ที่มาของอาการปวดศีรษะ

1525 Words
รัชศกจิ้นหนานปีที่แปดแห่งแคว้นลู่ ทั่วทั้งวังหลวงต่างวุ่นวายโกลาหลเกี่ยวกับอาการประชวรของอ๋องเจ็ดจงไท่หยางเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยองค์ฮ่องเต้แห่งแคว้นลู่ จงไท่หยวน ผู้เป็นพระเชษฐาต่างได้กะเกณฑ์หมอหลวงทั่วทั้งวังหลวงมารักษาอาการประชวรให้กับอนุชาของตนเข้าสู่ปีที่ห้าแล้วแต่อาการของอ๋องเจ็ดจงไท่หยางยังไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยังคงมีอาการปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาอยู่อีกบ่อยครั้ง  เดิมทีอ๋องเจ็ดจงไท่หยางนั้นมีความสามารถทางด้านวรยุทธ์และเพลงดาบสูงยิ่ง เมื่ออายุครบสิบหกปีจึงได้รับมอบหมายให้ออกไปทำศึกป้องกันแคว้นอยู่เสมอ ก่อนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะเสด็จสวรรคตจึงทรงแต่งตั้ง พระองค์ให้เป็นชินหวังอ๋องขั้นหนึ่ง (อ๋องหมวกเหล็ก) ได้รับฉายาว่า "ท่านอ๋องกระหายศึก" ฉายานี้ทำให้ศัตรูต่างเกรงกลัวเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าอ๋องเจ็ดจะย่างกรายไปทำศึก ณ ที่ใด ล้วนรบราฆ่าฟันศัตรูอย่างไร้ความเมตตาปรานี ผู้คนล้วนล้มตายดุจใบไม้ร่วงไม่มีใครกล้าต่อกรด้วยทั้งสิ้น  ครั้นพออายุได้ยี่สิบปีกลับมีอาการปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาอยู่อีกบ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ ทุกครั้งที่อาการปวดศีรษะกำเริบ มักจะอาละวาดขว้างปาข้าวของและขับไล่ทุบตีบ่าวไพร่อยู่เสมอ  ด้วยเกรงว่าวังหลวงจะพังพินาศจากน้ำมือของอนุชาของตนเสียก่อน  องค์ฮ่องเต้จึงมีพระบัญชาให้อ๋องเจ็ดไปปกครองเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งชื่อ  (เมืองซีอัน) ที่อยู่ติดกับชายแดนทางทิศเหนือ เพื่อที่จะให้อนุชาของตนได้สงบสติอารมณ์และกันอ๋องเจ็ดให้อยู่ห่างไกลจากผู้คนในวังหลวงไว้ก่อน แต่กระนั้นทุก ๆ หนึ่งเดือน อ๋องเจ็ดจงไท่หยางจะต้องเดินทางเข้ามารับการรักษาอาการปวดศีรษะที่วังหลวงเป็นประจำอย่างน้อยสามวันต่อเดือน  จึงจะสามารถออกจากวังหลวงกลับไปปกครองเมืองซีอันต่อไปตามเดิมได้  การรักษาผ่านไปนานหลายปีและอ๋องเจ็ดได้รับการรักษาผ่านไปอีกหลายวิธี แต่กลับไม่มีสักวิธีที่จะช่วยรักษาอาการปวดศีรษะของอ๋องเจ็ดได้เลย ทำได้เพียงช่วยบรรเทาอาการปวดได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น การรักษาดำเนินมาจนถึงวันนี้ที่อ๋องเจ็ดได้เดินทางมาที่วังหลวงเพื่อรับการรักษาอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้กลับมีอาการปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง  ซึ่งการปวดศีรษะครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ จนฮ่องเต้จงไท่หยวนทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเอ่ยตรัสขึ้นมาก่อนว่า “น้องเจ็ด เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง? ข้าช่างเป็นพี่ชายที่ไม่เอาไหนเสียเลย ให้หมอหลวงมารักษาเจ้าตั้งหลายปีแล้วแต่อาการของเจ้ากลับไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย”  “ขอฝ่าบาทอย่าได้ทรงวิตกกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ อาการปวดศีรษะของกระหม่อมนั้นไม่มีผู้ใดรักษาได้หรอก นอกเสียจากว่า” อ๋องเจ็ดจงไท่หยาง กล่าวขึ้นมาได้เพียงเท่านั้นก็กุมขมับของตนหนักขึ้นและพลิกตัวไปมาจนตกจากเตียงลงไปกองอยู่ที่พื้น พร้อมทั้งกัดฟันแน่นอยู่เป็นพัก ๆ “นอกจากอันใดรึน้องเจ็ด?” ฮ่องเต้ตรัสถามขึ้นพร้อมทั้งโบกพระหัตถ์ไล่ข้าราชบริพารและหมอหลวงที่อยู่ในบริเวณนั้นออกไปจนหมด “คนนอกไม่อยู่แล้วน้องเจ็ด เจ้าก็เรียกข้าตามเดิมเมื่อครั้นเรายังเป็นเด็กเถอะ” ฮ่องเต้ตรัสเสียงอ่อนโยนพร้อมทั้งก้มลงไปประคองน้องชายของตนให้ขึ้นมานั่งบนเตียงตามเดิม “พี่สี่ข้าทรมานยิ่งนัก!! หากภายในปีนี้ข้าไม่ได้รับการถอนพิษ ข้าคงต้องตายเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” อ๋องเจ็ดเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “น้องเจ็ดเจ้ามีอันใดปิดบังข้าอยู่เช่นนั้นรึ? เหตุใดเจ้าจึงกล่าวว่าเจ้าถูกพิษได้เล่า?” ฮ่องเต้จงไท่หยวนตรัสถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าอ๋องเจ็ดจงไท่หยางยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมตอบคำถามของตน จึงตรัสขึ้นมาอีกว่า “หากเจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นพี่ชายของเจ้าอยู่ เจ้าก็จงเล่าความจริงมาให้ข้ารู้เดี๋ยวนี้เถอะนะน้องเจ็ด" ฮ่องเต้จงไท่หยวนตรัสขึ้นเสียงเข้ม “ข้าหาได้อยากปิดบังพี่สี่ไม่ แต่ช่วงที่ข้าป่วยทีแรกนั้นเป็นช่วงที่พี่สี่ทรงขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ข้าไม่อยากให้เรื่องราวการเจ็บป่วยของข้าต้องมารบกวนการปกครองบ้านเมืองของพี่สี่ ข้าจึงยังไม่ได้พูดอันใดออกไป ขอพี่สี่ทรงอภัยให้ข้าด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องเจ็ดกล่าวพร้อมกับกุมขมับของตนหนักขึ้น “ข้าไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเจ้าเลยแม้แต่น้อยนะน้องเจ็ด แต่เรื่องราวการเจ็บป่วยของเจ้านั้น แท้จริงแล้วมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่เช่นนั้นรึ?”  “ตอนอายุสิบเก้าปีก่อนที่ข้าจะป่วย ข้าได้รับพระบัญชาจากเสด็จพ่อให้ไปรบที่แคว้นฉี พี่สี่ยังทรงจำได้หรือไม่?” อ๋องเจ็ดกล่าวทวนความหลัง “ข้าจำได้ หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหรือน้องเจ็ด?” “ข้าถูกลอบวางยาพิษในกระโจมจากพ่อครัวที่เป็นหนอนบ่อนไส้ในกองทัพ ยานั้นจะออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ เมื่อครบหนึ่งปียานั้นจะออกฤทธิ์อย่างเต็มที่และจะออกฤทธิ์รุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ข้ามีอารมณ์ทางเพศอยากร่วมหลับนอนกับหญิงสาวไปทั่ว ทางแก้มีสองทางคือข้าต้องเปลี่ยนอารมณ์ทางเพศเป็นแรงขับเคลื่อนในสนามรบ หรือมีอะไรกันกับหญิงสาวเท่านั้นจึงจะพอช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไปได้บ้างพ่ะย่ะค่ะ”  อ๋องเจ็ดกล่าวเล่าเรื่องราวถึงที่มาของอาการปวดศีรษะให้พี่ชายของตนฟัง “เป็นความผิดของข้าเองที่ยังไม่ได้หาคู่ครองที่ดีให้กับเจ้าน้องเจ็ด”  องค์ฮ่องเต้ตรัสเสียงเศร้า “อย่ากล่าวโทษตนเองเลยพ่ะย่ะค่ะพี่สี่ พี่สี่เคยตรัสถามข้าหลายครั้งแล้วในเรื่องของคู่ครอง แต่เป็นข้าเองที่เป็นฝ่ายบอกกับพี่สี่ว่าข้ายังไม่พบคน ที่ข้าพึงใจ” “น้องเจ็ดอายุเจ้าก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ หลานเจ้าหลายคนก็โตจนจะสิบขวบปีแล้ว เจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก ข้าในฐานะที่เป็นพี่ชายของเจ้าคงต้องหาภรรยาที่งดงามเพียบพร้อมให้เจ้าเสียแล้วสินะ” ฮ่องเต้จงไท่หยวนตรัสขึ้นอย่างใช้ความคิด “หญิงผู้งามพร้อมที่ใดกันจะยอมมาใช้ชีวิตร่วมกับคนป่วยเช่นข้ากันเล่าพ่ะย่ะค่ะพี่สี่” อ๋องเจ็ดจงไท่หยางเอ่ยขึ้นอย่างคนที่ปลงตกไปแล้วหลายส่วน “แถมอารมณ์ร่วมรักของข้าก็รุนแรงนัก ข้าเกรงว่านางจักรับข้าไว้มิไหว  ดังนั้นข้าจึงต้องปลดปล่อยพลังและอารมณ์นี้ไปในสนามรบ เคยมีนางกำนัลในตำหนักที่ให้ท่าเสนอตัวให้ข้าหลายคน บางคนกลับต้องเกือบสิ้นใจตายภายใต้ร่างข้า เพราะฉะนั้นข้าคงไม่เหมาะที่จะมีชายาหรอกข้ารู้ความจริงในข้อนี้ดี”อ๋องเจ็ดเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูแล้วดูกลัดกลุ้มและวิตกกังวลยิ่งนัก “เจ้าก็อย่ารุนแรงนักสิน้องเจ็ด” “พี่สี่ เหตุใดพี่จึงตรัสเช่นนั้น ตระกูลของเรามีธาตุหยางที่บริสุทธิ์เข้มข้น และอาวุธคู่ใจที่ใหญ่โตนัก ก่อนหน้านี้พระสนมขั้นเฟยของพี่ก็เจ็บร้าวระบมไปหลายวันมิใช่หรือ?” อ๋องเจ็ดจงไท่หยางกล่าวยิ้ม ๆ “น้องเจ็ดในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เจ้ายังกล้ามาพูดเรื่องธาตุ หยางและอาวุธคู่ใจอะไรอีกเช่นนั้นรึ ถึงนางจะร้าวระบม นางก็ยังไม่ถึงตาย  แถมยังมีโอรสให้กับข้าอีกด้วย” ฮ่องเต้จงไท่หยวนเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งจับไหล่ทั้ง สองข้างของน้องชายตนไว้แน่น “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จักหาวิธี หายาถอนพิษมารักษาอาการเจ็บป่วยของเจ้าให้จงได้ เชื่อข้า!!” ฮ่องเต้จงไท่หยวนเอ่ยให้คำมั่นสัญญากับน้องชายของตนอย่างเต็มที่ "ตอนนี้เจ้าช่วยกินยาแก้ปวดหัวถ้วยนี้ไปก่อนเถอะนะ วันพรุ่งข้าอาจจะคิดหาวิธีมารักษาเจ้าอีกให้จงได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่น้องเจ็ด?" “ขอบพระทัยพี่สี่ที่ทรงดีกับข้ายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องเจ็ดจงไท่หยางกล่าวขึ้นด้วยความซึ้งใจพร้อมทั้งดื่มยาขมถ้วยนั้นจนหมด  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD