บทนำ: การพานพบแห่งโชคชะตา

3356 Words
Boston Logan International Airport, บอสตัน, Massachusetts, USA เรียวอิจิ นานาเสะ กำลังยืนร่ำลาครอบครัวตัวเองอยู่ หลังจากที่เขากลับมาหาครอบครัวตัวเองที่สหรัฐเป็นเวลาครบ 1 ปี เขามีสีหน้าที่หมองเศร้าราวกับคนที่กำลังทนทุกข์ทรมาน แววตาราวกับปลาตายกำลังจ้องมองไปยังผู้เป็นแม่ “เดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงญี่ปุ่นแล้วก็โทรมาหาแม่ด้วยนะ” เรียวอิจิ ซาวาโกะ หรือแม่ของนานาเสะ พูดกับลูกของตัวเอง พร้อมกับลูบหัวนานาเสะเบาๆ น้ำตาของเธอนองเต็มใบหน้า ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยลูกชายของตัวเอง นานาเสะได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจออกมา มาคิดๆ ดูแล้วมันน่าสมเพชสิ้นดี ที่เขานั้นวิ่งหนีความเป็นจริงอันโหดร้ายมาจากญี่ปุ่น กลับมาพึ่งพาครอบครัวตัวเอง เป็นภาระให้กับพ่อแม่และพี่สาวของเขาเป็นเวลาถึง 1 ปี “กลับไปญี่ปุ่นแล้วก็ตั้งใจเรียนด้วยนะ นานาเสะ มีอะไรก็โทรหาพ่อกับแม่ได้เสมอเลยนะ” เรียวอิจิ ซาซางาวะ หรือพ่อของนานาเสะ พูดกับลูกชายของตัวเองบ้าง นานาเสะพยักหน้ารับแต่โดยดี แต่ถึงกระนั้นสีหน้าที่หมองเศร้าของเขาก็ยังคงไม่หายไปไหนอยู่ดี “พยายามเข้านะนานาเสะ อย่าลืมนะว่านายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว นายยังมีพ่อ ยังมีแม่ และยังมีฉัน พี่สาวสุดสวยของนายอยู่ตรงนี้ ถ้าเกิดว่าไม่สบายใจเมื่อไหร่ก็โทรมาได้เสมอเลยนะ” เรียวอิจิ คาเอเดะ หรือพี่สาวของนานาเสะ พูดขึ้น ก่อนจะกอดน้องชายของเธอเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง นานาเสะกอดตอบพร้อมกับพูดออกมาเบาๆ “อืม ผมจะพยายาม” หลังจากนั้นนานาเสะก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนสำหรับผู้โดยสารขาออกนอกประเทศ เพื่อเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางสายตาที่ดูจะเป็นห่วงเขาจากทั้งสามคน . Flughafen Frankfurt am main, Frankfurt, Hessen, Germany “หนูจะไปแล้วนะคะ คุณพ่อ คุณแม่ พี่คลาเรีย” อันนา ฮอฟมัน เด็กสาวลูกครึ่งสวิตเซอร์แลนด์-เยอรมัน กล่าวกับครอบครัวของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง เธอตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้มาก เพราะมันคือการเดินทางเพื่อไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น ประเทศในฝันของเธอ เป็นเวลาถึง 1 ปี “เดินทางปลอดภัยนะอันนา” มารีอา ฮอฟมัน หรือแม่ของอันนากล่าวอวยพรลูกสาวของตัวเอง พร้อมกับกอดเธอเอาไว้แน่น “ตั้งใจเรียนนะอันนา ไปอยู่นู่นหาเพื่อนให้ได้เยอะๆ เลยนะ” โยนาธาน ฮอฟมัน หรือพ่อของอันนากล่าวกับลูกสาวของตัวเองอย่างอารมณ์ดี “ค่ะ คุณพ่อ!!” อันนาทำท่าตะเบ๊ะกวนๆ ใส่พ่อของเธอ “อันนาไม่อยู่ พี่คงเหงาแย่เลย” คลาเรีย ฮอฟมัน หรือพี่สาวของอันนากล่าวอย่างเหงาๆ ที่น้องสาวตัวเองกำลังจะจากตัวเองไปแลกเปลี่ยน “ไม่เอาน่าพี่คลาเรีย หนูก็ห่างกับพี่มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เราก็แค่ห่างกันมากขึ้นเท่านั้นเอง อีกอย่างถ้าพี่คิดถึงหนูก็โทรมาหาได้เสมอเลย แต่ต้องดูเวลาด้วยนะ เพราะต่อจากนี้เราจะอยู่กันคนละเขตเวลาแล้วนะ” อันนายิ้มกว้างให้กับพี่สาวของตัวเอง เธอเดินเตาะแตะเข้าไปกอดคลาเรีย ซึ่งเธอก็ถูกกอดกลับมาเหมือนกัน ก่อนที่เสียงประกาศจะดังขึ้น นั่นทำให้อันนาต้องรีบบอกลาครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย “ถ้าอย่างงั้น หนูไปแล้วนะคะ” เธอโบกมือลาครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะวิ่งไปขึ้นบันไดเลื่อนสำหรับผู้โดยสารขาออกนอกประเทศ เพื่อเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น . Tokyo International Airport, ota-ku, Tokyo, Japan หลังจากที่อันนาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว เธอก็มารับกระเป๋าเดินทางที่สายพานโหลดกระเป๋า หลังจากอันนารับกระเป๋าแล้ว ด้วยความที่เป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับเธอ เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก และอาจจะมากไปหน่อย จนลืมมองทางและเผลอเดินชนกับนานาเสะที่มัวแต่มองโทรศัพท์เพื่อเช็ครอบรถไฟเข้า จนต่างฝ่ายต่างล้มลงไปนั่งที่พื้น “I’m sorry for bumped into you, Where are you hurt?” อันนารีบขอโทษนานาเสะเป็นภาษาอังกฤษในทันที “Never mind, I’m okay” นานาเสะตอบ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและลากกระเป๋าและเดินมุ่งหน้าไปที่สถานีรถไฟของสนามบินในทันที โดยปล่อยให้อันนายืนเด๋อด๋าทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้น ไม่นานนักเธอก็เดินออกมาพบกับโฮสต์ของเธอที่ถือป้ายชื่อของเธอรอต้อนรับเธออยู่ โฮสต์ของเธอมาพร้อมกับลูกสาว อันนาที่รู้ธรรมเนียมการทักทายแบบญี่ปุ่นก็ได้ทักทายสองแม่ลูกเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งอันนาถือว่าเชี่ยวชาญในระดับที่ใช้ชีวิตประจำวันได้เลยทีเดียว “สวัสดีค่ะ หนูมีชื่อว่า อันนา ฮอฟมัน นักเรียนแลกเปลี่ยนจากเยอรมัน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ จากนี้อีก 1 ปีหนูขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” “สวัสดีจ้ะ อันนาจัง น้ามีชื่อว่า คุโรซาว่า ฮานาโกะ นะ ส่วนนี่ก็ลูกสาวของน้าเอง เธอมีชื่อว่า คุโรซาว่า เรียวโกะ หนูสามารถเรียกชื่อของพวกเราได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ฮานาโกะแนะนำตัวเธอและลูกสาวให้อันนาได้รู้จัก “อันนาจัง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ” เรียวโกะที่ดูท่าทางจะถูกใจอันนา เข้าไปจับมืออันนาพร้อมกับยกขึ้นยกลงอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นชาวต่างชาติตัวเป็นๆ อีกทั้งยังน่ารักเหมือนตุ๊กตาอีกต่างหาก เรียวโกะตื่นเต้นมากไปหน่อยจนเธอถูกแม่ดุ “เรียวโกะ ลูกอย่าไปทำแบบนั้นกับอันนาจังสิ มันเสียมารยาทนะรู้ไหม” “อ๊ะ!! จริงด้วย!! ขอโทษนะอันนาจัง” เรียวโกะปล่อยมืออันนา พร้อมกับค้อมหัวเล็กน้อยเพื่อขอโทษเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ” อันนาพูดพร้อมกับส่ายมือเบาๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย อันที่จริงเธอเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน “งั้นไปเถอะจ้ะ ส่งกระเป๋ามาให้น้าช่วยถือนะ” ฮานาโกะพูดพร้อมกับยื่นมือไปเพื่อจะช่วยอันนาถือกระเป๋าที่พะรุงพะรังของเธอ “ขอบคุณมากค่ะ…เอ่อ…คุณฮานาโกะ” “เรื่องเล็กน้อยจ้ะ หนูคงเดินทางมาเหนื่อยสินะ มาเถอะจ้ะ ถ้าถึงบ้านแล้วน้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้ทานนะ” ฮานาโกะพูดก่อนจะลากกระเป๋าไปที่ทางออกที่นำไปสู่ลานจอดรถของสนามบิน อันนาและเรียวโกะก็เดินตามเธอไป ในขณะเดียวกันนั้น “รถไฟสายนี้จะไปที่สถานีโตเกียวไหมนะ” นานาเสะพูดกับตัวเองในขณะที่ยืนสับสนอยู่ที่ชานชาลา เพราะไม่ได้ขึ้นมานาน อีกทั้งพอดูจากแผนที่ในโทรศัพท์มันก็มีหลายขบวนจนเขาสับสน จนแล้วจนรอดเขาก็ตัดสินใจขึ้นรถไฟขบวนที่เร็วที่สุด มันบอกว่าเขาจะถึงสถานีโตเกียวในอีกครึ่งชั่วโมง แต่ต้องเปลี่ยนไปนั่งรถไฟอีกสายนึง “ให้ตายสิ ทำไมมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้กันนะ” . . สองแม่ลูกคุโรซาว่าพาอันนามาถึงคอนโดที่พวกเขาพักอาศัย มันเป็นคอนโดที่อันนาสามารถเรียกได้ว่าหรูหราอย่างเต็มปาก ภายในห้องจะประกอบไปด้วย ห้องนอน 2 ห้อง ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง ห้องครัว 1 ห้อง ห้องเก็บของ 1 ห้อง และพื้นที่ส่วนกลางที่เอาไว้ใช้ทำกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ฮานาโกะให้อันนาเก็บของในห้องนอนที่เธอเตรียมไว้และให้ไปอาบน้ำอาบน้ำ ในขณะที่ฮานาโกะเองก็เตรียมทำอาหารกลางวันเอาไว้รอ อันนาที่อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จแล้ว พอเธอออกมาก็ได้กลิ่นอาหารหอมๆ เธอมานั่งที่โต๊ะสำหรับทานอาหาร หลังจากนั้นฮานาโกะก็ยกอาหารมาเสิร์ฟให้เธอได้ทาน มันคือ ‘ปลาแซลม่อนย่างเกลือ’ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ และมีน้ำซุปคมบุดาชิสำหรับจิบให้คล่องคอ บรรเทาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้เป็นอย่างดี ฮานาโกะรู้ดีว่าอันนาน่าจะยังไม่ถนัดในการใช้ตะเกียบ จึงให้ช้อนในการทานแทน ซึ่งอันนาก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย ซึมซาบในรสชาติอันแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยทานมาก่อน ในขณะที่อันนากำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ด้านนอกห้องของฮานาโกะ ลิฟต์ของคอนโดก็ได้เปิดออก พร้อมกับปรากฏร่างของนานาเสะที่พยายามแบกกระเป๋าพะรุงพะรังอย่างทุลักทุเล เขาหิ้วกระเป๋ามาวางไว้ที่ห้องข้างๆ ห้องของฮานาโกะ ก่อนจะใช้กุญแจไขเพื่อเข้าไปในห้องของตัวเอง “ฉันกลับมาแล้วนะ……” นานาเสะพูดกับตัวเองเบาๆ สีหน้าของเขามืดหม่นลงและเหยเกอย่างเห็นได้ชัด ราวกับคนกำลังพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ในตอนนี้ยังมีเรื่องอีกเยอะที่เขาต้องจัดการ เพราะการเปิดเทอมใหม่จะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจะมาร้องไห้ตอนนี้ไม่ได้ . อันนาที่ทานอาหารเสร็จและตอนนี้เธอกำลังนั่งคุยเล่นกับเรียวโกะ เธอถามนู่นนั่นนี่กับเรียวโกะมากมายด้วยความตื่นเต้น อีกทั้งยังถามด้วยว่าโรงเรียนที่เธอจะได้ไปเรียนในอีกสองวันข้างหน้านั้นเป็นแบบไหน เรียวโกะก็ตอบว่ามันเป็นโรงเรียนเดียวกันกับที่เธอเรียน เพียงแต่ว่าจากข้อมูลที่เธอรู้ อันนาจะได้อยู่คนละห้องกับเธอ อันนาหงอยเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าจะได้อยู่คนละห้องกับเรียวโกะ แต่ก็ทำใจฮึดสู้กลับมาอีกครั้ง ‘นี่เป็นโอกาสหาเพื่อนใหม่ของเธอนะอันนา ทำใจสู้เข้าไว้หน่อย’ อันนาปลอบใจตัวเองแบบนั้น . . พอเช้าวันเปิดเทอมมาถึง อันนาตื่นเต้นมากจนเมื่อคืนเธอถึงกับนอนไม่หลับ เธอลุกมาอาบน้ำแต่เช้า พออาบน้ำเสร็จเธอก็แต่งชุดเครื่องแบบของโรงเรียน อันนาดูจะเป็นปลื้มกับการได้สวมชุดเครื่องแบบครั้งแรกของชีวิตมาก เพราะที่เยอรมันไม่มีธรรมเนียมการใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียน เธอสวมชุดกะลาสีสีน้ำเงินทั้งตัว พร้อมกับสวมถุงน่องสีดำเพื่อปกปิดท่อนขาอันเรียวสวยของเธอ ก่อนที่เธอจะออกมาทานอาหารที่ฮานาโกะเตรียมเอาไว้ให้ เนื่องจากฮานาโกะนั้นเป็นจิตแพทย์ที่ทำงานในโรงพยาบาลแห่งนึงในกรุงโตเกียว เธอจึงต้องออกบ้านแต่เช้ามืด แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำอาหารเอาไว้ให้ทั้งคู่ทานก่อนออกไป ระหว่างที่อันนาทานอาหารอยู่นั้น เรียวโกะก็ตื่นมาพอดี เธอแค่ล้างหน้าแปรงฟัน และเข้าไปเปลี่ยนชุด ก่อนจะออกมานั่งทานอาหารกับอันนา พออันนาถามว่าเรียวโกะไม่อาบน้ำงั้นหรือ? เรียวโกะยักไหล่พร้อมกับตอบว่า “มันเป็นเรื่องปกติของชาวญี่ปุ่นที่จะไม่อาบน้ำตอนเช้าน่ะ” ทำให้อันนาแปลกใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมในครั้งนี้มาก เธอเองก็พึ่งรู้ว่าชาวญี่ปุ่นไม่นิยมอาบน้ำในตอนเช้า ตอนอยู่ที่เยอรมัน เธอแทบจะอาบน้ำวันละสามเวลาเลยก็ว่าได้ ยกเว้นแค่หน้าหนาวที่จะอาบแค่วันละครั้งเท่านั้น พอทั้งคู่ทานเสร็จก็พากันเดินไปโรงเรียน โรงเรียนของพวกเธอมีชื่อว่า ‘โรงเรียนมัธยมปลายเฮย์โจว’ เป็นโรงเรียนมัธยมปลายขนาดใหญ่ชื่อดังในละแวกที่พวกเธออาศัยอยู่ เนื่องจากโรงเรียนนั้นอยู่ไกลเล็กน้อย เรียวโกะจึงบอกว่าต้องคำนวณเวลาเดินทางดีๆ เพราะไม่งั้นถ้าไปสายจะถูกทำโทษเอาได้ ระหว่างทางเรียวโกะอธิบายเรื่องต่างๆ ให้อันนาฟัง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรองเท้าที่ใส่ด้านนอกเป็นรองเท้าที่ใส่บนอาคาร ก่อนการขึ้นอาคารทุกครั้ง พร้อมกับถามย้ำอันนาว่า “เธอไม่ได้ลืมเอารองเท้าที่ใส่บนอาคารมาใช่ไหม?” “อื้อ!! ฉันไม่ได้ลืม” อันนายิ้มกว้างๆ ใช้เวลาราวๆ 15 นาที พวกเธอก็มาถึงโรงเรียน หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้ว เรียวโกะก็พาอันนาไปที่ห้องพักครู เพื่อรายงานตัวกับอาจารย์ประจำชั้นของอันนา พอรายงานตัวเสร็จ เรียวโกะก็พาอันนาไปที่ห้องเรียนของเธอ อันนาได้อยู่ห้อง 2-A พอส่งอันนาที่หน้าห้องเสร็จแล้ว เรียวโกะก็ขอตัวลาเพื่อกลับไปยังห้องเรียนของเธอ ก่อนจะไปเรียวโกะได้นัดสถานที่ที่จะเจอกัน เพื่อกลับบ้านพร้อมกัน อันนายืนกลั้นใจอยู่หน้าห้องสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไป สายตาของทั้งห้องก็ถูกสะกดไว้ที่เธอแต่เพียงผู้เดียว เธอผู้สวยงามราวกับภาพวาด น่ารักราวกับตุ๊กตา ดวงตาสีฟ้าอ่อน ผมสีบลอนด์ที่พริ้วไสวตามจังหวะที่เธอเดิน “นั่นใครน่ะ?” “นักเรียนแลกเปลี่ยนงั้นเหรอ?” “สวยจัง เหมือนตุ๊กตาเลย” “เฮ้ยๆ น่ารักจังวะ” “นั่นสิ” อันนามีท่าทีเกร็งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านั้น เธอกวาดสายตาเพื่อหาทำเลเหมาะๆ ที่จะใช้นั่ง แต่แล้วสายตาเธอก็ไปสะดุดอยู่ที่เด็กหนุ่มคนนึงที่นั่งอยู่ด้านหลังห้อง อันนาจำเขาได้ เขาคือคนที่เดินชนกับเธอที่สนามบินเมื่อหลายวันก่อน สิ่งที่แปลกคือ นักเรียนทุกคนมีกลุ่มของตัวเอง ไม่ว่าจะเล็กหรือจะใหญ่ แต่น่าแปลกที่เด็กหนุ่มคนดังกล่าวไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยเลยแม้แต่คนเดียว รอบตัวเขามีเพียงบรรยากาศที่ดูมืดมน และเย็นชาน่าอึดอัดเท่านั้น อันนารู้สึกสนใจในตัวเขาจึงเข้าไปทักเขาด้วยภาษาอังกฤษแบบสุภาพ “Good morning, Can you remember me?” นานาเสะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง พอรู้ตัวว่ามีคนมาทักก็หันมา แล้วเขาก็พบกับเด็กสาวยืนยิ้มให้เขาอยู่ “Get out of the way, I can’t remember when I got to know you” นานาเสะตอบเธอด้วยประโยคไม่สุภาพ อันนาเหวอไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมแพ้ พยายามชวนเขาคุยอีกรอบ “Come on, Don’t you remember me at all?” นานาเสะพอได้ฟังประโยคนั้นแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับคิดในใจ ‘อะไรของยัยนี่กัน? ไม่เคยเจอกัน แต่มาถามว่าจำกันได้ไหมเนี่ยนะ?’ แต่เขาก็พยายามคิดว่าเคยเจอกับเด็กสาวตรงหน้ามาก่อนหรือเปล่า จะว่ารู้จักกันที่อเมริกาก็ไม่น่าใช่ งั้นต้องเป็นที่ญี่ปุ่น คิดไปคิดมาเขาก็นึกออก น่าจะเป็นคนที่เขาชนที่สนามบินวันนั้น เพราะเสียงพูดและสำเนียงเหมือนกัน “I remembered, were you the one I bumped into at the airport?” “Yes!!, you finally figured it out!!” อันนายิ้มออกมา “Can you speak Japanese?” “Yes!, I can” “โอเค เธอต้องการอะไรจากฉัน” นานาเสะเปลี่ยนจากภาษาอังกฤษเป็นการพูดภาษาญี่ปุ่น “ช่วยเป็นเพื่อนคนแรกให้ฉันได้ไหม?” อันนาพูด “ไม่ แล้วก็ไปให้พ้นหน้าฉัน” อันนาได้ฟังแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอที่เอาแต่ไล่เธออยู่นั่นแหละ แต่แล้วก็นึกแผนการดีๆ ออก “ก็ได้ ถ้านายว่าอย่างงั้น” อันนาพูดก่อนจะไปนั่งลงที่โต๊ะที่ว่างอยู่ห่างออกไปจากนานาเสะ หลังจากนั้นก็เป็นคาบโฮมรูม อาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามา ก่อนจะเช็คชื่อนักเรียน นั่นทำให้อันนารู้ว่าเด็กหนุ่มที่เธอพึ่งไปคุยด้วยนั้นชื่อ ‘เรียวอิจิ นานาเสะ’ หลังจากนั้นก็เป็นการแนะนำตัวเธอที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน อันนาก็พูดแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมห้องอย่างเป็นทางการ ทั้งภาษาบ้านเกิดของเธอ ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น “Ich heiße Anna Hoffmann, My name is Anna Hoffmann, ฉันมีชื่อว่าอันนา ฮอฟมันค่ะ。” พอแนะนำตัวเองเสร็จแล้ว ก็มาถึงช่วงที่สำคัญที่สุดที่อันนารอคอย นั่นคือการเลือกบัดดี้ อาจารย์ให้อันนาเลือกบัดดี้มาหนึ่งคน บัดดี้คนนี้จะเป็นคนที่คอยดูแลและคอยช่วยเหลือเธอในเรื่องต่างๆ ในขณะที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ อันนากวาดสายตาไปทั่วห้อง เธอมองเห็นสายตาของบางคนที่มองเธออย่างอ้อนวอน ราวกับจะบอกว่า ‘เลือกฉันเถอะ’ เด็กผู้ชายบางคนก็มองเธอด้วยสายตาที่ดูไม่น่าไว้วางใจ รวมไปถึงเด็กผู้หญิงบางคนที่มองเธอด้วยความอิจฉาริษยา อันนาถอนหายใจเบาๆ เธอมีตัวเลือกของเธอไว้แล้ว “ฉันขอเลือกคุณค่ะ คุณเรียวอิจิ” นานาเสะที่นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เขาไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย แต่พอถูกเรียกชื่อและรู้ว่ามันคือการเลือกบัดดี้ของนักเรียนต่างชาติคนที่เข้ามาทักทายเขา ทำเอาเขาแทบหงายหลัง “โอ้! เรียวอิจิคุงคงไม่ติดอะไรใช่ไหม ถ้าอาจารย์จะฝากให้เธอดูแลคุณฮอฟมันในระหว่างที่เธอแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนของเรา” “เดี๋ยวสิครับ ผมไม่ยอมรับเด็ดขาดเลย คนอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นผม?” “เพราะคุณเป็นคนเดียวที่คุยกับฉันรู้เรื่องค่ะ คุณเรียวอิจิ ไม่ว่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอังกฤษ” “อึ่ก!!” นานาเสะรู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองพลาดไปพูดอังกฤษกับอันนา “เอาล่ะๆ อย่าทะเลาะกัน สรุปว่าบัดดี้ของคุณฮอฟมัน คือเธอนะ เรียวอิจิคุง อาจารย์ฝากดูแลเธอด้วยนะ แล้วก็ให้คุณฮอฟมันย้ายไปนั่งข้างๆ เธอ คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” “…ครับ” ในเมื่อหนีไม่พ้น ก็มีแต่ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม นานาเสะสัมผัสได้ถึงสายตาอิจฉาริษยาที่ทิ่มแทงเขาจากพวกนักเรียนชายในห้อง ‘ฝากไว้ก่อนเลยนะ ยัยนักเรียนแลกเปลี่ยน’ นานาเสะเขม่นอันนาอยู่ในใจ อันนายิ้มร่าอย่างผู้ชนะ ก่อนจะย้ายโต๊ะมานั่งข้างๆ นานาเสะ เธอหันไปมองนานาเสะที่ทำหน้าทำตาไม่สบอารมณ์อยู่ “Hey! Darling, Don’t make that face. Keep yourself chill, Springtime is coming (เฮ้! ที่รัก อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ทำตัวชิลไว้น่า ความร่าเริงกำลังจะมาเยือนแล้วนะ)” อันนาพูดหยอกนานาเสะ นานาเสะถึงกับคิ้วกระตุก “ฉันไปเป็นที่รักของเธอเมื่อไหร่ไม่ทราบ? แล้วก็อย่ามายุ่งกับฉัน” “ใจร้ายอ่ะ” อันนาทำท่าทีหงอๆ แต่จริงๆ แล้วเธอรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งนานาเสะแบบนี้ สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดพากลีบดอกซากุระให้ลอยละล่องขึ้นไปบนฟากฟ้า เทอมใหม่อันแสนวุ่นวายระหว่างสาวสดใสกับหนุ่มมืดมนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD