เลขานุการสาวถอยหลังไปสองก้าวเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงนิรนามที่ว่าเป็นเมียของท่านประธานสุดหล่อยอดดวงใจของเธอ อิงอรฮึดสู้กัดฟัน ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ยังคงไม่เชื่อนัก
“คะ… คุณหมายความว่ายังไงคะ เมียเมออะไรกัน… อย่ามาโกหกเรื่องไม่เป็นเรื่องแถวนี้นะคะ ท่านประธานจะไปมีภรรยาได้ยังไงกัน…”
หม่อนไหมถอนหายใจเฮือกใหญ่ดัง ๆ พยายามนับหนึ่งสิบในใจ ก่อนจะปั้นรอยยิ้มจอมปลอม วางมาดเป็นภรรยาท่านประธานให้เหมือนที่สุด
“ฉันไม่ได้โกหกนะคะ ฉันเป็นภรรยาของคุณบัลลังก์จริง ๆ ค่ะ บัลลังก์ เตชะโภคินทร์น่ะ"
อิงอรกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อได้ยินชื่อและนามสกุลของผู้เป็นเจ้านายเต็มสองรูหู เริ่มจะเชื่อขึ้นมาแล้ว เพราะดูจากรูปร่างหน้าตารวมถึงผิวพรรณที่สวยผุดผาดไร้ข้อตำหนิ ผู้หญิงคนนี้ก็ดูเหมาะสมกับบัลลังก์ไม่น้อยเลยทีเดียว
หัวหน้าพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ค่อนไปทางอาวุโสเดินเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์นี้เมื่อเห็นว่าทุกอย่างชักจะไปกันใหญ่
“เชิญค่ะ คุณผู้หญิง… เชิญได้เลยค่ะ"
ดวงตาคมดุสีดำสนิทลุ่มลึกมากไปด้วยเสน่ห์จ้องเขม็งไปยังอิงอรที่แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมรับเรื่องที่เธอเป็นภรรยา ทำเอาคนที่อ่อนกว่าทางอำนาจเป็นอันต้องเริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมาบ้างอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ต้อนรับฉัน…” หม่อนไหมแย้มรอยยิ้มเย็นเยือกให้หญิงอาวุโส ก่อนจะเบนความสนใจไปยังอิงอรที่ยืนเม้มริมฝีปากอยู่ “แต่ฉันก็ยังแคลงใจกับพนักงานคนนั้นอยู่ดี ทำไมเมียจะมาหาผัวต้องนัดด้วยคะ คุณน่ะชื่ออะไร ทำงานอยู่ส่วนไหนของบริษัทนี้เหรอคะ”
อิงอรหน้าซีดเผือด รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากคนที่ดู ๆ แล้วมีอำนาจเหนือกว่าตนอย่างที่ไม่อาจเทียบได้ติดเลยอย่างแน่นอน
“…ถามชื่อฉันไปทำไมคะ… หรือว่าจะเอาไปฟ้องท่านประธาน!”
หม่อนไหมเปลี่ยนสีหน้า ยกมือขึ้นป้องปากขำคิกคัก เลิกสวมบทบาทคนใจร้ายเพราะได้แกล้งจนพอใจแล้ว อีกใจก็กลัวว่าผู้หญิงที่ออกหน้ากันเธอไม่ให้เข้าไปพบบัลลังก์นั้นจะเป็นลมล้มพับไปเสียก่อนด้วย
“ไม่ต้องกลัวค่ะ ฉันก็แค่ถามไปงั้นแหละ อันที่จริงฉันรู้ข้อมูลของคุณอยู่แล้ว คุณอิงอร เลขาของสามีฉัน ทำไมฉันจะไม่รู้จัก" หม่อนไหมเดินเข้าไปจับไหล่อีกฝ่ายที่ยืนอ้าปากค้างด้วยความตกใจเหลือเกิน “คุณทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากค่ะ ทำต่อไปนะคะ"
หญิงสาวรู้สึกขอบคุณตัวเองเหลือเกินที่หาข้อมูลคนรอบตัวของบัลลังก์มาได้อย่างละเอียดด้วย แถมท่องจำมาจนขึ้นใจและไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้
ร่างสูงล่ำของดินไทยเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับรายงานความเคลื่อนไหวของท่านประธานที่อยู่ชั้นบนสุด เรื่องการมาถึงของหม่อนไหมนั้นได้ทราบไปถึงด้านบนแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“ท่านประธานให้ผมมาเชิญคุณหม่อนไหมขึ้นไปหาตอนนี้เลยครับ เชิญครับ" ดินไทยกดเปิดลิฟต์พร้อมกับผายมือให้หม่อนไหมเข้าไปก่อน คุณหนูคนสวยที่กำลังพยายามเล่นละครให้สมบทบาทมากที่สุดสูดหายใจเรียกกำลังใจให้ตนเองหนึ่งที แล้วก้าวเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผย
ตัวเลขที่ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นบนหน้าปัดดิจิทัลภายในลิฟต์พิเศษตัวนี้เป็นเหมือนจำนวนก้อนความกดดันในใจของเธอที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามไปด้วย หญิงสาวพยายามที่จะใจเย็นและรักษาท่าทีให้ได้มากที่สุด เป้าหมายเดียวที่เธอทำทุกอย่างไปทั้งหมดก็เพื่อหลุดพ้นจากการแต่งงานกับคู่หมั้นจอมเจ้าชู้อย่างจิณณ์ให้ได้ แล้วค่อยคิดหาวิธีจัดการกับคนรักปลอม ๆ อย่างบัลลังก์ทีหลัง…
ห้องประธานบริษัทแสนกว้างขวางและโอ่อ่าปรากฏขึ้นหลังจากที่ดินไทยพาเธอออกจากลิฟต์แล้วเปิดประตูบานใหญ่ให้ หม่อนไหมเดินเข้าไปด้านในเพียงลำพัง ซึ่งดูเหมือนทางบัลลังก์ก็คงเข้าใจสถานการณ์จึงเลือกใช้สถานที่ในการพูดคุยกันแบบเป็นส่วนตัว
ไม่มีใครอื่นเลยในห้อง นอกจากหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวที่เคยพลาดมีสัมพันธ์ทางกายกันเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“คุณต้องการอะไร… มาถึงบริษัทผม แถมยังไปป่าวประกาศกับพนักงานที่ด้านล่างอีกว่าเป็นเมียผม” บัลลังก์ยิงคำถามแรกใส่หม่อนไหมอย่างจัง ซึ่งคุณหนูแสนดื้อดึงนั้นก็เตรียมตั้งรับไว้เรียบร้อยแล้ว
“แหม ตายจริง ทำไมคุณสามีพูดกับภรรยาเสียงแข็งขนาดนั้นล่ะคะ…” หญิงสาวดัดเสียงที่โดยปกติหวานนุ่มน่าฟัง ให้เล็กแหลมขึ้นเพื่อยียวนประสาทของคนฟัง “คุณสามีใจร้ายแบบนี้ ภรรยาก็เสียใจสิคะ"
“พูดเสียงปกติได้ไหม ฟังแล้วมันน่ารำคาญ” คนที่นั่งเอนหลังกับเก้าอี้ทำงานอยู่พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ หม่อนไหมกำหมัดแน่น เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าที่จะพูดคำว่า ‘น่ารำคาญ’ ใส่เธอแบบนี้
“งั้นคุณก็คงต้องทนความน่ารำคาญนี้ไปอีกนานค่ะ เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ของฉัน เข้าใจไหมคะ คุณบรรลัย เอ๊ย! บัลลังก์”
บัลลังก์คิ้วกระตุกทันทีเมื่อถูกหญิงสาวเอาคืน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบกลับ หม่อนไหมก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉัน หม่อนไหม ตุลภาคโสภณ…”
“ผมรู้ชื่อคุณอยู่แล้ว ไม่ต้องแนะนำตัวให้มากความ ข้อมูลของคุณผมก็อ่านมาทั้งคืนแล้ว มีเรื่องอะไรก็รีบพูดเถอะ" บัลลังก์พูดขัด ดวงตาสีเปลือกไม้มองเรือนกายอ้อนแอ้นที่ตนเคยรังแกตลอดคืนตั้งแต่หัวจรดเท้า หม่อนไหมพ่นลมหายใจฟึดฟัด
“ก็กำลังจะเข้าเรื่องนี่ไงล่ะ ใจร้อนจริง ๆ เลยนะคุณน่ะ" หญิงสาวเดินนวยนาดไปนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องที่มีไว้สำหรับรองรับลูกค้าคนสำคัญที่จะเข้ามาติดต่อประธานบริษัทโดยตรง เจ้าของห้องเหลือบมองภาพนั้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ที่ฉันมาหาคุณในวันนี้ก็เพราะว่าฉันไม่แน่ใจน่ะสิคะว่าหลังจากที่คุณกับฉันมีอะไรกันวันนั้นแล้ว… ฉันจะท้องหรือเปล่า ตายจริง ประจำเดือนฉันไม่มาตามกำหนด ช่วงนี้ทำอะไรก็ดูเหมือนจะเหนื่อยง่ายไปหมด มีอาการเหมือนจะวูบด้วยอ่า…”
หม่อนไหมแสดงบทบาทสมมติคนแพ้ท้องอ่อน ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ… แค่ในโลกจินตนาการของตนเอง เพราะประธานบริษัทหนุ่มแสนเย็นชาที่มองคนได้ทะลุปรุโปร่งนั้นดูออกและรู้ทัน แต่ที่ยังไม่พูดขัดก็เพื่อที่จะรอดูว่าเจ้าของบุลการีเรือนแพงที่ยังวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงห้องนอนตนนั้นจะมาไม้ไหน และจะเรียกร้องให้เขารับผิดชอบด้วยสิ่งใด
“ฉันไม่อยากให้ลูกในท้องต้องไปเรียกคนอื่นว่าพ่อ ในเมื่อฉันก็รู้แล้วว่าคนที่… มีอะไรกับฉันในคืนนั้นตั้งไม่รู้กี่รอบแถมยังไม่ใส่อะไรป้องกันอีกต่างหากเป็นใคร เพราะงั้นคุณต้องรับผิดชอบด้วยการไปหาครอบครัวฉัน แล้วแนะนำตัวเองว่าเป็นคนรักของฉัน วิธีรับผิดชอบง่าย ๆ แค่นี้พอจะทำได้ไหมคะคุณบัลลังก์"