“สวัสดีค่ะ… คุณจิณณ์ อิศรวงศ์ใช่ไหมคะ” ลูกสาวคนสวยแห่งบ้านตุลภาคโสภณเอ่ยถาม ริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีพีชประจำตัวแย้มรอยยิ้มหวานเคลือบด้วยยาพิษส่งไปให้ ดูเหมือนคนตัวสูงกว่าก็คงพอรู้ เพราะเขาเองก็มอบรอยยิ้มที่ไม่ได้ส่งไปถึงดวงตาให้เธอกลับมาเหมือนกัน
ผู้ชายคนนี้ ไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย…
“เรียกซะห่างเหินเชียว น้องหม่อนไหมคนสวยของพี่" น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเจ้าชู้เต็มสูบพูดออกมา แค่ได้ยินประโยคเดียว หม่อนไหมก็รู้สึกแขยงจนอยากจะเดินหนีแล้ว “เมื่อก่อนหนูเรียกพี่ว่าพี่จิณณ์คะ พี่จิณณ์ขาตลอดเลยนี่"
“นั่นมันกี่ปีแล้วคะ… เอ่อ หม่อนหมายถึงผ่านมาหลายปีแล้ว หม่อนจำไม่ได้แล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะคุณจิณณ์"
“เรียกพี่ว่าจิณณ์เหมือนเดิมดีกว่า ถึงเราจะอายุห่างกันแค่หลักเดือน พี่ก็ชอบเวลาสาว ๆ เรียกพี่ว่าพี่มากกว่าจะเรียกว่าคุณนะ"
“หน้าหม้อ...” หม่อนไหมพึมพำเบา ๆ สรุปความคิดของตัวเองได้ทันทีว่าคนคนนี้ไม่มีทางได้เป็นเจ้าบ่าวของเธออย่างแน่นอน
“ว่ายังไงนะครับ”
“ไม่มีอะไรค่ะ คุณ… พี่จิณณ์เข้าไปข้างในกันดีกว่า ม้าของหม่อนรออยู่ค่ะ" สาวเจ้าหมุนตัวเดินนำหน้าโดยไม่รอให้เดินไปพร้อมกัน แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากจะเดินเคียงคู่ด้วย
จิณณ์ส่งเสียงหึในลำคอ นาน ๆ ครั้งเขาจะได้เจอผู้หญิงท่าทางพยศแบบนี้ แต่ต่อให้ปราบยากแค่ไหนก็ไม่คณามือคาสโนว่าตัวพ่ออย่างเขาหรอก
“สวัสดีครับคุณน้า… ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ" จิณณ์เดินตามหลังเข้ามาพร้อมทั้งยกมือไหว้อย่างนอบน้อม สลัดเอาคราบหนุ่มเพลย์บอยทิ้งไว้ที่หน้าประตูจนไม่หลงเหลือแม้แต่น้อย
“โตขึ้นมากเลยนี่นา ตาจิณณ์ คุณหญิงประไพเอารูปมาให้ดู แม่ก็เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไร เอ้า หม่อนไหมลูก ไปหาน้ำหาท่ามาให้พี่เขาสิจ๊ะ" คุณหญิงดาริกายิ้มแย้มให้การต้อนรับลูกชายเพื่อนเป็นอย่างดีจนลูกสาวตัวจริงหมั่นไส้เต็มทน
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะอยากจะพาน้องหม่อนไหมออกไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันครับ ถ้าคุณน้าจะกรุณา…”
“ได้สิจ๊ะ พาน้องออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อย ม้าเห็นอุดอู้อยู่ในห้องมาตั้งแต่กลับจากเดอรัมแล้ว"
เมื่อได้ยินคำอนุญาตแบบนั้นหม่อนไหมก็อ้าปากค้าง อยากจะขอให้คุณแม่กลับคำซะเดี๋ยวนั้น เพราะนี่มันเหมือนการจับเธอใส่ตะกร้ายกให้คู่หมั้นปลอมเปลือกอย่างหมอนี่เลยไม่มีผิด
“แต่หม่าม้าคะ…”
“เอาน่าลูก ให้พี่เขาพาไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อนะจ๊ะ" คุณหญิงดาริกาขยิบตาให้ลูกสาว หม่อนไหมจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันไปจ้องหน้าคนที่ยิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่าอยู่
“ถ้างั้น… หม่อนขอเลือกร้านเองนะคะ"
…
ขวัญ คาวาอี ดิเซิร์ท
“ทำไมเราถึงมาที่ร้านขนมกันล่ะครับน้องหม่อน พี่จะพาเราไปทานมื้อหลักนะ" จิณณ์เอ่ยขึ้นหลังจากที่โดนหม่อนไหมคะยั้นคะยอให้มายังร้านขนมหวานของขวัญชนกจนได้ “กินของหวานก่อนของคาวไม่ดีนะครับ"
“ทำไมจะไม่ดีล่ะคะ ก็หม่อนอยากกินนี่นา อีกอย่าง นี่ร้านของเพื่อนหม่อนเองค่ะ มีขนมหลายแบบมากเลยนะคะ พวกขนมที่เป็นของคาวอย่างทาโกะยากิของญี่ปุ่นก็มีค่ะ ถ้าคุณ… พี่จิณณ์อยากทานเป็นมื้อหลักก็อิ่มได้ค่ะ"
จิณณ์ไม่รู้ว่าจะหาช่องเถียงอย่างไรจึงจำใจเดินเข้าไปข้างใน ขวัญชนกเป็นคนที่มาให้การรับรองทั้งคู่ หลังจากที่อ่านข้อความบางอย่างที่ส่งมาจากหม่อนไหมผ่านทางโทรศัพท์มือถือแล้ว
“หม่อน มานั่งตรงนี้เลย เราจัดที่ไว้ให้แล้ว” ขวัญชนกในชุดยูนิฟอร์มพนักงานร้านขนมแย้มรอยยิ้มเยือกเย็นให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเพื่อนสาว “คุณด้วยนะคะ เชิญเลยค่ะ"
“ขอบคุณครับ" จิณณ์ตอบรับ ไม่ลืมที่จะแอบส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยให้กับขวัญชนกตามประสาเพลย์บอยตัวพ่อที่เก็บความต้องการเอาไว้ไม่มิด แต่ยังไม่ทันที่จะได้นั่งลงเกินสามนาที เด็กเสิร์ฟอีกคนในร้านก็ยกเอาทาโกะยากิชุดใหญ่มาวางลงตรงหน้าของจิณณ์และหม่อนไหมทั้งที่ยังไม่ได้สั่งออเดอร์
“ผมยังไม่ได้สั่งนะครับ" ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองหน้าหม่อนไหมที่แสร้งทำหน้าตาเหลอหลาเหมือนไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน
“อ๋อ พอดีเป็นเมนูประจำของหม่อนไหมน่ะค่ะ ฉันทราบดีว่าเพื่อนอยากกินอะไรก็เลยทำเมนูนี้เตรียมไว้ก่อนแล้ว ว่าแต่เครื่องดื่มจะรับเป็นอะไรดีคะ”
“น้ำอัดลมแล้วกันครับ" จิณณ์ตอบอย่างรู้สึกแคลงใจไม่น้อยกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ “แล้วน้องหม่อนล่ะครับ อยากทานอะไร”
“อืม… หม่อนยังไม่ค่อยหิวเลยค่ะ ขอเป็นน้ำเปล่าแล้วกัน ขอบคุณมากเลยน้าขวัญที่รู้ใจเราว่าเราอยากกินอะไร"
ขวัญชนกจดออเดอร์พร้อมกับรอยยิ้มหวานกว่าปกติ “รับออเดอร์เรียบร้อยค่ะ หม่อน ป้อนทาโกะยากิให้คุณคู่หมั้นเขาเลยนะ ร้อน ๆ แบบนี้ อร่อยจนลืมไม่ลงแน่นอน"
“ได้เลยจ้ะขวัญ ขอบคุณอีกครั้งนะ"
เมื่อคล้อยหลังขวัญชนกไปแล้ว หม่อนไหมก็ทำการจิ้มเจ้าทาโกะยากิลูกกลมขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มแบบใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง ดวงตากลมโตใต้คอนแท็กต์เลนส์สีอัลมอนด์พยายามฉายแววออดอ้อนให้ได้มากที่สุด
“ลองทานดูนะคะ ทาโกะยากิฝีมือเพื่อนหม่อนอร่อยที่สุดสามโลกเลยค่ะ"
จิณณ์เห็นดังนั้นก็อ้าปากรับอย่างไม่คิดตะขิดตะขวงใจ เมื่อรับเอาขนมทานเล่นญี่ปุ่นอุ่นร้อนนั่นเข้ามาทั้งลูกและลองกัดดูแล้ว ชายหนุ่มก็ต้องดวงตาแดงก่ำด้วยความแสบร้อนที่โจมเข้ามาที่จมูกลามไปถึงสมองของตน
“นี่มัน…” เขาพูดตะกุกตะกักเพราะมีขนมอยู่คาปาก “สอดไส้วาซาบิทั้งนั้นเลยนี่! โอ๊ย พี่แสบปากไปหมดแล้วนะครับ"
“ว้าย ตายแล้ว เป็นไปได้ยังไงคะเนี่ย… พี่จิณณ์ไปล้างหน้าล้างปากก่อนดีกว่าไหมคะ เร็วเข้าสิคะ" หม่อนไหมที่แทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ชี้ไปทางห้องน้ำของทางร้าน จิณณ์จึงรีบวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิตทันที
“บอกแล้วไง… ว่าจะต้องอร่อยจนลืมไม่ลงแน่นอน" ขวัญชนกที่เห็นว่าแผนการของตนสำเร็จลุล่วงด้วยดีเดินเข้ามาแปะมือกับหม่อนไหม
“เหอะ ทีนี้ก็คงจะเข็ดไม่อยากเดตกับเราไปอีกนาน" คุณหนูคนสวยกอดอกเชิดหน้าอย่างผู้ชนะ ขวัญชนกแตะมือลงบนไหล่เพื่อนเบา ๆ
“แต่เราคงช่วยหม่อนแบบนี้ไปได้อีกไม่กี่น้ำหรอกนะ… หม่อนต้องรีบคิดเรื่องคนที่จะมารับบทเป็นแฟนทิพย์ของตัวเองได้แล้ว จะได้ยืดระยะเวลาที่ต้องแต่งงานกับหมอนี่ไปได้อีกสักพัก"
หม่อนไหมเม้มริมฝีปาก เธอจนปัญญาที่จะนึกแล้วจริง ๆ ว่าใครกันที่จะมาเป็นเจ้าบ่าวกำมะลอของตนได้
‘เอาเท่าไร…’
พลันเสียงเรียบนิ่งกับใบหน้าซังกะตายของหนุ่มนิรนามที่เธอเมาจนเผลอไปมีอะไรด้วยในค่ำคืนก่อนทำให้หม่อนไหมใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาฉับพลัน
หรือว่าจะลองใช้หนุ่มโฮสต์คนนั้นดีนะ…
จะเรียกค่าตัวแพงอีกหรือเปล่าเนี่ย!
“หน้าแดงเชียวหม่อน เป็นอะไรหรือเปล่า” ขวัญชนกถามด้วยความเป็นห่วง “หรือว่ากำลังคิดมากเรื่องอีตาจิณณ์นั่น"
“ขวัญ” หม่อนไหมสบตากับเพื่อนสาวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง “เรารู้แล้วว่าเราจะให้ใครมารับบทเป็นแฟนทิพย์ให้เราเอาไปเจอป๊าม้า!”