บทที่ 1 : เรียวอิจิ นานาเสะ

2122 Words
หลังจากเหตุการณ์เลือกบัดดี้ผ่านพ้นไป วันนั้นทั้งวันอันนาไม่ได้คุยกับนานาเสะอีกเลย เพราะในช่วงพักเที่ยงเธอเองก็ถูกรุมล้อมด้วยเพื่อนร่วมห้องมากมายทั้งชายและหญิง ทั้งหมดให้ความสนใจตัวเธอ และเมื่อรู้ว่าเธอพูดภาษาญี่ปุ่นได้ยิ่งทำให้พวกเขาตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก กระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน อันนาตั้งใจว่าจะชวนนานาสะคุยสักเล็กน้อยเพื่อทำความคุ้นเคยกัน แต่พอเธอจัดกระเป๋าเสร็จ หันกลับมาอีกทีเขาก็ไม่อยู่เสียแล้ว อันนายืนเกาหัวด้วยความงุนงง แต่ก็ปล่อยผ่านไป เพราะนี่เองก็ใกล้จะถึงเวลาที่นัดกับเรียวโกะเอาไว้แล้วด้วย ในระหว่างที่เดินบนทางเดินของอาคารเรียน อันนาก็ตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนทุกคนไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง “นั่นใครน่ะ?” “น่ารักจัง” “สวยจังเลยเนอะ” “จริงด้วย” เสียงซุบซิบไม่ต่างจากที่เธอได้ยินในห้องเรียนตอนเช้ามากนัก อันนาไม่ได้ใส่ใจเสียงพวกนั้นมากนัก เธอรีบไปจุดที่นัดกับเรียวโกะเอาไว้ นั่นก็คือตู้ล็อกเกอร์เก็บรองเท้าที่ชั้นล่างของอาคารเรียน พอไปถึงเรียวโกะก็กำลังยืนรอเธออยู่พอดี “ขอโทษนะเรียวโกะจัง รอนานไหม?” “ไม่เลย ฉันเองก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน” อันนาจัดแจงเปลี่ยนรองเท้า จากรองเท้าที่ใช้ใส่บนอาคารเรียนเป็นรองเท้าปกติ ก่อนจะพากันเดินกลับบ้าน พอพ้นประตูโรงเรียนมา สายตาของอันนาที่ทอดไปยังเส้นทางตรงหน้า เธอก็ได้เห็นร่างของนานาเสะยืนอยู่ห่างออกไปราวๆ 50 เมตร เขากำลังยืนเหม่อมองต้นซากุระที่ขึ้นริมทางเป็นทิวแถว ที่ตอนนี้ดอกของมันเริ่มร่วงไปจนเกือบหมดต้นแล้ว อันนาสังเกตว่าบรรยากาศรอบตัวของนานาเสะมันดูโดดเดี่ยวและเหงาแปลกๆ ทั้งๆ ที่ฤดูใบไม้ผลิควรจะเป็นฤดูที่ทุกคนเบิกบานและสดใส เพราะมันเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้นใหม่ในความคิดของอันนา อันนาเลยสะกิดเรียกให้เรียวโกะที่เดินข้างๆ หยุดเดิน พร้อมกับชี้ถาม “นี่ๆ เรียวโกะจัง เธอรู้จักผู้ชายคนนั้นไหม?” “หือ?” เรียวโกะเงยหน้ามองดูตามทิศทางที่อันนาชี้ไป เธอก็พบภาพเดียวกันกับที่อันนาเห็น นั่นก็คือนานาเสะที่กำลังยืนเหม่อมองดอกซากุระอยู่ “อ๋อ! พี่เรียวอิจิน่ะเหรอ” “พี่เหรอ? แต่เขาอยู่ชั้นเดียวกับเราไม่ใช่เหรอเรียวโกะจัง” อันนาถามอย่างคนสับสน “อ๋า!! เธอพึ่งจะมาเธอเลยยังไม่รู้สินะอันนาจัง ฉันน่ะเป็นรุ่นน้องเขาหนึ่งปี แต่เพราะก่อนหน้านี้ด้วยสาเหตุบางอย่าง ทำให้พี่เรียวอิจิต้องลาพักการเรียนไปหนึ่งปีน่ะนะ” “ทำไมเขาต้องพักการเรียนด้วยล่ะ?” อันนาถามต่อด้วยความอยากรู้ “เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลย แม้กระทั่งพวกอาจารย์เองก็ตาม ว่าแต่เธอมีอะไรกับพี่เรียวอิจิอย่างงั้นเหรอ?” “วันนี้ฉันเลือกเขาเป็นบัดดี้น่ะ” “เห~ พี่เรียวอิจิเป็นเพื่อนบ้านของเรานะ เธอรู้ไหม?” เรียวโกะพูดความจริงให้อันนาฟัง “จริงเหรอ?” “อื้อ! เขาเป็นเพื่อนบ้านของฉันกับแม่มาตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเรียนอยู่ประถมเลยล่ะนะ แล้วก็ดูเหมือนว่าพี่เรียวอิจิจะอาศัยอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วล่ะนะ” “อย่างนี้นี่เอง” อันนาพยักหน้าหงึกๆ หลังจากทราบประวัติคร่าวๆ ของบัดดี้ตัวเองจากปากของเรียวโกะ “แต่ว่านะ ดีแล้วล่ะที่เธอได้พี่เรียวอิจิเป็นบัดดี้ของเธอน่ะ” “ทำไมงั้นเหรอ?” “เพราะว่าพี่เรียวอิจิน่ะ เป็นคนที่ทั้งใจดี อบอุ่นและอ่อนโยนต่อคนอื่นเสมอเลยล่ะนะ เขาน่ะเป็นสุภาพบุรุษมากเลยล่ะ ฉันได้ยินมาว่าช่วงมัธยมต้นนั้นเขาเนื้อหอมมากเลยล่ะ เพราะพี่เรียวอิจิน่ะทั้งหน้าตาดี เรียนก็เก่ง แถมด้านกีฬาก็เป็นเลิศด้วยนะ” เรียวโกะพูดพร้อมกับสาธยายเรื่องของนานาเสะในอดีตที่รู้มา “งั้นเหรอ?” อันนาเอ่ยออกมา ในใจของเธอมีแต่ข้อสงสัยเต็มไปหมด ถ้าเป็นแบบที่เรียวโกะพูดมาจริงๆล่ะก็ วันนี้ทำไมนานาเสะถึงได้เอาแต่พูดจาร้ายกาจใส่เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้ากันเลย แถมมิหนำซ้ำบรรยากาศรอบตัวยังไม่น่าจะถูกเรียกว่าดึงดูดผู้คนได้เลย กลับกันถ้าจะบอกว่ามันไล่คนรอบตัวให้ออกห่างจากตัวเองยังดูน่าเชื่อถือกว่าเลย แต่ว่าเรื่องที่เขาหน้าตาดีนั้น อันนาไม่เถียง เพราะเขาดูดีมากจริงๆ อาจจะเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมาในชีวิตเลยก็ได้ เด็กสาวสองคนดูเหมือนจะคุยกันเสียงดังไปหน่อย จนนานาเสะที่ยืนมองซากุระอยู่นั้นได้ยิน เขาหันมามองด้วยสีหน้าที่อันนาเองก็นิยามไม่ถูก จะว่าคล้ายคนกำลังเศร้าก็ไม่ใช่ เหมือนจะร้องไห้ก็ไม่เชิง แต่เท่าที่เธอสัมผัสได้เหมือนว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานกับอะไรบางอย่าง ที่อันนาเองก็ไม่รู้ นานาเสะมองพวกเธอก่อนจะพูดขึ้นลอยๆ “ผมเองก็จำไม่ได้แล้ว ว่าในอดีตผมเป็นคนแบบไหน หรือกระทั่งคำถามง่ายๆ อย่างยิ้มครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ผมก็จำไม่ได้แล้ว” และเดินจากไป ปล่อยให้เด็กสาวทั้งสองคนยืนงงกันอยู่ตรงนั้น . หลังจากเรียวโกะกับอันนามาถึงบ้านแล้ว ฮานาโกะก็บอกให้ทั้งสองไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวมาทานอาหารเย็น ซึ่งทั้งสองก็ขานรับด้วยความร่าเริง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว อันนาก็มานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่น เธอหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอฮานาโกะทำอาหารเสร็จ ไม่นานนักอาหารก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ ฮานาโกะยกถาดอาหารมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะตะโกนเรียกเรียวโกะและอันนาให้มาทานอาหารตอนที่มันยังร้อนๆ ก่อนที่มันจะเย็นจนไม่น่ารับประทาน อาหารเย็นวันนี้เป็น ‘หมูสามชั้นผัดซอสขิงกับกะหล่ำปลีซอยคู่กับซอสงาขาว’ ซึ่งคำแรกที่อันนาทานเข้าไป เธอชอบมาก รสชาติอันเข้มข้นของซอสขิงที่เคลือบที่ตัวหมู มันเข้มข้นและกระจายไปทั่วปากยามเคี้ยว อีกทั้งยังมีกะหล่ำปลีซอยทานคู่กับซอสงาขาวเอาไว้ตัดเลี่ยนได้อย่างดี “อร่อยจัง” อันนาอุทานเป็นภาษาเยอรมัน “ที่โรงเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้างจ๊ะอันนา?” ฮานาโกะเอ่ยถามในขณะที่ทานมื้อค่ำกันอยู่ “สนุกมากๆ เลยค่ะ หนูได้เจอเพื่อนใหม่เยอะแยะเลย ทุกคนเป็นมิตรกับหนูมาก แถมตอนเลือกบัดดี้หนูยังบังเอิญเลือกเพื่อนบ้านของคุณน้าด้วยนะคะ” อันนาพูดพร้อมกับยิ้มกว้างๆ วันนี้เธอสนุกมากจริงๆ นั่นแหละ “หืม~ หนูหมายถึง เรียวอิจิคุงเหรอ?” ฮานาโกะเลิกคิ้วสงสัย “ใช่แล้วค่ะ หนูเลือกเรียวอิจิคุงเป็นบัดดี้ค่ะ” พอได้ฟังแบบนั้น ฮานาโกะก็ชะงักไปเล็กน้อย ภาพความทรงจำของเธอเมื่อหนึ่งปีที่แล้วไหลย้อนกลับมา ภาพของเด็กหนุ่มที่กำลังโศกเศร้า ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา กระทั่งตอนรับการรักษา และตกอยู่ในสภาวะสิ้นยินดี ไร้แรงจูงใจในการมีชีวิตต่อไป ในฐานะจิตแพทย์ เธอบอกได้คำเดียวว่าเขาน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก “ผม…ขอไปหาครอบครัวที่อเมริกาครับ” สุดท้ายแล้วด้วยความประสงค์ของตัวเด็กหนุ่ม เธอก็ยอมจรดปากกาเซ็นรับรองอาการป่วยให้เขา เพื่อนำไปประกอบเป็นหลักฐานในการยื่นลาพักการศึกษาของเด็กหนุ่มคนนั้น เมื่อเห็นว่าฮานาโกะเหม่อไปนาน จนอันนาต้องเรียกเธอ “คุณน้าคะ? มีอะไรหรือเปล่าคะ?” “เปล่าจ้ะ น้าแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฮานาโกะรีบดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบัน ก่อนจะตอบปฏิเสธไป และชวนเธอคุยเรื่องอื่นๆ แทน “แล้วเรียนที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างจ๊ะ พอได้ไหม?” “สบายมากค่ะ อาจจะเพราะเป็นวันแรกเลยยังไม่มีอะไรยากมากค่ะ แต่ถึงต่อไปมันจะยาก แต่หนูจะไม่ยอมแพ้หรอกนะคะ!!” อันนากำหมัดหลวมๆ ถ้าฉากหลังเธอมีเอฟเฟคก็คงจะเป็นไฟที่กำลังลุกพรึบพรับด้วยความกระตือรือร้นของเธอ “ดีมากจ้ะ แต่ถ้าตรงไหนเรียนไม่เข้าใจก็ถามน้าหรือเรียวโกะได้เลยนะ” “ค่ะ!!” อันนายิ้มรับคำกว้างๆ จนฮานาโกะนึกเอ็นดูในตัวเด็กสาวคนนี้เหมือนลูกของเธออีกคน ภาพที่ครอบครัวพูดคุยทานข้าวกันอย่างอบอุ่นนั้น แทบจะตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับห้องข้างๆ ที่เป็นห้องของนานาเสะ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ภายในห้องปิดไฟจนมืดไปหมด ตรงหน้ามีแค่เยลลี่เพิ่มพลังงานรสพีชสองอัน กับเมล่อนปังและนมรสกาแฟที่พึ่งซื้อมาจากมินิมาร์ทเมื่อตอนเย็น คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คืออาหารเย็นของเขา เขาทานไปได้แค่นิดหน่อยก็รู้สึกอิ่มแล้ว ความเจริญอาหารของเขานั้นแทบเป็นศูนย์ แม้กระทั่งตอนอยู่กับครอบครัวที่อเมริกา เขาก็ทานน้อยจนเป็นเรื่องปกติหรือบางครั้งไม่ทานอาหารเป็นวันๆ เลยก็มี จนสร้างความวิตกกังวลให้พ่อกับแม่ของเขาอยู่บ่อยครั้ง “………” นานาเสะนั่งมองอาหารที่เหลืออย่างคนหมดอาลัยตายอยาก อาหารแค่นี้เขายังทานไม่หมดเลย อย่าว่าแต่ทานอาหารที่ให้โภชนาการครบถ้วนเลย ตอนนี้แค่ถามว่าเขาทานอะไรได้มากน้อยแค่ไหนก็ดูจะเหมาะสมกว่าอีก แถมเสียงหัวเราะร่าเริงจากห้องข้างๆ ก็ยังดังทะลุผนังเข้ามาในห้องเขาอีก ถ้าจากที่ได้ยินไม่ผิดจากสองคนเมื่อตอนเย็น คนที่อยู่ข้างๆ ห้องเขาและเป็นเจ้าของเสียงหัวเราะนี้น่าจะเป็นยัยนักเรียนแลกเปลี่ยนตัวแสบนั่นสินะ เขาถอนหายใจออกมาอย่างกับคนที่กำลังสิ้นหวัง ครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันนะที่เขาทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับหัวเราะอย่างร่าเริงไปด้วย เขาจำมันไม่ได้แล้วจริงๆ . . ตกกลางคืน ในขณะที่อันนากำลังนอนหลับอยู่ในห้องนั้น เธอก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบาๆ จนทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ทีแรกเธอนึกว่าเธอกำลังฝันไป จึงพยายามหยิกและตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อยืนยัน แต่ความเจ็บปวดที่เธอได้รับกลับมามันทำให้เธอยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป คำถามก็คือ แล้วเสียงร้องไห้มันมาจากไหนกันล่ะ? ‘หรือว่าจะเป็นผี?’ อันนาคิดในใจ เธอจินตนาการถึงภาพผีผู้หญิงญี่ปุ่นผมยาว นั่งร้องไห้คอยหลอกหลอนผู้คน ตามที่เธอเคยอ่านตามหนังสือสยองขวัญ คิดแบบนั้นแล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมา ‘อึ๋ย!! อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะคุณผี’ อันนาคิดในใจ แต่พออันนาลองเงี่ยหูฟังดูดีๆ เสียงสะอื้นไห้นั้นเป็นเสียงของผู้ชาย และมันดังออกมาจากอีกฟากของผนังซึ่งเป็นอีกห้องนึง ซึ่งอันนาเดาว่าน่าจะเป็นห้องนอนของนานาเสะ เสียงสะอื้นไห้นั้นดูเจ็บปวดราวกับคนกำลังจะขาดใจ จนอันนานั้นเกิดสงสัยขึ้นมาว่าเขาเป็นอะไร ‘ทำไมนายถึงได้ร้องไห้เหมือนคนที่กำลังจะขาดใจแบบนั้นกันล่ะ?’ ค่ำคืนนั้นกว่าที่เสียงสะอื้นไห้จะเงียบลงก็กินเวลาไปสองชั่วโมง อันนาจึงได้เข้านอนต่อตามปกติ เธอตั้งใจว่าพรุ่งนี้ที่โรงเรียน เธอจะลองถามเขาดู เผื่อว่ามีอะไรที่เธอพอจะช่วยเขาได้ในฐานะบัดดี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD