บทที่ 5: นานาเสะกับการนอนหนุนตัก

2371 Words
อันนาวิ่งตามหานานาเสะไปทั่วทุกซอกทุกมุมของโรงเรียน เธอต้องตามหาเขาแข่งกับเวลาพักเที่ยงที่ใกล้หมดลงเต็มที มุมไหนที่อันนาคิดว่านานาเสะจะไปอยู่ เธอก็ตามไปหาจนหมด แต่ก็ไม่พบวี่แววของเขาเลยแม้แต่ที่เดียว นั่นทำให้เธอรู้สึกร้อนใจขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงเขา “นายไปอยู่ไหนกันนะเรียวอิจิ?” อันนาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะเดินอยู่บนทางเชื่อมระหว่างอาคารเรียน เธอหันไปมองนอกหน้าต่างของทางเดิน แล้วสายตาของเธอก็เห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง ประตูดาดฟ้าของอาคารที่มันควรจะถูกปิดเอาไว้กลับเปิดอ้าเอาไว้ อันนาจึงนึกขึ้นได้ว่าสถานที่เดียวที่เธอยังไม่ได้ตามหานานาเสะ ก็คือดาดฟ้าของโรงเรียน อันนาไม่รอช้า เธอรีบวิ่งไปที่ทางขึ้นดาดฟ้าในทันที พอขึ้นไปถึง ภาพที่เธอเห็นก็คือดาดฟ้าโล่งๆ ขนาดใหญ่ที่ไร้ผู้คน แต่ที่ตรงรั้วริมระเบียงด้านขวามือมีร่างของเด็กหนุ่มคนนึงนั่งหลับอยู่ เป็นนานาเสะนั่นเอง อันนาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ นานาเสะอย่างช้าๆ โดยที่ระวังไม่ให้เขาตื่น พอเข้าไปนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของเด็กหนุ่ม เธอก็มองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเขา แล้วเสียงสัญญาณแจ้งเตือนหมดช่วงพักเที่ยงก็ดังขึ้น นั่นหมายถึงคาบบ่ายกำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า ‘จะเอายังไงกับเขาดีนะ?’ อันนานั่งคิดอยู่ครู่นึง ในตอนแรกเธอคิดว่ากำลังจะปลุกเขาเพื่อให้ลุกไปเรียนคาบบ่ายด้วยกัน แต่ว่าในขณะที่เธอกำลังจะปลุกเขา พอเธอสังเกตดีๆ ก็พบว่าขอบตาของนานาเสะนั้นมีรอยคล้ำจางๆ เหมือนคนไม่ได้นอนติดต่อกันมาหลายคืน สิ่งนี้สอดคล้องกับเสียงร้องไห้ที่อันนาได้ยินติดต่อกันมาหลายคืน แสดงว่านานาเสะนั้นแทบไม่ได้นอนเลยอย่างงั้นเหรอ? ‘เอาล่ะ! ไม่ปลุกเขาก็แล้วกัน’ อันนาถอนหายใจออกมา พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยให้นานาเสะได้นอนพัก และไม่เข้าเรียนคาบบ่ายเป็นเพื่อนเขา จากนั้นอันนาก็ย้ายไปนั่งลงข้างๆ นานาเสะที่กำลังนั่งหลับแทน พร้อมกับเอื้อมมือไปจับศรีษะของนานาเสะอย่างระมัดระวังและเบามือ ก่อนจะดึงให้ลงมาที่ตักของเธออย่างช้าๆ . ในตอนนี้นานาเสะนอนหนุนตักของอันนาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย เด็กสาวรู้สึกจั๊กจี้ที่หัวใจเล็กน้อย ตอนที่เอามือไปเกลี่ยแก้มที่เนียนนุ่มราวกับผิวพรรณของผู้หญิงของเด็กหนุ่ม เธอจึงถือวิสาสะดึงแก้มของเขาอย่างนึกสนุก “อือ~” นานาเสะครางออกมาเบาๆ เมื่อถูกรบกวนการนอน แต่ก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด “คิกๆ นายนี่เหมือนเด็กน้อยเลยนะ” อันนาขำคิกคักอย่างสนุกสนาน แม้ว่าตอนที่เธออยู่ที่เยอรมัน อันนาจะเคยให้เพื่อนในกลุ่มนอนหนุนตักเธอเป็นบางครั้งบางคราว แต่นั่นก็เป็นเด็กผู้หญิงด้วยกันอันนาจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอให้ผู้ชายมาใช้ตักของเธอหนุนอิงแทนหมอน อันนาเปลี่ยนจากการดึงแก้มของนานาเสะไปเป็นการสัมผัสเส้นผมของเขาแทน เส้นผมสีดำที่นุ่มสลวยราวกับเส้นผมของผู้หญิง บ่งบอกว่าพวกมันได้รับการดูแลและบำรุงเป็นอย่างดีจากผู้เป็นเจ้าของ อันนาจึงสัมผัสเส้นผมเหล่านั้นอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “อือ…อย่านะ…ไม่เอาแล้ว…พอได้แล้ว” ในขณะที่อันนากำลังสัมผัสเส้นผมของนานาเสะอยู่นั้น เด็กหนุ่มก็ได้ละเมอขึ้นมา เขานอนขดตัวและเกร็งจนตัวสั่น พร้อมกับทำสีหน้าที่ดูเจ็บปวดแม้ว่าเขาจะกำลังนอนหลับอยู่ก็ตาม ดูเหมือนว่านานาเสะกำลังจะฝันร้ายอยู่ ‘เป็นอะไรของเขากันนะ? ทำไมถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้นกันล่ะ? แล้วที่บอกว่าพอได้แล้วนี่หมายถึงอะไรกัน?’ อันนานึกสงสัยอยู่ในใจ เธอหยุดสัมผัสเส้นผมของนานาเสะ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นการลูบหัวของเขาเบาๆ แทน พร้อมกับร้องเพลงกล่อมเด็กที่แม่ของเธอเคยร้องให้เธอกับพี่สาวฟังตอนเด็กๆ กล่อมเขาไปด้วย อันนาร้องไปได้สักพัก นานาเสะจึงมีท่าทีที่ผ่อนคลายลง แล้วรอยยิ้มน้อยๆ ของนานาเสะก็ปรากฏขึ้นมาประดับบนใบหน้าของเขา อันนาที่เห็นรอยยิ้มนั้น เธอตะลึงไปชั่วขณะ เพราะตั้งแต่รู้จักกับนานาเสะมา เธอไม่เคยเห็นเขายิ้มมาก่อนเลย นี่จึงเป็นรอยยิ้มแรกที่เธอได้เห็นจากเขา ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวก็ตาม “ทั้งๆ ที่ถ้ายิ้มแล้วจะดูอ่อนโยนและน่าเข้าหามากกว่าแท้ๆ” อันนาพึมพำเบาๆ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมา ‘แชะ!’ อันนาถ่ายภาพรอยยิ้มนั้นของนานาเสะเอาไว้ เธอคิดว่ารอยยิ้มนั้นมันงดงามเอามากๆ สำหรับคนที่ทำหน้าอมทุกข์ตลอดเวลาอย่างเขา และถ้าเป็นไปได้อันนาอยากจะให้นานาเสะยิ้มอย่างนี้ตลอดไปเลย ‘ฉันจะทำให้นายยิ้มแบบนั้นต่อหน้าฉันให้ได้อีกให้ได้เลย คอยดูเถอะนะ’ อันนาคิดในใจ เธอยังคงลูบหัวของนานาเสะอย่างอ่อนโยนโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่ายๆ . เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงที่ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสีฟ้าใสเป็นสีส้มอ่อนๆ บ่งบอกว่าพระอาทิตย์นั้นกำลังเตรียมที่จะลาลับขอบฟ้าในอีกไม่นาน นานาเสะที่นอนหนุนตักอันนาอยู่ก็ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขาเริ่มขยับตัวเล็กๆ น้อยๆ “อือ~” เขาส่งเสียงครางเบาๆ ก่อนที่เปลือกตาจะถูกเปิดขึ้น ภาพตรงหน้าที่นานาเสะเห็นหลังจากลืมตาแล้วก็คือ ชุดนักเรียนของใครบางคน ด้วยความสงสัยเขาจึงหันศรีษะขึ้นไปมองที่ด้านบน แล้วนานาเสะก็ได้พบกับอันนาที่กำลังก้มมองลงมายังเขา และส่งรอยยิ้มนุ่มนิ่มที่น่าหลงใหลมาให้เขาอยู่ “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ตื่นแล้วอย่างงั้นหรือคะ เรียวอิจิคุง~” อันนาทักทายนานาเสะ พร้อมกับใช้มือเกลี่ยแก้มของเขาอีกรอบ “อืม~” นานาเสะที่ยังสะลึมสะลือ ได้ตอบสนองต่อการกระทำของอันนาด้วยการถูใบหน้าไปมากับมือของเธอ และแสดงท่าทีออดอ้อนด้วยการคลอเคลียที่หน้าท้องของเธอ จนเด็กสาวรู้สึกจั๊กจี้ “ฮะๆ ไม่เอาน่า~” อันนาหัวเราะเบาๆ ให้กับการกระทำที่น่ารักน่าชังของนานาเสะ “……!!!!!!!!!!!!!!” พอสติของนานาเสะกลับมาชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว เขาก็เด้งตัวขึ้นมาอัตโนมัติราวกับถูกตั้งระบบเอาไว้ “เป็นอะไรไป~? หรือว่าอยากจะอ้อนฉันอีกอย่างงั้นเหรอ?” อันนายิ้มน้อยๆ ถามเขาไป “เธอทำแบบนี้ไปทำไม?” “คือว่านะ ก่อนที่ฉันจะตอบเนี่ย นายที่ยืมตักฉันนอนหนุนแทนหมอนตั้งหลายชั่วโมง จะไม่กล่าวขอบคุณหรือชมเชยสักหน่อยเหรอ นี่นายเป็นสุภาพบุรุษแบบไหนกัน” “……” “ช่างเถอะ ที่ฉันทำไปก็แค่ความต้องการส่วนตัว เห็นนายนั่งหลับอยู่เลยคิดว่านั่งหลับแบบนั้นนานๆ คงจะปวดคอแย่ เลยให้ยืมใช้ตักของฉันเป็นกรณีพิเศษ แต่ทุกอย่างมันมีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนล่ะนะ” อันนาพูดพร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นมา บ่งบอกว่ามีสิ่งที่เธอต้องการหนึ่งข้อเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เธอให้นานาเสะหนุนตักเธอ “เธอต้องการอะไร?” นานาเสะถามพร้อมทำท่าทีเย็นชาใส่อันนา ถ้าเกิดว่าเธอขออะไรแปลกๆ แล้วล่ะก็เขาจะปฏิเสธมันทันทีเลยคอยดู “วันเสาร์นี้ช่วยมาเดินเที่ยวเล่นในเมืองเป็นเพื่อนฉันหน่อย พอดีฉันจะไปซื้อเสื้อผ้ากับทำอะไรหลายๆ อย่างที่ฉันอยากจะทำ แน่นอนว่านายต้องตามใจฉัน ห้ามปฏิเสธหรืออิดออดแม้แต่คำเดียวเลยนะ เพราะตอนนายนอนหนุนตักฉัน ฉันยังทำให้นายด้วยความเต็มใจเลย” อันนาพูดถึงข้อแลกเปลี่ยนที่เธอต้องการ “………” นานาเสะเงียบ เขาพูดอะไรไม่ออก อันนามาทำอะไรตามใจชอบ ก่อนจะไล่ต้อนเขาด้วยข้อแลกเปลี่ยนที่ดูยังไงๆ ก็เป็นการเอาเปรียบเขาอยู่ฝ่ายเดียว แต่ครั้นจะปฏิเสธไปก็จะเป็นการเสียมารยาท เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเขานอนหนุนตักของเธอจริง แถมกินเวลานานตั้งหลายชั่วโมงด้วย แน่นอนว่าเขารู้สึกสดชื่นและดีขึ้นที่ได้นอนงีบเอาแรงบนตักของเธอ หลังจากที่นอนไม่หลับมานานหลายคืน เพราะอย่างนั้นแล้ว… “……ก็ได้ วันเสาร์นี้ฉันจะไปเที่ยวเป็นเพื่อนเธอ” นานาเสะถอนหายใจ ก่อนจะตอบตกลงข้อแลกเปลี่ยนของเธอไป และทำท่าจะลุกขึ้นยืน “จริงเหรอ!! เย้!!” อันนาตะโกนออกมาด้วยความดีใจและกำลังจะลุกขึ้นตามนานาเสะไป แต่เนื่องจากการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานานทำให้ขาของเธอเกิดไม่มีแรงขึ้นมากะทันหัน และกำลังจะเซถลาล้มลง “โอ๊ะโอ๋~” อันนาอุทานออกมา พร้อมหลับตาเตรียมรับแรงกระแทก “ระวัง!!” นานาเสะที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนขึ้น ก่อนจะรีบเข้าไปช้อนร่างของอันนาเอาไว้ในทันที “……” “……” มือข้างนึงของนานาเสะรองรับศรีษะของอันนาเอาไว้ไม่ให้กระแทกกับพื้น ส่วนมืออีกข้างก็ค้ำยันกับพื้นเพื่อไม่ให้ตัวเองไปกระแทกเข้ากับร่างอันบอบบางของเธอ ที่สำคัญใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่มาก จนสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน แสงพระอาทิตย์ยามเย็น ทำให้นานาเสะเห็นใบหน้าของอันนาที่มีท่าทีตื่นตระหนกเล็กๆ ได้อย่างชัดเจน ส่วนอันนานั้น เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงมากกว่าตอนปกติ เพราะอย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับเด็กผู้ชายมากถึงขนาดนี้ ผลจากการที่นานาเสะเข้าไปรับร่างของอันนาเอาไว้ ทำให้ทั้งสองในตอนนี้อยู่ในท่าที่ล่อแหลม เสี่ยงต่อการถูกเข้าใจผิดหากใครมาพบเข้า “ขอโทษที่ต้องล่วงเกินเธอนะ~” นานาเสะค่อยๆ วางศรีษะของอันนาลงบนพื้น ก่อนจะลุกออกไปจากตัวของเธอ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งมือไปให้อันนาจับเพื่อดึงตัวลุกขึ้นมายืนเช่นเดียวกัน “ระวังหน่อยสิ! ยัยบ้า!” นานาเสะดุเธอเล็กน้อยหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่ยืนขึ้นอย่างมั่นคงแล้ว “แหม~ เป็นห่วงฉันด้วยงั้นเหรอ~” อันนาพูดยิ้มๆ “ไม่ได้เป็นห่วงเธอสักหน่อย ก็แค่…” นานาเสะมีท่าทีลังเลเล็กน้อยที่จะพูดต่อ “ก็แค่…?” อันนาเอียงคอสงสัย แต่ยังคงมีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มประดับบนใบหน้าอยู่ “ก็แค่ถ้าเธอบาดเจ็บขึ้นมา คนที่จะถูกตำหนิก็คือฉันที่อยู่กับเธอก็แค่นั้น” นานาเสะพูด ก่อนจะก้าวเดินไปที่ประตูทางลงดาดฟ้า “จ้า~ พ่อคนปากแข็ง ท่าทางของนายนี่น่ารักจริงๆ ให้ตายสิ~” อันนาพูดก่อนจะเดินกึ่งวิ่งวนรอบตัวของนานาเสะ ทั้งคู่กลับไปที่ห้องเรียนที่ว่างเปล่าเพื่อเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน ถ้าหากไม่นับพวกนักกีฬาชมรมเบสบอลที่ซ้อมอยู่ที่สนามของโรงเรียน และพวกนักกีฬาชมรมบาสเก็ตบอลที่อยู่ที่โรงยิมที่ทั้งคู่ได้ยินจากเสียงรองเท้าที่ดังเอี๊ยดอ๊าดตอนที่มันเสียดสีกับพื้นของโรงยิมแล้วล่ะก็ โรงเรียนในตอนนี้ก็แทบจะไร้ผู้คนเลยก็ว่าได้ “นี่…คือว่า…เรื่องเมื่อกลางวันน่ะ…ขอโทษนะ” นานาเสะพูดขอโทษออกมา ในขณะที่อยู่ที่ตู้ล็อกเกอร์เก็บรองเท้า เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องขอโทษเธอให้ได้ เพราะเขาเป็นฝ่ายผิดที่ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากด้วย” อันนาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับบ้านด้วยกัน แต่วันนี้กลับต่างออกไปตรงที่มีประโยคสนทนาเล็กๆ เกิดขึ้นประปรายตามทางที่พวกเขาทั้งคู่เดินกลับด้วยกัน . “กลับมาแล้วค่า~” อันนากล่าวทักทายตอนเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก “ยินดีต้อนรับกลับจ้ะ อันนา” ฮานาโกะที่ยืนทำอาหารอยู่ กล่าวทักทายตอบกลับไป อันนาเดินฮัมเพลงอย่างมีความสุข จนฮานาโกะสังเกตว่าวันนี้อันนาดูมีความสุขมากกว่าวันที่ผ่านๆ มา เธอจึงเอ่ยถามออกไป “มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นอย่างงั้นหรือเปล่าจ๊ะอันนา?” อันนาที่กำลังจะเปิดประตูเข้าห้องของตัวเอง หันมายิ้มกว้างๆ จนตาหยี่ให้ฮานาโกะก่อนจะพูดออกมา “ความลับค่ะคุณน้า~ และเดินเข้าห้องไป ฮานาโกะยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะพึมพำออกมา “แหม~ อันนาจังมีความลับซะแล้วงั้นเหรอเนี่ย?” ก่อนที่เธอจะหันไปสนใจกับการทำอาหารตรงหน้าต่อ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD