข้าบอกว่าหยกสองชิ้นนี้ข้าจะเก็บไว้เองเพคะ" "ไม่ใช่ ที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้" "หากว่าเราสองคนหย่ากันแล้ว ข้าจะขอเก็บ…" "สมรสพระราชทานเจ้าคิดว่าจะหย่ากันง่ายๆ เช่นนั้นหรือ" "ก่อนหน้านี้ท่านก็คิดจะหย่ากับข้าไม่ใช่หรืออย่างไรกันในเมื่อท่านต้องการแต่งกับหยางซูฉินท่านก็ต้องเขียนหนังสือหย่าให้ข้าอยู่แล้ว หรือท่านคิดว่าหยางซูฉินจะยอมแต่งเป็นชายารองจริงๆ น่ะหรือ" นางเอียงคอยืนรอคำตอบจากอ๋องฉินด้วยแววตาสุกใสไร้ซึ่งแววขุ่นเคืองหรือริษยาทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างหาสาเหตุไม่ได้ "แต่ก่อนเจ้าบังคับให้บิดาของเจ้าขอพระราชทานสมรสกับข้า มาวันนี้อยากจะหย่าก็หย่าง่ายๆ เช่นนั้นหรือ” "แล้วท่านอ๋องจะเอาอย่างไรกันล่ะเพคะเมื่อข้าต้องการหย่าท่านก็ไม่หย่าถ้าเช่นนั้นจากนี้ไปหากว่าข้าตามตอแยท่าน ท่านก็อย่ามาหาว่าข้าน่ารำคานก็แล้วกัน!" พูดจบก็เดินออกไปไม่รอเขาเลยสักนิด นางยอมรับว่ารู้สึกโกรธเขามากไม่เข้าใจตาอ๋องบ้านี่เลยสักเพียงนิด ไม่ใช่ว่าเขาต้องดีใจหรอกหรือที่นางจะหย่าแล้วที่เขาพูดออกมาเช่นนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกัน อ๋องฉินไม่พูดสิ่งใดต่อเขาเดินตามนางไปจนถึงหน้าประตูวังหลวงก่อนจะยื่นมือไปรับอาชาประจำกายจากทหารผู้ดูแลแล้วคว้าเอวบางของนางอุ้มขึ้นนั่งบนหลังม้าก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นมาซ้อนด้านหลังด้วยความรวดเร็ว นางหันหลังไปมองเขาก็พบเข้ากับสายตาเย็นชาที่ยากจะอ่านออกระหว่างทางกลับจวนคนทั้งคู่ไม่แม้แต่จะสนทนากันสักคำสร้างความอึดอัดใจให้แก่ลู่เหยียนซินไม่น้อย ‘ก็แค่พูดเรื่องหย่าเหตุใดต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยแปลกคนเสียจริง’ -จวนอ๋องฉิน- เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนเป็นอ๋องฉินที่รับนางลงจากหลังม้าเช่นเคย นางกล่าวขอบคุณแต่ก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปยังเรือนของตนเองก็ถูกอ๋องฉินเรียกไว้เสียก่อน "เจ้าจงเตรียมตัวให้ดีเช้ามืดวันพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปเมืองจี้โจวกับข้า" "เร็วเช่นนั้นเลยหรือเพคะ" "ชีวิตผู้คนไม่สามารถรอได้" พูดจบเขาที่กำลังจะเดินกลับไปยังตำหนักฉางหมิงก็ได้ยินลู่เหยียนซินถามขึ้น "ต้องไปนานเท่าใดหรือเพคะ" "ครึ่งปีหรืออาจจะหนึ่งปี" ‘นานถึงเพียงนั้นเชียวหรือ’ อ๋องฉินไม่พูดต่อปล่อยให้นางยืนเหม่ออยู่ลำพังแล้วเดินเลี่ยงไปสั่งการให้ทหารจัดเตรียมกองกำลังไปยังชายแดนทันที "ท่านอ๋องต้องพาพระชายาไปด้วยเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ" ชิงอีทหารคนสนิทของอ๋องฉินถามขึ้น "พระชายาเป็นสตรีทั้งยังไม่มีวรยุทธ์ไปแล้วจะช่วยอะไรท่านอ๋องได้กันพ่ะย่ะค่ะ" อ๋องฉินมองไปยังเรือนซินหยางพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ "ใช่ นางเป็นสตรีที่ไม่มีวรยุทธ์ไปที่นั่นคงสร้างความลำบากให้นางไม่น้อย" องค์รักษ์คนสนิททั้งสองมองหน้ากันไปมา อ๋องฉินละสายตาจากเรือนซินหยางก่อนจะมุ่งหน้าไปในเรือนใหญ่ทันที เมื่อครู่เขาแค่หาเหตุผลให้องค์รักษ์ทั้งสองหยุดซักไซร้เขาก็เท่านั้น แน่นอนว่าเรื่องหย่ายังไม่ใช่ตอนนี้เขาต้องได้ประโยชน์จากนางก่อนถึงจะยอมปล่อยนางไปได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD