ตอนที่ 8 พระชายาป่วย

2563 Words
การเดินทางยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ห้าลู่เหยียนซินเหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของนางเพิ่งถูกโบยมาบาดแผลยังไม่ทันหายดี อีกทั้งการนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันเป็นเวลาห้าวันติดกันโดยไม่สามารถขยับไปทางไหนได้ทั้งการสั่นสะเทือนของรถม้าที่โครงเครงตลอดทางส่งผลให้ร่างกายของนางบอบช้ำขึ้นมาอีกระลอก เนื้อด้านหลังกระแทกกับแผ่นไม้หลายต่อหลายครั้งนางทำได้เพียงแค่อดทนมาตลอด แต่วันนี้ความเจ็บปวดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งความรู้สึกปวดหนึบตามร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมาและดูเหมือนจะส่งผลให้พิษไข้ค่อยๆ กำเริบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นางกินยาแก้อักเสบไว้แล้วแต่เพราะแผลด้านหลังนั้นลึกเกิน แม้จะกินยาหรือทายาทุกวันเพื่อให้ทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่แผลก็ยังหายช้าอยู่ดี ความเจ็บของบาดแผลส่งผลให้นางได้รับพิษไข้ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก เหงื่อที่ผุดขึ้นก็ไหลย้อยลงจากศรีษะไหลไปตามกรอบหน้าของนางแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม นางหลับตาลงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้ “พระชายาเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” “ข้ายังไหว” นางตอบลี่ถิงด้วยเสียงอันสั่นเครือ “ให้ข้าบอกท่านอ๋องหรือไม่” “ไม่ต้อง ข้าไม่ใช่คนที่อย่างอ๋องฉินจะเห็นใจหากรู้ว่าข้าไม่สบายมีแต่จะสมน้ำหน้าข้าเสียมากกว่า เขาอาจจะหาวิธีทรมานข้ามากไปกว่านี้ก็เป็นได้” “พูดอะไรเช่นนั้นท่านอ๋องไม่ได้ใจร้ายถึงเพียงนั้นหรอกนะเพคะ” “เจ้าอยู่เงียบๆ ก็พอแล้วข้าจะพักเสียหน่อย จำไว้ว่าอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด” “เพคะพระชายา” รถม้าขับเคลื่อนไปเรื่อยๆหนทางข้างหน้าทุลักทุเลพอสมควร ยามที่รถม้าตกหลุมโคลงเคลงอย่างหนักส่งผลไปยังบาดแผลของนางโดยตรง ลู่เหยียนซินฝืนทนต่อไปนางนอนตะแคงบนพื้นรถม้าโดยมีลี่ถิงนั่งอยู่ด้านข้าง คอยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าให้นางอยู่ตลอดเวลา “พระชายาอดทนอีกนิดนะเพคะจวนจะพลบค่ำแล้ว หากขบวนกองทัพหยุดพักเมื่อใด ท่านก็จะได้นอนพักสบายๆ แล้วเพคะ” “อืม” ลู่เหยียนซินตอบกลับนางด้วยเสียงอันแผ่วเบาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ไม่ช้ากองทัพของอ๋องฉินก็หยุดพักตรงเขตชายป่า เขาสั่งให้ทหารตั้งกระโจมพักและให้ทหารส่วนหนึ่งออกล่าตะเวนบริเวณรอบๆ หากมีกลุ่มโจรแอบซุ่มโจมตีอยู่นั่นเอง หลังจากทหารตั้งกระโจมและกระจายกำลังตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อ๋องฉินจึงสั่งให้ชิงอีไปเรียกลู่เหยียนซินลงจากรถม้า “พระชายา” “ท่านชิงอี คือว่าพระชายาหลับอยู่เจ้าค่ะ” “หลับอย่างนั้นหรือ” ชิงอีแอบมองลอดผ่านผ้าม่านประตูแม้ลี่ถิงจะเปิดออกมาเพียงเล็กน้อยและรีบปิดม่านลง แต่ด้วยสายตาอันแหลมคมขององค์รักษ์หนุ่มก็สามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่ามันไม่ปกติ! หลังจากชิงอีเดินจากไปแล้วลี่ถิงก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางหันไปมองนายสาวของตนเองสีหน้าพระชายาไม่ดีขึ้นเลยนางลังเลอยู่นานสองนาน ‘จะบอกท่านอ๋องดีหรือไม่นะ…' “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” “มีอะไร” อ๋องฉินที่กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องหันกลับมามององค์รักษ์คนสนิทของเขาทันทีที่ได้ยินเสียงเขาเรียก “คือว่า..ข้าน้อยคิดว่าพระชายาน่าจะมีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ” “นางก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ” อ๋องฉินพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เขาคิดถูกหรือไม่นะที่นำนางมาด้วยก่อเรื่องไม่เว้นวันจริงๆ “ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรแต่ข้าน้อยคิดว่าพระชายาน่าจะมีไข้ เมื่อครู่ข้าน้อยไปเรียกที่รถม้าสาวใช้ของพระชายาบอกว่านางนอนหลับอยู่ แต่ข้าน้อยแอบลอบมองเข้าไปกลับพบว่าสีหน้าของพระชายาดูไม่สู้ดีเลยพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องฉินที่ตอนนี้ยังสวมใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยสาบเสื้อแยกออกจากกันจนมองเห็นแผงอกแกร่งที่มีขนประดับเบาบางอยู่รำไร เพราะที่แห่งนี้มีแต่เหล่าชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของเขาจึงไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งใด เขาเดินมุ่งหน้าไปยังรถม้าของนาง เมื่อเปิดม่านออกลี่ถิงถึงกลับสะดุ้งตกใจก่อนจะรีบลนลานลงจากรถม้าไปยืนด้านข้างถัดจากชิงอีด้วยความรวดเร็ว อ๋องฉินก้าวขึ้นไปบนรถม้าใช้หลังมือสัมผัสไปยังหน้าผากมนหากแต่หลังมือของเขายังไม่ทันแตะถึงผิวเนื้อของนางก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากตัวนาง เขารีบช้อนตัวนางขึ้นแล้วอุ้มไว้ในอ้อมแขนแกร่งวิ่งตรงไปยังกระโจมพักทันที อ๋องฉินสั่งให้ทหารนำอ่างน้ำสำหรับเช็ดตัวและทำการต้มยาให้นางโดยเร็ว เขาสั่งให้ลี่ถิงเช็ดตัวให้นางเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงนำยามาป้อนนางต่อ ลู่เหยียนซินลืมตาขึ้นมาได้นิดเดียวก็ต้องหลับตาลงต่อเพราะรู้สึกถึงความหนักอึ้งของศรีษะ “กินยาเข้าไปเจ้าจะมาตายกลางป่าไม่ได้ หน้าตาน่าเกลียดถึงเพียงนี้เกิดใครมาพบเห็นเข้าคงต้องหลอนติดตาไปชั่วชีวิตแน่ๆ น่าสงสารจะตายไป” ลี่ถิงถึงกลับเบิกตากว้างมองไปยังอ๋องฉินทันที นั่นใช่คำพูดปลอบประโลมคนป่วยหรืออย่างไรกัน ท่านอ๋องเหตุใดถึงได้กล่าวหาพระชายาเช่นนั้นกันเล่า อ๋องฉินป้อนยาเข้าปากนาง นางกลืนลงแต่โดยดีแต่ก็ต้องสำลักออกมาเพราะความขมของยาทั้งยังพยายามเบือนหน้าหนี เขาจำต้องอมยาไว้ในปากแล้วป้อนให้นางโดยตรงแทน ลี่ถิงกับชิงอีถึงกลับเบือนหน้าหนีกันแทบไม่ทัน “เจ้าดูแลพระชายามาทั้งวันไปพักได้แล้ว กระโจมของเจ้าอยู่ถัดออกไปทางด้านหลังเฟยหยาจะเป็นคนนำทางเจ้าไป” ชิงอีบอกกล่าวกับลี่ถิง นางพยักหน้าตอบรับและรีบเดินออกจากกระโจมไปทันที ‘พระชายายังมีท่านอ๋องดูแลอยู่คงไม่เป็นไรหรอกกระมัง’ อ๋องฉินปล่อยให้นางนอนพักต่อส่วนเขาออกไปนั่งลงตรงกองไฟข้างกระโจม พวกเหล่าทหารกล้าทั้งหมดนั่งกินอาหารมื้อค่ำพร้อมๆ กันกับอ๋องฉิน เขาไม่ถือสาสิ่งใดเพราะนับว่าทหารกล้าที่ร่วมรบด้วยกันต่างก็มีเกียรติเท่ากันทุกคน ปกติยามไฮ่[1] อ๋องฉินจะนำทหารบางส่วนออกล่าตระเวนในระยะที่พวกเขาตั้งกระโจมในทุกๆ คืนตั้งแต่ที่เดินทางกันมาแต่เพราะคืนนี้พระชายาของเขาป่วยจึงทำได้เพียงมอบหมายให้ชิงอีและเฟยหยาทำหน้าที่แทน เขาเดินเข้ามาในกระโจมแล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆ นาง ลู่เหยียนซินนอนขดตัวอยู่บนเตียงปากเรียวบางสั่นสะท้านพลางเอ่ยเสียงสั่นเบาๆ ออกมา “หนะ..หนาว แม่จ๋าข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน” มือหนายื่นออกไปจับหน้าผากมนรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวนาง เขาสั่งทหารรับใช้นำอ่างน้ำมาให้ที่กระโจมอีกครั้ง ดึกมากแล้วจึงไม่ได้ให้คนไปตามลี่ถิงมาดูแลนาง “ยังไม่ถึงจี้โจวก็จับไข้เสียแล้ว อ่อนแอเสียจริง!” อ๋องฉินจำต้องผลัดเสื้อผ้าของนางออกพลันสายตาของเขาก็มองไปเห็นร่องรอยบนแผ่นหลังของนาง ร่องรอยที่ถูกโบยยังไม่จางหายนวลเนื้อขาวใสมีรอยแดงแตกระแหงแผลบางแห่งยังคงมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย เหตุที่นางจับไข้ก็คงเป็นเพราะพิษจากแผลที่โดนโบยนี่เองสินะ อ๋องฉินมองนางในใจก็คิดหาเหตุผลว่าเหตุใดนางถึงอดทนได้ถึงเพียงนี้กัน เขาหยุดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะลงมือเช็ดตัวให้นางอีกครั้งแล้วนำยาสำหรับรักษาบาดแผลของราชวงศ์โดยเฉพาะมาทาที่ด้านหลังของนาง ไอร้อนยังคงไม่เจือจางลงเขาจำใจต้องดึงนางมาสวมกอด กลิ่นอายความอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้าทำให้คนตัวเล็กมุดเข้าอ้อมแขนแกร่งทันที ชายหนุ่มรู้สึกเกรงตัวตามสัญชาตญาณของบุรุษ ความนุ่มนิ่มของกายสาวที่แนบชิดกับเนื้อตัวของเขาทำให้นวลเนื้อส่วนล่างตื่นขึ้นมาทันที แต่เพราะนางป่วยอยู่จึงต้องหยุดความคิดเหล่านั้นลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาสวมกอดนางอยู่อย่างนั้นทั้งคืนเมื่อถึงรุ่งเช้าจึงรีบออกไปสั่งการให้ทหารเริ่มจัดขบวนออกเดินทางกันต่อ เขาไม่ได้อยากแล้งน้ำใจกับนางมากนักเพียงแต่หนทางข้างหน้ายังมีผู้คนที่รอคอยการช่วยเหลือไม่สามารถช้าได้สักเสี้ยววินาทีเดียว “พระชายาเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” ลี่ถิงค่อยๆ ประคองนางออกมาจากกระโจมเพื่อไปขึ้นรถม้า “ดีขึ้นแล้วล่ะ” ดีอย่างไรกันสีหน้าของพระชายายังซีดเซียวอยู่เลย ลี่ถิงได้เพียงแค่คิดในใจไม่อยากเถียงผู้เป็นนายให้ไม่สบายใจอีก “ท่านนั่งรอตรงนี้ก่อนนะเพคะเดี๋ยวข้าจะไปเอาอาหารมาให้ พระชายาต้องกินยาด้วยไข้จะได้ทุเลาลงเพคะ” “ขอบใจนะลี่ถิง อ้อ..เมื่อคืนเจ้าดูแลข้าใช่หรือไม่” “หามิได้เพคะ เป็นท่านอ๋องที่ดูแลท่านทั้งคืนเพคะ” “อะไรนะ!” พูดจบลี่ถิงก็เดินไปยังบริเวณจุดทำครัวทันที เมื่อครู่หูนางคงฝาดไปใช่หรือไม่คนอย่างอ๋องฉินเนี่ยนะจะเฝ้าไข้นาง เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง! ไม่นานนักลี่ถิงก็เดินกลับมาพร้อมถ้วยโจ๊กถ้วยหนึ่ง “พระชายาเสวยอาหารเถอะเพคะ” “อืม” ลู่เหยียนซินกินไปได้เพียงสองสามคำจำต้องวางลงรสชาติจืดชืดนางจึงกลืนไม่ค่อยลง อ๋องฉินที่เดินตามมาเห็นนางกินไปได้แค่สองสามคำถึงกลับขมวดคิ้วทันที “เจ้ากินแค่นั้นจะไปอยู่ท้องได้อย่างไรยังต้องเดินทางอีกไกลนะ” “ข้าอิ่มแล้ว” “กินแค่นั้นจะไปอิ่มได้อย่างไรเจ้ารู้หรือไม่ว่าอาหารที่ทำออกมา ทหารทุกคนต้องกินให้หมดไม่มีผู้ใดกินทิ้งกินขว้างไม่รู้คุณค่าเหมือนเจ้าเลยสักคน” “ทำไมท่านต้องพูดมากด้วยเล่า ข้าแค่กินไม่ลงเท่านั้นเองที่ผ่านมาข้าก็กินจนหมดไม่เคยเหลือเลยนะ” “ใช่เพคะท่านอ๋อง พระชายากินอาหารหมดทุกครั้งเลยนะเพคะยกเว้นก็เพียงแต่ครั้งนี้…” อ๋องฉินส่ายหัวให้นายบ่าวคู่นี้เขาคร้านจะเถียงกับนางจึงเดินไปนั่งบนรถม้าข้างๆ นาง ลี่ถิงเก็บถ้วยโจ๊กออกไปทันทีไม่ลืมที่จะทิ้งยาไว้ให้นางอีกด้วย ลู่เหยียนซินเดิมทีนางจะเอายาแก้อักเสบของตนเองออกมากินแต่เพราะอ๋องฉินยังอยู่อีกทั้งยังนั่งข้างนางถึงเพียงนี้จึงไม่กล้าที่จะหยิบออกมา ได้แต่มองถ้วยยาที่มีน้ำสีแดงนองอยู่ด้านในเต็มถ้วยนางลอบกลืนน้ำลายช้าๆ นางไม่ชอบดื่มยาน้ำเป็นที่สุด รับรู้ได้ทันทีเลยว่ายาถ้วยนี้คงจะขมน่าดู อ๋องฉินลอบสังเกตอาการของนางก็เห็นว่านางดูไม่อยากกินยาจึงจำเป็นต้องขู่นางเอาไว้ “หากเจ้ายังไม่ยอมกินยาข้าจะจับกรอกปากเจ้าเดี๋ยวนี้!” เขาพูดพลางมองไปที่นาง จ้องขนาดนี้นางจะแอบเททิ้งได้อย่างไรกันเล่า ลู่เหยียนซินยกถ้วยยาขึ้นมาแล้วใช้มือข้างหนึ่งบีบจมูกตนเองไว้แล้วรีบกลืนยาลงด้วยความรวดเร็ว รสชาติที่ขมทำให้นางแทบอยากจะพ่นยาออกมา อ๋องฉินใช้มือปิดปากนางทันที นางทำอะไรไม่ได้นอกจากจำต้องกลืนมันลงไป “หากเจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมกินยาอีก ข้าจะมาป้อนให้เจ้าเองกับมือทุกครั้ง!” คำขู่ของเขาทำให้นางหันมองเขาทันที “ข้ายังต้องกินยาอีกงั้นหรือ” “จนกว่าจะหาย หากเสด็จแม่รู้ว่าเจ้าตายระหว่างทางไม่พ้นที่ข้าจะโดนเสด็จแม่ลงโทษ” พูดจบก็เดินออกไปสั่งการกับทหารองค์รักษ์ทันที นางรู้สึกสยองที่ต้องกินยานี้อีกครั้งเลยรีบหยิบยาแก้อักเสบจากกล่องยาออกมากินทันที นางต้องหายด้วยยาของนางเองนางจะไม่มีวันกินยานั้นอีกเป็นอันขาด! อ๋องฉินสั่งจัดขบวนเพื่อเดินทางต่อ เขาไม่ได้ขี่ม้าที่หัวขบวนเช่นเคยแต่กลับมานั่งบนรถม้ากับนาง ส่วนลี่ถิงไปนั่งรถม้าที่ใช้เก็บเสบียงแทน “ท่าน! เหตุใดไม่ไปขี่ม้าเช่นเคยเล่า” “ข้าต้องกำชับให้เจ้าพักผ่อนและกินยาไม่ให้คลาดสายตา” “นอนพักข้าทำอยู่แล้ว แต่กินยาไม่ใช่ว่าถึงเวลาอาหารก็หยุดพักม้ากันหรอกหรือ” “วันนี้ไม่ คนครัวได้ทำเสบียงอาหารสำหรับกินไปด้วยเดินทางไปด้วยไว้แล้ววันนี้เราไม่สามารถหยุดพักบริเวณพื้นที่แถบนี้ได้มันอันตรายเกินไป” ลู่เหยียนซินมองหน้าเขาก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็มองเห็นทั้งชิงอีและเฟยหยาควบม้าอยู่ด้านข้าง เหล่าทหารที่เหลือจัดขบวนได้แปลกตากว่าวันผ่านๆ มามาก ดูไปแล้วเหมือนพวกเขาตั้งใจปกป้องรถม้าของนางอย่างไรอย่างนั้น “เจ้านอนลงเถอะหนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะเข้าเขตแดนเมืองจี้โจว เราต้องผ่านหุบเขาลูกนี้ไปให้ได้ก่อน” ​​ลู่เหยียนซินหลี่ตาลง อยู่ๆ ก็มาทำดีกับนางไม่ใช่ว่าจะหาทางกลั่นแกล้งนางอีกหรอกนะ นางเห็นอ๋องฉินหลับตาลงไม่สนใจนางอีกจึงละความสนใจแล้วหันกลับมาจัดท่านอนของตนเอง ลู่เหยียนซินนอนลงอย่างว่าง่ายนางรู้สึกอ่อนเพลียมากจริงๆ เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับตาลงทันที อ๋องฉินลืมตาขึ้นมามองใบหน้าที่หลับใหลด้วยแววตาที่หลากหลายความรู้สึกทั้งความรู้สึกเกลียด เกลียดที่นางร้ายกาจชอบแสดงอำนาจทำร้ายบ่าวในจวน แต่อีกความรู้สึกหนึ่งก็เหมือนโล่งใจเวลาที่นางไม่สนใจแสดงความรักใคร่ต่อเขาเฉกเช่นที่นางเคยเป็น เขาจึงรู้สึกสบายใจเวลาที่ได้พูดคุยกับนางในช่วงเวลานี้ ขบวนรถม้ามุ่งหน้าต่อไปอย่างรวดเร็วพวกเขาไม่หยุดเดินทางกันเลยสักนิดเหตุเพราะบริเวณนี้เป็นหุบเขาที่ซับซ้อนยิ่งนัก โจรป่าก็ชุกชุมไม่สามารถหยุดการเดินทางได้เด็ดขาด - - - - - - - - - - - - [1] ยามไฮ่ = 21.00-22.59 น.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD