ศึกในบ้าน

2256 Words
ในขณะสมองเธอมีแต่ความสงสัย ทว่าไม่กล้าพอที่จะถาม ทั้งที่มันคือสิทธิส่วนบุคคล เธอมีสิทธิ์จะปกป้องตัวเองก็ได้ เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย " มองหน้าฉัน จะเอาอะไร" ดวงตาคู่หวานหลบหลีกกะทันหันทันที หลังชำเลืองแอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา แล้วถูกจับได้ เธอลอบมองอยู่หลายครั้ง ไม่คิดว่าครั้งนี้เขาจะหันกลับมาสบตา " เปล่าค่ะ" เอมิเลียปฏิเสธ ดวงตาสั่นระริก " ฮึ เด็กน้อย เธอโกหกฉันไม่ได้หรอก " "....." " อยากจะรู้อะไร ถามมา" ก่อนหัวใจทั้งดวงจะหล่นลงไปอยู่บนตาตุ่ม เอมิเลียเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าจะถูกจับได้ อ้ำอึ้งอยู่อึดใจนึง ภาวนาให้คำถามของเธอนี้ ไม่ถูกเขาตะเพิดกลับมา " เอมิ..." " ทำไมต้องพาหนูไปด้วยคะ ทั้งที่คุณสามารถส่งหนูกลับก่อนก็ได้ " เธอหันขวับชิงถาม ครูซัสเลิกคิ้วสูง " เธอหมายถึงอะไร?? จะบอกฉันว่าเธอคือคนอื่นไม่สมควรจะพาเข้าไป น่ะหรือ" ย้อนถามกลับ " ใช่ค่ะ ทั้งที่มันเป็นความลับ" " เธอจะบอกอะไรฉัน? " " หนูไม่ควรจะมารับรู้ หรือได้ยินอะไรแบบนี้" " เธอก็แค่ลืมมัน สาวน้อย... " เอมิเลียถึงกับเม้มปากเป็นเส้นตรง ช่างใจ ไปไม่ถูก เมื่อชายหนุ่มแนะนำเธอเสียงเรียบ ไร้ท่าทีตื่นเต้นใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากเธอ ที่ตอนนี้เริ่มจะประหม่าเพราะกลัวเขาเข้าแล้วจริงๆ " อยู่กับฉัน ยังไงก็ดีกว่าอยู่บ้าน อาจทำเธอเสียขวัญบ่อยหน่อย แต่เชื่อฉันสิ เธอจะปลอดภัย " ครูซัสทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะนั่งนิ่งเหมือนเก่า ส่วนเอมิเลีย ก็เอาแต่นั่งก้มหน้า เพราะไม่กล้าจะถามต่อ เธอรู้ หากมากกว่านี้เขาหงุดหงิดแน่ เลยต้องปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมรถทั้งคันมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงที่หมาย เอมิเลียเดินคอตกตามหลังชายหนุ่มมาติดๆ ในใจเต็มไปด้วยความอึดอัด เพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดแบบไหนมาพูดดี จึงปลีกตัวออกมาจากเขา ต่างกับเขาที่ตอนนี้นำหน้าเธอด้วยจังหวะการก้าวเดินปกติ ก่อนจะหยุดกะทันหันตรงหน้าบันได ทำเอมิเลียที่ไม่ทันมองหน้าจูบแผ่นหลังเขาเต็มๆ ปึก! " อ๊ะ ขอโทษค่ะ อีกแล้ว..." ก่อนลูบหัวตัวเองป้อยๆ ครูซัส เก็บอาการในความเปิ่นซ้ำซากของเธอโดยการสูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึก " กลับห้องเธอไปได้แล้ว" มองข้ามหัวไหล่มาสั่งเธอ เอมิเลียพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวกลับห้องตัวเองแต่โดยดี " ค่ะ ขอบคุณนะคะ สำหรับมหาลัย" ทว่า กลับต้องชะงักด้วยคำทิ้งท้ายนี้ " ไม่เป็นไร มันคือหน้าที่ แม่ฉันอยากจะทำให้เธอ ฉันก็แค่รักษาสัญญา อย่าสร้างปัญหาก็แล้วกัน " หญิงสาวเงียบกริบ ทั้งรู้สึกแย่ ทั้งขอบคุณมาดามเรกาโดในใจ ก่อนยิ้มอ่อน หันไปลดศีรษะให้เขา " ....ค่ะ" " อ้อ พรุ่งนี้ก่อนเก้าโมง ฉันจะให้ลูกน้องพาเธอไปซื้อเสื้อผ้านะ เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ " " ค่ะ" และอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจริงๆ... ด้วยสภาพจิตใจที่ดูไม่จืด เอมิเลียเดินห่อไหล่มาถึงห้อง ไม่ทันสังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่ง ทอดมองเหยียดมาจากอีกห้อง ซึ่งอยู่เยื้องกันกับเธอ เรกาโด เคลที่ กวักมือเรียกสาวใช้ ที่กำลังเดินใกล้เข้ามา เพื่อถามไถ่ " ยัยนั่นน่ะหรือ เด็กในอุปถัมภ์ของคุณแม่" ซีอาร์หลบตาทันควัน หลังชะงักเท้าตอนหล่อนเรียก เม้มปากกว่าจะตอบ " ค่ะ" " มันชื่ออะไร? " " คุณหนูเอมิเลียค่ะ" เพี้ยะ! สาวใช้หน้าหันไปตามแรงมือ เสี้ยวแก้มชาเป็นแถบ หลังพูดคำนี้ออกมาไม่ทันจบ " แกกล้ายกย่องมันมาเทียบฉันงั้นหรือ? " เคลที่ตาลุกวาว ข่มเสียงต่ำอย่างเอาเรื่อง ซีอาร์ก้มหน้าสลด ปากสั่นระริก อยากจะร้องไห้ ทว่าต้องเก็บอาการไว้ " ซะ ซีอาร์ไม่กล้าค่ะ แต่นายท่านสั่ง" " เฮอะ เลยต้องทำตามงั้นสิ" " ฮึก.." " ไสหัวไปให้พ้น! " สิ้นสุดคำนี้ ซีอาร์ไม่รีรอ กุลีกุจอรีบลนลานออกมา โดยไม่หันกลับไปมองอีก ปล่อยเจ้านายเจ้าอารมณ์อยู่ข้างหลัง ด้วยความโกรธ โทสะหนักจนกู่ไม่กลับ ทำหล่อนต้องกำมือแน่น ถ้าไม่ติดว่า ตัวหล่อนเองก็เกรงกลัวพี่ชาย ยามเขาโมโหร้ายแล้วอารมณ์รุนแรงมากกว่าหล่อนหลายเท่าเล่าก็ ยามนี้ขาคู่นี้คงพาหล่อนไปอาละวาดสมาชิกใหม่สมใจอยากเรียบร้อย " มีโอกาสก่อนเถอะ แกไม่มีทางมายืนชูคอ ใกล้พี่ชายฉันแบบนี้แน่" ทางด้านของเอมิเลีย หลังเดินมาถึงห้อง สิ่งแรกเริ่มที่ทำคือการนั่งเหม่อ ในอกแสนจะทรมานเพราะคิดถึงบ้านเก่าจับใจ ทว่าไม่รู้จะติดต่อกลับไปยังไง และไม่รู้ฝั่งโน้นจะให้ติดต่อไหม... เลยได้แค่นั่งเฉยอยู่แบบนี้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะสามครั้งเช่นเคย ทำเอมิเลียหลุดออกจากภวังค์หันไปมอง " ไม่ได้ล็อกจ้ะ" ยิ้มอ่อนเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ต่างจากซีอาร์เอาแต่ก้มหน้านิ่ง หญิงสาวหุบยิ้มลงทันควัน เริ่มผิดสังเกต " พี่ซีอาร์ หน้าของพี่.." ลุกพรวดลงจากเตียงไปยืนตรงข้าม ก่อนเพ่งมองให้เห็นเต็มตา ในขณะสาวใช้ก้มหน้า หลบตาไม่อยากให้เธอรับรู้ ทว่า เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ มือบางนุ่มนิ่มยกขึ้นมาเกาะกุมกรอบหน้า ช้อนเบาๆ ให้หล่อนเงยขึ้นมาสบตากับเธอ " ฮึก..." และเมื่อเห็นรอยแดงช้ำเป็นรอยง่ามนิ้วทั้งห้า หญิงสาวถึงกับเบิกตาโพลงตกใจทันที " ใครทำพี่คะ " สาวใช้หลบตา เบือนออกไปทางอื่น เอมิเลียถอนหายใจพรืด เพิ่งนึกขึ้นได้เธอไม่ควรถาม มันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของหล่อน ซึ่งยากต่อการอธิบาย มือคู่บางจึงค่อยๆ ลดลงทัน หญิงสาวกลอกตาไปมา ก่อนถ่างขึ้นเล็กน้อย หมุนตัวไปหยิบยาดมที่พกติดไว้ในกระเป๋า แต่ไม่ค่อยได้ใช้ สาเหตุที่เก็บไว้กับตัวมาตลอด เพราะบ่อยครั้งในชีวิต เธอมักจะพบแต่คนเป็นลม ไม่คนแก่ชรา ก็เด็กขี้โรค " ทายานี้นะคะ จะได้ไม่บวมมาก " เอมิเลียยิ้มอ่อน ยื่นนิ้วมาแต้มตรงรอยช้ำนั้นด้วยความอ่อนโยน การกระทำของเธอทำให้ซีอาร์หัวใจพองโต เพราะไม่เคยได้รับความอบอุ่นและเอาใจใส่แบบนี้มาก่อน จากหน้าสลดกักเก็บน้ำตาไว้เต็มที่ ตอนนี้ปล่อยให้ไหลลงมาอาบแก้ม พร้อมมองหน้าเธอด้วยแววตาที่ซาบซึ้ง แทนคำขอบคุณ " เก็บไว้นะคะ เผื่อวันไหนพี่ต้องใช้มัน " เมื่อทาเสร็จ เธอยัดมันใส่อุ้งมือซีอาร์ " แต่ว่าคุณหนู..." " ไม่ได้เอาไว้ใช้กับหนูหรอกค่ะ หนูพกไว้เผื่อเจอคนเป็นลมเฉยๆ" " โธ่..." สาวใช้ถึงกับเข่าอ่อน นึกไม่ถึงว่าจะเจอคนจิตใจอ่อนโยนขนาดนี้ และนึกไปไกลถึงอนาคต เธอจะอยู่ยังไง หากวันข้างหน้าถูกใครบางคนรังแก ใช่ ปัญญาของหล่อน มีสถานะเพียงคนรับใช้เท่านั้น จะปกป้องอะไรได้ " รีบไหมคะ " ซีอาร์หลุดจากความคิด ก้มมองยาดมซึ่งมาอยู่ในอุ้งมือของหล่อนเรียบร้อยแล้ว ช้อนตาขึ้นมองคนถาม สีหน้าเธอดูไม่จืด " มีเก็บของ ล้างจาน ปัดกวาดอีกนิดหน่อยค่ะ คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ " " มานั่งตรงนี้สิคะ " เอมิเลียตบเบาะเตียงข้างตัวเองสองสามที " ค่ะ " รอให้ซีอาร์ทำตาม จึงพูด " ต่อไปนี้ เรียกหนูว่า เอมี่ ก็พอค่ะ " " คะ? " ก่อนยิ้มอ่อน ค่อยๆ เลื่อนมือตนไปกุมมือแข็งผิวกร้าน บ่งบอกถึงสภาพทำงานหนักมานานเกือบค่อนชีวิต " หนูไม่ชอบคำที่พี่เรียกเลย " " แต่คุณหนูคะ..." เอมิเลียชิงส่ายหน้าไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้เถียง " มันดูให้เกียรติกันเกินไป พี่เรียกหนูแบบนี้ เราจะสนิทกันยากนะคะ หนูอยากคุยกับพี่ได้ทุกเรื่อง " " ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้านายท่านทราบ จะไม่พอใจพี่มากๆ ...." ทว่า ซีอาร์ยังคงดื้อรั้น ค้านเธอท่าเดียว หญิงสาวเห็นอย่างนั้น จึงปั้นปากงอน " เขาคงไม่ว่าอะไรหรอกพี่ซีอาร์ ถ้าให้พูดกันตรงๆ ที่มาของหนูมันต่ำกว่านี้ด้วยซ้ำไป อย่าให้เกียรติหนูเลย " " โธ่ คุณหนูคะ.." ซีอาร์ถึงกับร่ำไห้ บีบมือหญิงสาวแน่น ต่างกับเอมิเลียที่นั่งงงเมื่อเห็นหยดน้ำตานั้น " พี่ร้องไห้ทำไมคะ " " ปะ เปล่าค่ะ " "....." " อยู่ดีๆ เกิดนึกถึงน้องสาวขึ้นมา หากเธอยังอยู่ คงอายุราวๆ กับคุณหนู " " เอ๋..? ทำไมถึงไม่อยู่ เธอไปไหนหรือคะ? " เอมิเลียเอียงคอถาม ไร้เดียงสา ก่อนจะเงียบไป หลังซีอาร์เงยหน้าขึ้นมาเล่า " ตายไปแล้วค่ะ เมื่อยี่สิบปีก่อน ที่โรงเรียนพร้อมเพื่อนอีก 36 คน " " กะ เกิดอะไรขึ้น? " ใช่ เธอตกใจหนัก ถึงขั้นถามเสียงสั่น ถ่างตาเบิกกว้าง เอามือปิดปากตัวเองไว้ พลางอุทานเมื่อได้ยินคำตอบนั้น " สงครามระหว่างผู้นำประจำหมู่บ้านค่ะ เธอถูกกราดยิง ส่วนพี่รอดมาได้ เพราะคุณพ่อของนายท่านช่วย.." " โอ พระเจ้า.." หลังพูดคุยกับซีอาร์อีกไม่กี่ประโยคและปล่อยหล่อนไปทำหน้าที่ของหล่อน เหลือเพียงสาวน้อยวัยละอ่อน จิตใจข้างในอ่อนโยนไม่สมกับสิ่งแวดล้อมที่พบเจอมา อยู่ลำพังเหมือนเดิม เธอยืนกอดไหล่ตรงหน้าต่าง สายตาทอดมองไปไกลลิบ เหม่อลอยไร้จุดหมาย ชีวิตที่นี่ ไม่ต่างกับติดคุกเหล็ก หากไม่มีช่วงเวลานึงที่จะต้องออกไปเรียนหนังสือ เธอคงไม่ต่างจากนักโทษ แม้ร่างกายเหมือนสบายก็เถอะ ทว่า สภาพจิตใจทรุดโทรมเต็มที เมื่อนานมาแล้ว นับย้อนไปกี่ปีนั้นเธอไม่อาจจะจำมันได้ จำได้แค่ว่า เคยมีครั้งนึง ซิสเตอร์พาเธอ พร้อมเพื่อนกลุ่มเดียวกันออกไปข้างนอกรั้ว บำเพ็ญประโยชน์ให้แก่สังคม ครั้งนั้นเธอเจอหญิงสาวคนหนึ่งยืนเหม่อลอยอยู่คนเดียว มองเพียงข้างหลังก็ทำให้รู้แล้วว่าหล่อนนั้นเป็นคนสวย ร่างบางสง่า เปี่ยมไปด้วยสีขาวสะอาดตา ไร้ความดุร้าย ข้างหน้าของหล่อนมีบ่อน้ำเล็กๆ หล่อนมองมันเสมือนมันคือสิ่งที่มีชีวิต เอมิเลียไม่รู้ว่าท่าทางนั้นหมายความว่าอะไร ทว่า เธอรับรู้ถึงความทุกข์ระทมได้ ใช่ หล่อนเศร้า... เศร้าเสียจนสิ่งรอบข้างหมองหม่นไปหมด ภายใต้ดวงตาไร้เดียงสาของเด็กหญิงเอมิเลียจึงเห็นทุกอย่างเป็นสีเทา เธอแอบอยู่มุมเสา ก่อนจะค่อยๆ เดินออกไปยืนข้างๆ ช้อนตามองจนกระทั่งหล่อนหันมา ดวงตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยรอยช้ำรอบกรอบหน้า ก้มลงมามอง เด็กน้อย ที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่มีความรู้สึกตกใจ กับสภาพทรุดโทรมที่ได้เห็น บ่งบอกถึงผ่านการร้องไห้และอดหลับอดนอนเลยสักนิด แต่กลับยื่นมือน้อยๆ ไปจับมือบางนั้น บีบทิ้งน้ำหนักลงเบาๆ " คุณป้า เจ็บไหมคะ..." เอ่ยเสียงใส นั่นทำให้มาดามเรกาโดยิ้มอ่อน ส่ายหน้ากลับมา กลบเกลื่อนความจริงในใจ ทว่า ประโยคอีกประโยคสามารถทำให้หล่อนสะอื้นไห้อย่างเลี่ยงได้ " คุณป้าอย่าโดดลงไปเลยนะคะ คุณพ่อบอกเอมี่ว่า คนฆ่าตัวตายจะเป็นบาป" " ฮึก....." " ไปหาคุณพ่อกับเอมี่ไหมคะ ไปสารภาพทุกอย่างต่อหน้าพระเจ้า เผื่อจะทำให้คุณป้าเปลี่ยนใจได้" "โธ่....." ตอนนั้นเธอช่างไร้เดียงสา จวบถึงตอนนี้ก็ยังคงเดิมอยู่ ต่างกันแค่ว่า ไม่มีผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว คนที่เอ็นดูเธอ ถึงขนาดรับเธอเป็นลูกบุญธรรม นึกแล้ว เอมิเลียใจหายไม่น้อย และคิดถึงหล่อนเหลือเกิน ด้านครูซัส หลังกลับมาพร้อมกัน ก็วุ่นอยู่แต่กับงานบนโต๊ะสลับกับโทรศัพท์ที่เดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออกจนยุ่งเหยิงพาลให้ปวดหัว เขานั่งกุมขมับ ก่อนช้อนตาขึ้นเมื่อมีคนเข้ามา " บอกกี่ครั้งแล้ว ให้เคาะประตู ฮึ " เอ็ดตะโรเสียงทุ้มต่ำ ทว่า คนมาใหม่หาได้สนใจไม่ เดินปึงปังมายืนตรงหน้าเตรียมโวยวาย " เอามันเข้ามาอยู่เสวยสุขทั้งที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าก็ว่าแย่แล้ว พี่ยังจะยกย่องมันเทียบเท่ากับฉันอีก คิดอะไรอยู่" ทำคนฟังถึงกับถอนหายใจพรืด " ถ้านี่คือเรื่องสำคัญ น้องควรจะนั่งลง แล้วพูดกันดีๆ เคลที่" ปรามหล่อนด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท ไร้อารมณ์เหมือนข้างใน นอกจากหล่อนจะยักไหล่ไม่แยแส ไม่สะทกสะท้านกลับมาแล้ว เพราะรู้นิสัยพี่ชาย อย่างไรก็ตามใจหล่อน " ขนาดเข้ามายังไม่เคาะประตูเลย " ยังจะกวนประสาทอีก ครูซัสพ่นลมออก พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ข่มเสียงต่ำ " เราคุยกันแล้ว และจะไม่คุยอีก " เดินมาทำงานต่อด้วยหน้าที่ตายสนิท ไม่แยแสยิ่งกว่าหล่อน ปล่อยให้น้องสาวอ้าปากเหวอ กรีดร้องขัดใจ แล้วเดินออกไปเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD