ทางเลือก

2644 Words
เอมิเลียนั่งตัวตรงพร้อมรวบช้อนส้อมเข้าหากัน วางกลางจานข้าวซึ่งยังเหลืออยู่เต็มจาน หลังถูกลูแคน บอดี้การ์ดฝั่งซ้ายครูซัสกึ่งบังคับพามากิน ชายหนุ่มหรี่ตาขึ้นมองถือช้อนค้าง เขาเองก็ถูกต่อรองจากเธอ ถึงได้มาร่วมโต๊ะกันอย่างนี้ " หนูอิ่ม..." " คุณหนูยังไม่อิ่มครับ" หญิงสาวเหลือบตามองบน ยกแขนกอดอกแน่น เริ่มหน่าย กับพฤติกรรมรู้ทันไปเสียทุกเรื่องของเขา ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเข้าไปในตาสีฟ้า หวังจะสะกดจิต ทว่า... " ทานต่อเถอะครับ คุณหนูเพิ่งทานไปแค่สองคำเอง" " หนูอิ่มแล้วค่ะ" เอมิเลียย้ำ เลิกคิ้วขึ้นบ่งบอกให้รู้มันคือความจริง แต่คนผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างลูแคนหรือจะเชื่อ เขาวางช้อนลง ตั้งใจพูดแกมขอร้องเน้นคำ " กว่าคุณหนูจะได้ทานมื้อเย็นอีกรู้ไหมครับมันนาน ทานให้อิ่มเสียตอนนี้เถอะครับ ผมขอร้องล่ะ " แต่เหมือนคนขอร้องอย่างเขาจะถูกอ้อนกลับมา เอมิเลียทำหน้าสลด ก้มหน้างุด " ทำไมไม่เชื่อหนูบ้าง ก็ได้ค่ะ... ถ้ากินหมด คุณลูแคนให้รางวัลหนูหน่อยได้ไหมละคะ" " หืม... " " หนูมีที่นึงอยากจะไป" เธอบอกเสียงร่าเริงในประโยคทิ้งท้าย ก้มหน้าก้มตาตั้งใจกินโดยไม่รู้คำตอบจากเขา ปล่อยเขานั่งมึน เสมือนถูกชกหน้า ในที่สุดบอดี้การ์ดหนุ่มต้องยอมจำนน แม้สถานที่ที่เธออยากมาจะฝืนใจเขาสักหน่อย นั่นเพราะมันคือสถานที่ต้องห้าม หากเจ้านายเขารู้ มีหวังเขาต้องถูกเล่นงานแน่ๆ อีกทั้งก่อนหน้า เธอจงใจมัดมือชก โดยการไม่รอคำตอบ แต่เลือกที่จะถามเองตอบเอง แล้วอย่างนี้เขาจะเลือกอะไรได้อีก " ทำหน้าแบบนี้ แสดงว่าคุณท่านห้ามสินะคะ" เสียงเธอถาม ทำเขาสะดุ้ง ขณะรถเคลื่อนมาจอดสนิท และคนขับมีสีหน้าที่ซังกะตายเสียจนดูออก " คุณหนูรู้แต่เลือกที่จะทำ" " หนูไม่บอกเขาหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วง แค่อยากมาไว้อาลัยคุณป้าเรกาโด แกรนด์ เท่านั้น" "......" มือบางเลื่อนไปเปิดประตูเอง โดยไม่รอเขา และไม่วายจะหันมาเน้นย้ำ ทำชายหนุ่มยิ้มกริ่มที่มุมปาก " สัญญาค่ะ จะไม่ทำให้เดือดร้อน" เอมิเลียเดินทอดน่องฝ่าแสงแดดเข้ามาในสุสาน ไม่ห่วงเรื่องผิวจะเสีย เกิดข้อเปรียบเทียบแก่คนเดินตามไม่น้อย ก่อนหน้าซึ่งมากับเคลที่ ไม่ใช่แบบนี้ รายนั้นโวยวาย หากร่มลอยมาคลุมศีรษะหล่อนไม่ทัน แต่เด็กชุบเลี้ยงคนนี้กลับทรุดลงนั่งบนเข่า ในขณะลูกแท้ๆ ไม่เคยทำ ต่างกันกลับยืนค้ำหัวคนตายไม่รู้ตาสีตาสา มิหนำซ้ำยังบ่นว่าร้อนตลอดเวลาอีก ไม่วายถูกพี่ชายตนปรามทางสายตาจนคนเห็นชินชาไปด้วย ส่วนเธอคนนี้ นอกจากจะพกช่อดอกไม้ติดตัว เลือกแต่ละดอกด้วยหัวใจวางไว้บนฐานปูนข้างรูปแล้ว เธอยังระลึกถึงพึมพำวาจาประโยคเหล่านี้ด้วย " เอมี่มาเยี่ยมค่ะคุณป้า ขอโทษที่รู้ช้าไป สัญญาค่ะว่าจะเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนให้สมกับความเมตตาที่คุณป้ามีให้" พร้อมฝ่ามือที่ลูบไล้บนรูปถ่ายไปมา คำพูดนุ่มนวลน่าฟังกับการกระทำที่อ่อนโยน มันทำให้คนยืนมองอย่างลูแคนรู้สึกอ่อนไหว ใช่ เอมิเลียช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน ใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่าห้าชั่วโมง กว่าเอมิเลียจะได้กลับบ้าน หลังครูซัสส่งสาสน์บอกลูกน้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนปลอดภัย แต่กว่าจะปะเหลาะ ชักแม่น้ำทั้งห้าฉุดยื้อให้เอมิเลียไปไหนมาไหนต่อ ทำตามอย่างว่าง่ายได้โดยไร้ความสงสัยนั้น ลูแคนเหงื่อแตกพลั่กกันเลยทีเดียว ต่างกับคนนี้โดยสิ้นเชิง นอกจากจะทำให้ลูกน้องมือขวาเกือบเป็นโรคประสาทแล้ว อารมณ์ขี้วีนของหล่อนสร้างความเหนื่อยล้า จุกความอึดอัดถึงขั้นใกล้สำลอก " พี่ชายฉันคงสอนพวกแกให้เป็นหุ่นยนต์ด้วยสินะ ถึงไม่มีอารมณ์สุนทรีย์แบบนี้ ถามอะไรก็ไม่ตอบสักอย่าง" และเสียงนั่นก็แผดล้นออกมานอกประตู เอมิเลียสะดุ้งโหยง อยากจะหมุนเท้า เดินหนีทว่า คงไม่ทัน ในขณะร่างเธอหลุดเข้ามาแล้ว จึงทำได้แค่ชะงักและยืนนิ่งเท่านั้น เคลที่ชำเลืองหันมามองค้อน ก่อนเหยียดปากเบี่ยงทิศทางมาเป็นเธอ " อ้อ! ยัยนี่ก็คงจะไม่ต่างกับฉัน ว่าแต่มีสิทธิ์อะไรน่ะ ถึงได้เอาเงินพี่ฉันไปผลาญเล่น" หล่อนเหน็บแนบ จาบจ้วงจนเอมิเลียก้มหน้างุด ใจคอเริ่มไม่ดี หายใจไม่ทั่วท้อง สำหรับเธอ คนตรงข้ามคือคนแปลกหน้าที่น่ากลัวที่สุด หากให้เดา หล่อนคงเป็นน้องสาวนายท่านของซีอาร์และคนอื่นๆ " เอ่อ.. สวัสดีค่ะ " และเมื่อรู้ เธอไม่ควรจะยืนเมินเฉยอย่างนี้ ด้วยมารยาท จึงเงยหน้าขึ้นมาทักทายเจ้าของบ้าน ยิ้มกว้างเป็นมิตร ทว่ากลับถูกหล่อนขึงตาใส่ เลี่ยงเอมิเลียก้มหน้างุดอีกครั้งไม่ได้ คราวนี้ถึงกับสลดกว่าเดิม " สิทธิ์จากนายท่านครับคุณหนู" " ฉันไม่ได้ถามแก! " คงมีแต่คนกล้าปกป้องอย่างลูแคนล่ะมั้ง ที่ทนยืนดูต่อไปไม่ไหว เขาจึงสอดแทรกขึ้น แต่ไม่วายถูกหล่อนตะเพิดกลับมา ทว่าลูแคนหาสะทกสะท้านไม่ แต่กลับยืนเฉย แอบหันมายักคิ้วให้เอมิเลีย ที่ตอนนี้ห่อไหล่ เหลือบตามามองเขา " ทำไมต้องเอามันมาอยู่ที่นี่ให้สิ้นเปลืองด้วยนะ ส่งเสียมันเรียนเหมือนที่ผ่านมาก็ได้นี่" ก่อนสะดุ้ง เสียววูบไปทั้งตัวเพราะคำถามนี้ ที่เคลที่ตะเบ็งเสียงใส่ ท่ามกลางความเห็นอกเห็นใจจากคนใช้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทว่าช่วยอะไรเธอไม่ได้ เว้นแต่บอดี้การ์ดคนเดิม " คุณหนูถามใครหรือครับ อ้อ คงไม่ใช่ผม " และเหมือนเดิม เขาถูกขึงตาใส่อีกเช่นเคย จงใจขัดใจเคลที่ ทว่าโล่งใจเอมิเลีย เมื่อเธอถูกหล่อนโบกมือไล่ " จะไปไหนก็ไป ไป" แน่นอน ร่างบางรีบปลีกตัวโดยไม่คิดชีวิต แต่ไม่วายหันไปยิ้มอ่อน แทนคำขอบคุณให้กับลูแคน บอดี้การ์ดจำเป็นของเธอ เรกาโดเดินดุ่มๆ เข้ามาในคฤหาสน์ หลังเคลียร์ปัญหาคาราคาซังนั้นจบ เขาวางมือจากปืนลงบนโต๊ะ ทุ่มตัวใส่เบาะนุ่มหวังผ่อนคลาย ทว่า ไม่ทันได้หายใจเต็มปอด สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงกลับดังขึ้น ร่างใหญ่ถอนหายใจพรืด ความล้าทำได้แค่ยกเอวสอบ งัดเครื่องบางขึ้นมากดรับเท่านั้น มากไปกว่านั้น เมื่อเห็นชื่อคนโทรมา กลับทำเขายิ่งหนักใจ " ว่าไง" (คนเป็นแฟนกันเขาทักทายกันอย่างนี้หรือคะ) " ผมเหนื่อย" (ฉันก็เหนื่อยค่ะ เหนื่อยใจ) " มิเชล ผมไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับคุณนะ" (แล้วต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่คะ คุณถึงจะมีอารมณ์ขึ้นมา ถ้าฉันไม่เป็นฝ่ายติดต่อ คุณก็ไม่เคยโทรมาก่อน) " ฟู่ว.." ชายหนุ่มกลั้วปากพลางลอบถอนหายใจ แต่กลับถูกหล่อนแผดเสียง (อย่ามาถอนหายใจใส่ฉันนะคะเรกาโด) " คุณคิดว่าคุณเป็นใครกันมิเชล! " ก่อนถูกครูซัสตะเพิดสวนกลับไปเช่นเดียวกัน เขาเปลี่ยนท่าเอนเป็นนั่งตัวตรง ข่มอารมณ์ เริ่มหัวเสีย ส่วนมิเชลสะอึก เสมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ หล่อนนั้นพลาดไปแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อน (ฟะ แฟนคุณไงคะ) ทว่า เหมือนจะไม่ทัน เรกาโดอารมณ์ขุ่นมัวหนักไปแล้ว " ก็แค่แฟน" (......) " ฟังนะมิเชล ตราบใดที่เรายังไม่แต่งงานกัน คุณยังไม่ใช่มาดามเรกาโด คุณไม่มีสิทธิ์ขึ้นเสียงกับผม! " ติ้ด พลางตัดสายทิ้ง ปล่อยคนปลายสายกำโทรศัพท์แน่น ในใจจุกเสียด แทบจะกรีดร้อง ต่างกับเรกาโด นอกจากเขาไม่สนใจ ยังสไลด์โทรศัพท์เครื่องบางเฉียบไปไกลห่างอีก ก่อนเอนตัวพิงพนักโซฟาอย่างเดิม แต่แล้ว มารผจญการรีแล็กซ์ของเขาเหมือนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อมีเสียงเคาะประตูมาขัดจังหวะอีกครั้ง ก๊อกๆๆ " นายครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับนาย! " " อะไรวะ! " สร้างความหงุดหงิดให้เขาอีกเท่าทวีคูณ ฝั่งเกิดเหตุ เอมิเลียนั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า หลังเสื้อผ้าซึ่งซื้อมาหมาดๆ เมื่อตอนกลางวันของเธอถูกตัดฉีกเป็นชิ้นๆ หลังเคลที่พบว่าแบรนด์และเฉดสีของชุดเหล่านั้น มีบางตัวเหมือนกันกับหล่อน และเพราะต้องการสั่งสอนให้เอมิเลียรู้ซึ้ง เธอกับหล่อนมันคนละชั้น การฉีกเสื้อทึ้งชุดจนแหลก มันเป็นวิธีที่ทำให้หล่อนสะใจที่สุด ทว่า คนถูกกระทำอย่างเอมิเลียปวดใจ หลังกลับมาถึงห้อง เธอลองชุด ไม่คิดว่าคนใช้คนนึงซึ่งนำของว่างมาให้เธอ จะนำเรื่องที่เห็นไปบอกเคลที่ หวังจะเอาหน้า เอมิเลียนั่งมองการกระทำเจ้าของบ้าน ขณะหล่อนทำลายชุดใหม่ของเธอจนขาดวิ่นคามือ ฉีกแหลกออกมาเป็นชิ้นๆ ไม่มีเหลือเคล้าโคลงเดิม เธอไม่ได้เสียดายมัน และไม่ได้เสียใจด้วย เพียงแต่งงงวยกับการกระทำของคนตรงหน้าก็เท่านั้น อะไรกันทำให้หล่อนโมโหได้ขนาดนี้ มือบางกุมเข้าหาบีบกันแน่น ยิ่งก้มหน้าลงต่ำก็ตอนเรกาโดเดินเข้ามาห้ามทัพ มือใหญ่คว้าต้นแขนน้องสาวตนเอง กระชากแรงหันไปประจันหน้า กึ่งบังคับให้หล่อนหยุดตกมัน เขาดูโมโห และที่สำคัญพาลมาถึงเธอด้วย " เคลที่ ทำบ้าอะไร! " แน่นอนเสียงเดือดดาลนั่น หยุดคนทั้งห้อง เอมิเลียสะดุ้งโหยงก้มหน้านิ่ง ส่วนคนถูกตะเพิดจ้องหน้าเขาอย่างถือดี " มันบังอาจมาใส่ชุดเหมือนกับฉัน" หล่อนชี้มาที่เธอ เรกาโดชำเลืองมองตาม พลางส่ายหน้าถอนหายใจ " เรื่องเล็กนิดเดียว" " เล็กหรือ ฉันรู้นะว่าพี่ซื้อชุดพวกนี้ เพราะต้องการให้มันไปร่วมงานของพี่มิเชล ใช่มั้ย.. มหาลัยรับมันแล้วนี่" " เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว พี่แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ เธอไม่มีชุดดีๆ ใส่ พี่ก็แค่ให้คนพาเธอไปซื้อ" " ต่างกันตรงไหนล่ะ จับมันแต่งตัวหรูๆ แบบนี้ ฉันรู้ ต่อไปพี่ก็ต้องพามันออกงาน ฮึ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง บอกเลย ฉันจะไม่ยอม ไม่มีทางยอมหรอก " หล่อนเริ่มตะเบ็งเสียง เชิ่ดหน้าเถียงเขาคอเป็นเอ็น ทำเรกาโดเริ่มฟึดฟัด จ้องหน้าหล่อนไม่วางตา ก่อนจะเบือนไปหาคนกลาง ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งนิ่ง ดูไม่ออกว่าเธอยังหายใจอยู่รึเปล่า หรือกลายเป็นอิฐปูนไม่มีหัวใจไปแล้ว ชายหนุ่มชี้ไปที่เธอ โพล่งคำประกาศิตคำนึง ที่ทำเธอสะดุ้งโหยง " พี่ไม่มีวันเอาแม่นั่นมาเทียบกับน้องโอเค้? " "....." " ฉะนั้นหยุดโวยวายได้แล้ว " ซึ่งแน่นอนเริ่มทำเคลที่สงบลงได้ หล่อนค่อยๆ เย็นลง จนกระทั่งยิ้มออกมาในที่สุด ถลาเข้าไปเกาะแขนพี่ชาย " จริงๆ นะคะ พี่ไม่ได้โกหกนะคะ" เรกาโดชำเลืองมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียง พลางลอบถอนหายใจเฮือก เขารู้คำพูดเมื่อกี้ คงกระทบใจเธอไม่น้อย แต่มันช่วยไม่ได้ เขาไม่มีทางเลือก "... อืม" แล้วจึงหันมาตอบน้องสาวเสียงเรียบ ใช้ฝ่ามือดุนหลังหล่อน หวังให้หล่อนนั้นสงบศึก " ไปนอนเถอะเคลที่ ทางนี้พี่จะจัดการเอง" " แล้วเรื่องนั้นละคะ งานพี่มิเชลที่มหาลัย พี่จะไม่พามันไปด้วยใช่ไหม" ก่อนจะผ่อนลมหายใจอีกครั้ง พร้อมคิ้วขมวดบ่งบอกความหงุดหงิด " เคลที่ นอกจากงานในองค์กร พี่ไม่เคยเอาเรื่องจุกจิกของผู้หญิงเข้ามาในหัว น้องก็รู้..." บอกเสียงขรึม สร้างความขุ่นมัวใจให้หล่อนไม่น้อย เคลที่เลิกคิ้ว ยกมือขึ้น เป็นการยอมแพ้และยุติเหตุการณ์ทั้งหมด " ก็ได้.... ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ แต่อย่าให้ฉันโมโหก็ละกัน" ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง โดยไม่วายเหลือบมองเอมิเลียในประโยคหลัง " ฝากไว้ก่อนเถอะ " ปล่อยเขากับเธอให้อยู่ด้วยกันสองคน ในขณะหญิงสาวยังคงก้มหน้านิ่ง เรกาโดเห็นอย่างนั้นจึงก้มลงเก็บเศษเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนพื้นให้ เข้าใจว่าเธอนั้นคงจะเสียใจมาก " พรุ่งนี้ฉันจะพาไปซื้อใหม่" ทำท่าจะหันหลังเดินออก ทว่า... " เปลี่ยนจากพาไปซื้อเสื้อผ้า ไปส่งหนูกลับบ้านกำพร้าได้ไหมคะ..." เรกาโดชะงัก หมุนตัวกลับมามองหน้าหญิงสาว ในขณะเธอช้อนหน้าขึ้น หยดน้ำเต็มเบ้าตา พลางขมวดคิ้ว " พูดใหม่อีกทีซิ" คำถามตอกย้ำความกลัว หญิงสาวปากสั่นระริก ไร้ซึ่งศักยภาพความกล้าเมื่อครู่ ถามตัวเองในใจ ทำไมใจไม่สู้นานกว่านี้อีกสักสิบวินาที ดวงตาหวานเบือนต่ำ ปากบางเฉียบเม้มเขาหากันแน่น นั้นยิ่งทำให้คนถามหงุดหงิด เขาเหนื่อยงานมาทีนึงแล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก " ฟังนะสาวน้อย" เรกาโดย่อตัวนั่งยองตรงหน้า ระดับปลายจมูกห่างกันเพียงสองเซนต์ เรียกขานนามเธอเสียงต่ำ ในขณะลมหายใจเริ่มแรงขึ้น " อันที่จริงฉันไม่ได้อยากจะหาภาระมาใส่หัวเพิ่มหรอก เธอมาที่นี่ในฐานะเด็กของแม่ฉัน ก่อนตายหล่อนได้ขอฉันไว้ ตอนนั้นฉันรับคำเพราะต้องการให้แม่ไปสบาย ฉะนั้นอย่าสำคัญตัวผิด" " ฮึก..." สร้างความจุกในทรวงให้เอมิเลียไม่น้อย ร่างกายเธอชาวาบ ดวงตาสั่นระริก ระยะห่างเธอกับเขามันกดดันกันเกินไป เธอไม่กล้าแม้จะหายใจแรง " แต่ชีวิต... " "ชีวิตเธอไม่ได้เป็นของเธอแล้วเอมิเลีย " "......" " แต่มันคือ.. ของของฉัน ทางที่ดีอย่าทำให้ฉันต้องผิดคำพูดกับแม่จะดีกว่า เพราะฉันคงไม่เธอไปง่ายๆ ในฐานะผู้รู้ความลับ... " ถ้าหากประโยคนี้ไม่ทำให้เธอขุ่นมัวใจขึ้นมา ข้างในเธอกำลังร้อน เสมือนมีใครจุดไฟเผา ทำได้แค่ตอบโต้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ทว่ากลับพลาด ในจังหวะหันหน้าหวังจะค้อนเขา " อุ๊บ O.O" ริมฝีปากบางเฉียบ แตะเข้ากับริมฝีปากหนา โดยที่เขาไม่คิดแม้จะหลบหนี เอมิเลียตกใจหนัก เผลอผลักเขาเต็มแรง ทว่าคนเซล้มพับกลับไม่ใช่เขา เรกาโดถึกเกินกว่าจะสะทกสะท้านได้ หรือหงายหลังด้วยข้อมือบางเล็กเพียงคู่เดียวของเธอ " ฮึ.." อีกทั้งเจ็บใจหนักก็ตอนเขาใช้ลิ้นกวาดเลียริมฝีปากหนา บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นทำตัวเธอเอง ในขณะร่างบางรีบยันตัวเองลุกขึ้น จ้องเขาผ่านม่านน้ำตาไม่กะพริบ " ฮึก... คนเห็นแก่ตัว" สบถคำด่าลอดไรฟัน ส่วนเขาเหยียดยิ้มแค่มุมปาก " ฉันจะเก็บคำด่าของเธอไปหาความหมายนะ และถ้ามีเวลาว่างมากไปกว่านั้น ฉันจะไปหาวิธีเลี้ยงดูเธอใหม่" "......" " เอาแบบไหนดีล่ะ ในฐานะน้องสาว หรือ... นางบำเรอ" ประโยคทิ้งท้ายเขากระซิบ ทำหน้ายียวนกวนประสาท พลางลุกออกไปโดยไม่บอกลาเธอสักคำ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD