ตอนที่ 2

1429 Words
จันทร์หอมมองตามรถราคาแพงที่วิ่งจากไปโดยไม่ไยดีด้วยความเจ็บใจ สภาพของหล่อนตอนนี้ไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำเลยสักนิด หญิงสาวกัดฟันแน่น ก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามรถคันนั้นไป ซึ่งสวรรค์ก็เข้าข้างหล่อน เพราะรถคันนั้นวิ่งไปอีกเพียงแค่ไม่กี่เมตรก็จอดติดไฟแดง จันทร์หอมหอบแฮ่กๆ ด้วยความเหนื่อยหอบ ก่อนจะพาร่าเปียกชุ่มโชกของตัวเองตรงไปเคาะกระจกรถคันต้นเหตุอย่างโมโห “นี่คุณ ลงมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ ลงมาเลย!” หล่อนทุบกระจกรถอย่างเอาเป็นเอาตาย จนคนขับต้องลดกระจกรถลง และตะโกนถามออกมาเสียงหงุดหงิด “เป็นบ้าอะไรของเธอ หรือว่าจะขอเงินล่ะ” จันทร์หอมที่ตะลึงตะลานกับรูปลักษณ์ฟ้าประทานของบุรุษเจ้าของรถอยู่หลายวินาทีถึงกับได้สติทันทีกับวาจาร้ายกาจต่างจากใบหน้าของเขา “ฉันไม่ได้จะมาขอเงิน แต่คุณขับรถเหยียบน้ำกระเด็นใส่ฉัน เนี่ยเห็นไหม เปียกไปหมดแล้ว” ธันฐกรณ์หรี่ตามองผู้หญิงที่สภาพดูไม่ได้ข้างรถแล้วก็แค่นยิ้มออกมา “แล้วทำไมคุณเดินไม่ระวังล่ะ ก็รู้นี่ว่าฝนเพิ่งหายตกไป ถนนก็จะมีน้ำขัง” คนฟังหัวร้อนขึ้นมาทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน หากเขาขอโทษ หล่อนก็คงจบเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ดูเถอะ ไม่มีวี่แววสำนึกผิดจากเขาเลยแม้แต่นิดเดียว “แต่ถ้าคุณขับรถระวัง น้ำก็คงจะไม่กระเด็นมาเปียกฉันแบบนี้หรอก แถมคุณยังขับรถหนีอีกด้วย” “ผมเนี่ยนะขับรถหนี ผมไม่ได้หนีสักหน่อย แต่ผมไม่รู้ต่างหาก” ยิ่งฟังจันทร์หอมก็ยิ่งโมโห หล่อนเอากำปั้นทุบตัวถังรถคันงามแรงๆ หลายครั้งติดต่อกัน จนเจ้าของรถถึงกับขู่ฟ่อ “ถ้ารถของผมเป็นรอยเมื่อไหร่ ผมเรียกเงินค่าเสียหายจากคุณแน่” “เหอะ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ คุณควรจะขอโทษฉัน กับสิ่งที่คุณกับไอ้รถเฮงซวยของคุณทำเอาไว้กับฉันมากกว่า เห็นไหมว่าฉันเปียกไปทั้งตัวเลยอะ” หล่อนต่อว่าเสียงเดือดดาล พร้อมกับบอกให้เขามองสภาพของหล่อน ธันฐกรณ์ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน “ผมรู้แล้วว่าคุณต้องการอะไร” จันทร์หอมยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรกลับไปเลย เจ้าของรถคันงามก็หยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าสตางค์สีดำ ก่อนจะปามันออกมานอกรถ และปะทะกับใบหน้าของหล่อนพอดิบพอดีราวกับจับวาง หล่อนช็อก อึ้ง เมื่อถูกหยามศักดิ์ศรีอย่างหยาบคายเช่นนี “นี่คุณทำบ้าอะไร ไอ้คนเฮงซวย!” หล่อนทุบรถคันงามสุดแรงหลายครั้ง “อ้าว ก็เอาเงินให้เธอไง ตั้งสามพันเชียวนะ” เขายิ้มเยาะ มองหล่อนด้วยสายตาดูแคลน “ถ้าให้เดานะ ชุดที่เธอใส่อยู่ไม่น่าเกินห้าร้อย ฉันให้ตั้งสามพันเหลือเฟือจริงไหม” จันทร์หอมกัดฟันแน่น ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อนเลย หล่อนก้มลงหยิบธนบัตรที่ตกอยู่ข้างรถขึ้นมาขยำจนยับยู่ยี่ “เอาของคุณคืนไป” ธนบัตรยับๆ ปะทะเข้ากับลำตัวของธันฐกรณ์เต็มแรง ก่อนที่หญิงสาวจะชี้หน้าด่าด้วยความโมโหสุดขีด “จำเอาไว้นะ เงินมันซื้อทุกอย่างไม่ได้หรอก และฉันก็ไม่ต้องการเงินของคุณด้วย” “แล้วไอ้ที่วิ่งสี่คูณร้อยเมตรตามมาทุบรถเนี่ย ไม่ได้ต้องการเงิน แล้วต้องการอะไรละ หรือว่าอยากอ่อยผม” หญิงสาวหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกมีเหลือแค่คุณคนเดียว ฉันยอมเป็นโสดตลอดชีวิต” เขาหัวเราะขบขัน มองหญิงสาวที่เกาะประตูรถอยู่ด้วยความดูแคลน “อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาดีกว่า ถ้าคุณไม่ต้องการเงิน แล้วต้องการอะไรจากผม หรือว่านี่เป็นวิธีอ่อยแบบใหม่กันล่ะ” “ไอ้ผู้ชายบ้า! ก็บอกแล้วไงฉันไม่ได้อ่อยคุณ ฉันก็แค่อยากให้คุณมีน้ำใจกับฉันบ้าง คุณควรจะจอดรถขอโทษฉันที่คุณทำน้ำกระเด็นใส่ฉันน่ะ ไม่ใช่ขับหนีมาแบบนี้” หญิงสาวโกรธจัดมากจนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว หล่อนก้มลงถอดรองเท้าคัทชูที่สวมใส่อยู่แล้วทุบแรงๆ ที่ตัวถังรถ “เฮ้ยยย ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ผู้หญิงบ้า” ธันฐกรณ์ตกใจ เขารีบหักพวงมาลัยรถออกจากแยกไฟแดงมาจอดข้างทางอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ก้าวลงไปจากรถเพื่อตกลงกับผู้หญิงบ้าบอคนนั้น “ลงมาได้แล้วเหรอ ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ” หล่อนตะเบ็งเสียงดังลั่น จนคนที่ขับรถผ่านไปมามองจ้องเป็นตาเดียวกัน “เบาหน่อยได้ไหมคุณ เห็นไหมคนมองกันใหญ่แล้ว” ผู้ชายตัวสูง ผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อดั่งฟ้าประทานดุเสียงไม่พอใจ ก่อนกับลากแขนของหล่อนให้เข้าไปด้านในสุดของข้างทางริมถนน “ฉันไม่อาย ทำไมต้องอายด้วย คุณต่างหากที่ต้องอาย ดูสิ แต่งตัวก็ดี แต่ไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย คิดว่าฉันต้องการเงินของคุณนักหรือไง” ธันฐกรณ์กัดฟันกรอด พยายามควบคุมสติของตัวเองเอาไว้ ขณะยังไม่ยอมปล่อยมือจากแขนเรียวของแม่สาวปากกล้า “สามพันคงน้อยไปใช่ไหม งั้นเอาไปห้าพัน แล้วไสหัวไปซะ เสียเวลาชะมัดเลย” เขาผลักหล่อนออกห่าง และจะมุดตัวเข้าไปในรถเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์ แต่หญิงสาวตามมาทุบด้านหลังของเขาเสียก่อน ทุบแรงๆ จนชายหนุ่มต้องหันมาปัดป้อง ก่อนที่ทั้งคู่จะเสียหลักล้มลงไปนอนแอ้งแม้งที่พื้นด้วยกัน โดยร่างของธันฐกรณ์อยู่ด้านล่าง ส่วนจันทร์หอมทับเขาเอาไว้ด้านบน แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอก เพราะปากของคนทั้งคู่ประกบกันโดยบังเอิญ เสมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน... ดวงตาของจันทร์หอมเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะรีบผุนผันลุกขึ้นจากเนื้อตัวกำยำด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ธันฐกรณ์เองก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมากเลยทีเดียว “ที่แท้ก็อยากจูบผมสินะ” “จะ... จะบ้าหรือไง มันเป็นอุบัติเหตุนะ” หญิงสาวเถียงเสียงสูงด้วยความอับอาย ชายหนุ่มยิ้มหยัน ยกมือขึ้นเช็ดปากของตัวเองแรงๆ “เห็นผู้ชายหล่อเข้าหน่อย หิวขึ้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ” “ไอ้ผู้ชายบ้า ฉันไม่ได้หิวสักหน่อย และที่เราจูบกันมันก็แค่อุบัติเหตุ” เขายิ้มหยันมุมปากบอกให้รู้ว่าไม่เชื่อ “แต่ผมว่าคุณจงใจมากกว่า” แล้วธันฐกรณ์ก็มุดตัวเข้าไปในรถอีกครั้ง ก่อนจะโผล่ออกมาพร้อมกับเงินในมือ “ฉันไม่ได้จงใจนะ” หล่อนแหวกลับอย่างอับอาย “คุณคิดเหรอว่าฉันจะอยากเสียจูบแรกของตัวเองกลางถนนแบบนี้น่ะ” ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปาก ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “จูบแรกเสียด้วย หึ... อยากได้เงินเพิ่มสิท่า” “ไอ้คนบ้า ไม่ใช่นะ!” นี่เขาเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้วเนี้ย “เอาล่ะ ผมให้หมื่นหนึ่งเลย นี่เงิน เอาไปซื้อชุดใหม่ซะ อ้อ... แล้วก็ไปเรียนฝึกจูบมาใหม่ด้วยนะ จูบเมื่อกี้มันจืดชืดจนผมรับไม่ได้เลยอะ” เขายัดเงินใส่มือของหล่อน ก่อนจะยิ้มกวนโทสะให้ จากนั้นก็ก้าวขึ้นรถ และขับออกไปอย่างรวดเร็ว จันทร์หอมยืนอึ้งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะก้มลงมองเงินในมือของตัวเอง “ไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้คนเฮงซวย” หล่อนจะปาเงินทิ้ง แต่ก็คิดได้ว่าเงินจำนวนนี้เอาไปบริจาคให้เด็กกำพร้าน่าจะดีที่สุด “นี่ถ้าไม่ติดต้องรีบไปสัมภาษณ์งานนะ ฉันจะต้องตามไปเอาเรื่องคุณต่อแน่ ไอ้ผู้ชายบ้า!” จันทร์หอมเก็บเงินใส่กระเป๋าสะพายของตัวเอง ก่อนจะออกวิ่งทันที “เหลืออีกไม่ถึงห้านาที ขอให้ทันทีเถอะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD