หลังจากกระหยิ่มยิ้มย่องในใจเรื่องที่หาคนมารับบทเจ้าบ่าวกำมะลอได้แล้ว หม่อนไหมก็รีบโทรเรียกคนขับรถให้มารับกลับจากร้านขนมทันที โดยใช้ช่วงเวลาระหว่างที่จิณณ์กำลังเข้าไปล้างหน้าล้างปากให้คลายความปวดแสบปวดร้อนจากวาซาบิหลบหนีออกไป และไม่ลืมที่จะฝากเพื่อนรักเพียงคนเดียวให้จัดการทุกอย่างทางนี้แทนตนด้วย
“น้า~ขวัญ หม่อนขอร้องน้า~นี่อีกเดี๋ยวคนขับรถของหม่อนก็จะมาแล้ว ขวัญรับหน้าแทนหม่อนหน่อยเถอะนะ พยายามอย่าเพิ่งให้อีตาจิณณ์นั่นออกจากร้าน เดี๋ยวจะตามหม่อนทัน ขืนฟ้องหม่าม้าละก็ มีหวังหม่อนโดนกักบริเวณแน่ ๆ ขวัญคนสวย ช่วยหม่อนด้วยนะ~” หม่อนไหมกะพริบตาปริบ ๆ ขอความเห็นใจจากเพื่อน
ขวัญชนกที่จนปัญญาจะต่อล้อต่อเถียงได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ ยอมรับเอาหน้าที่สุดหนักอึ้งนั่นเอาไว้
“โอเค ๆ จะพยายามรั้งเอาไว้ให้ได้มากที่สุดแล้วกัน แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ หม่อนก็เตรียมแผนสำรองไว้ด้วยนะ"
“หม่อนไม่จำเป็นต้องเตรียมหรอก เพราะหม่อนเชื่อว่าขวัญเพื่อนเลิฟจะต้องจัดการได้แน่ ๆ อ๊ะ คนขับรถของหม่อนโทรมาแล้วละ! ฝากทุกอย่างทางนี้ด้วยน้า บ๊ายบาย จุ๊บ~” คุณหนูคนสวยใช้มือส่งจุ๊บ เทภาระอันหนักอึ้งไปยังขวัญชนกจนหมดสิ้น
หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มร้านขนมหวานจึงได้แต่ยืนเม้มปาก คิดหาวิธีสารพัดที่จะเหนี่ยวรั้งผู้ชายอย่างจิณณ์ อิศรวงศ์เอาไว้ในร้านให้ได้มากที่สุด ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหม่อนไหมกำลังจะทำอะไร หรือติดต่อใครที่ไหนมาเป็นแฟนปลอม ๆ ก็ตาม
“นี่คุณ!” เสียงของจิณณ์ดังโวยวายมาจากข้างหลัง ขวัญชนกทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันกลับไปยิ้มหวานให้กับพ่อเพลย์บอยตัวเปียกไปเกือบครึ่งท่อนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในร้านมาก่อน
“คะคุณจิณณ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“นี่คุณไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลยนะ… ไหน คุณชื่ออะไร” ชายหนุ่มเดินหน้าบึ้งมาประชิดตัวขวัญชนกอย่างรวดเร็วโดยไม่เกรงใจบรรดาลูกค้าที่ยังเดินเข้า-ออกร้านเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีเทาเข้มหรี่มองป้ายชื่อที่ติดอยู่บนอกของเธอ “ขวัญชนก เหอะ เป็นผู้จัดการร้านซะด้วย ตอบมาเดี๋ยวนี้ วาซาบิที่อยู่ในทาโกะยากินั่นฝีมือคุณใช่ไหม”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ขวัญชนกจึงตัดสินใจคว้ามือของเขาให้ตามเธอไปที่หลังร้าน โดยไม่ลืมทำสัญญาณมือบอกให้ลูกน้องทุกคนในร้านไปช่วยกันควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อยเป็นอย่างดีด้วย
“นี่คุณจะพาผมไปไหนเนี่ย แค่ตอบมาว่าคุณจงใจแกล้งผมใช่ไหม”
มือบางของลูกสาวเจ้าของร้านขนมหวานดันประตูหลังร้านให้ปิดสนิทแล้วหันมายืนกอดอก สีหน้าท่าทางสลัดความนอบน้อมทิ้งไปจนสิ้น
“จงใจแกล้ง? อะไรทำให้คุณมั่นใจแบบนั้นไม่ทราบคะ ทาโกะยากิทุกชิ้นต้องมีป้ายวาซาบิเอาไว้บ้าง เป็นสูตรพิเศษของทางร้านค่ะ"
“ชิ้นที่ผมกินเข้าไปมันไม่ใช่แค่ป้ายแล้วมั้ง ผมกัดลงไปมันแทบจะอัดอยู่ในแป้งทั้งลูก นี่ถ้าไม่มีรีบล้างปากนะ ป่านนี้ปากผมไหม้ไปแล้ว บอกมา ใครสั่งให้คุณทำแบบนี้” จิณณ์ย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวจนขวัญชนกต้องถอยฝีเท้าไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวอยู่หน่อย ๆ
“ไม่มีใครสั่งทั้งนั้นแหละ แล้วฉันก็ยืนยันคำเดิมด้วยว่าฉันไม่ได้แกล้ง พนักงานทุกคนที่นี่ก็ไม่มีใครแกล้งคุณทั้งนั้น หรือว่าคุณมีศัตรูเยอะก็เลยระแวงไปหมดว่าคนนู้นคนนี้จะแกล้งกันแน่ หรือไม่ก็ลิ้นอ่อนแอเองหรือเปล่าคะ” คนตัวเล็กกว่าเถียงสู้พยายามประวิงเวลาเพื่อช่วยเพื่อนรักอย่างเต็มที่
“คุณนี่เล่นลิ้นเก่งไม่เบาเลยนะ แค่ยอมรับมาว่าจงใจแกล้งผมนี่มันยากมากนักหรือไง…” จิณณ์โน้มใบหน้าลงไปใกล้จนใบหน้าห่างกันแค่คืบ หัวใจของขวัญชนกเต้นแรงตามประสาคนที่ไม่เคยลงสนามมาก่อน นับตั้งแต่เกิดมาจนอายุได้ยี่สิบสามปีเต็ม มือบางรีบดันแผ่นอกกว้างชื้นไปด้วยน้ำจากก๊อกให้ถอยห่างทันที
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ! ฉันยืนยันคำเดิม ไม่มีใครจงใจแกล้งคุณทั้งนั้นแหละค่ะ แล้วก็อย่าไปเสียงดังที่หน้าร้านอีกนะ ฉันไม่อยากเสียลูกค้า แต่ถ้ายังดื้อด้านไม่ยอมหยุดละก็ ฉันจะให้รปภ.มาลากคอคุณออกไปแน่”
“ผมไม่ได้อยากเสียงดังหรอก ถ้าคุณบอกมาตรง ๆ น่ะ ผมฝากไว้ก่อนแล้วกันเรื่องทาโกะยากิ เจอกันคราวหน้าผมเช็กบิลคุณทั้งขึ้นทั้งล่องแน่คุณขวัญชนก" จิณณ์หัวเราะในลำคอ ไม่ได้รู้สึกกลัวกับคำขู่ของหญิงสาวตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย “ผมจะกลับแล้ว แล้วนี่หม่อนไหมอยู่ไหน ไม่เห็นตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"
ขวัญชนกเม้มริมฝีปาก สวดภาวนาในใจเป็นครั้งที่ร้อยเมื่อคำถามจี้จวนตัวจนไม่สามารถหาคำโกหกมารองรับได้ทัน
“คือ… คือว่า…”
“คงจะกลับไปแล้วสินะ เพราะทาโกะยากิร้านคุณนั่นแหละทำพิษผม ป่านนี้หม่อนไหมคงมองผมด้วยภาพลักษณ์แย่ ๆ ไปแล้ว ให้ตายสิ" จิณณ์ขยี้เส้นผมตัวเองอย่างหัวเสีย “ไม่ต้องมาพูดจาอึกอัก คุณต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันคือความผิดของคุณ"
“ความผิดของฉันอะไรกันคะ ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่ได้ทำ ไม่มีใครแกล้งคุณทั้งนั้นแหละค่ะ คุณนั่นแหละที่อ่อนไหวไปเอง" ขวัญชนกพยายามเถียงสู้ รู้สึกโล่งใจที่จิณณ์ไม่ได้มีทีท่าจะตามหม่อนไหมกลับในทันที
“ผมถือว่าเป็นความผิดของคุณ เพราะงั้นคุณต้องรับผิดชอบ…” คาสโนว่าตัวพ่อลากเสียงพร้อมทั้งแลบลิ้นเลียริมฝีปากขณะโน้มใบหน้าเข้าไปหาขวัญชนกอีกรอบ “…ด้วยการทำทาโกะยากิใส่กล่องกลับบ้านให้ผมหนึ่งชุด คราวนี้ถ้าสอดไส้วาซาบิมาอีกละก็ ผมจัดการคุณแน่"
“…” ขวัญชนกหน้าแดงแจ๋กับท่าทีมากล้นไปด้วยเสน่ห์ของอีกฝ่าย แม้จะเจือไปด้วยความรู้สึกหมั่นไส้กับความขี้เก๊กด้วยก็ตาม
“ไว้ผมจะไปรอที่หน้าร้านนะ ขอเร็ว ๆ ล่ะ ถ้าช้าผมจัดการคุณแน่" พูดจบจิณณ์ก็หมุนตัวเดินผิวปากออกไป ราวกับชอบใจเหลือเกินที่ได้แกล้งคุณผู้จัดการร้านพ่วงด้วยตำแหน่งลูกสาวเจ้าของร้านได้สำเร็จ
“ขู่อยู่ได้ เป็นงูเห่าหรือไงฮะ อีตาบ้า!” ขวัญชนกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่สบอารมณ์ แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นการกันท่าไม่ให้จิณณ์ตามไประรานหม่อนไหมต่อที่บ้านได้สำเร็จ…
…
คฤหาสน์ตุลภาคโสภณ
“กลับมาแล้วค่ะหม่าม้า~” หม่อนไหมเดินนวยนาดเข้ามาในห้องโถงอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่ามารดายังคงนั่งถักโครเชต์อยู่ ไม่ได้ขยับไปไหนเลย “เอ๊ะ ทำไมม้ายังนั่งอยู่ที่เดิมล่ะคะ หนูว่าหนูออกไปนานมากแล้วนะ"
“นานเนินอะไรกัน นี่ไปกินข้าวกันยังไง ไม่ถึงชั่วโมงก็กลับซะแล้ว แล้วนี่ตาจิณณ์ไปไหนแล้วล่ะ หรือหม่อนไปแกล้งอะไรพี่เขาฮึลูก” คุณหญิงดาริกาหยุดมือที่ถักผ้าพันคอแล้วใช้สายตาคาดคั้นลูกสาว หม่อนไหมส่ายหัวดุกดิกพร้อมรอยยิ้มแสนซื่อ