บัลลังก์ใช้สายตาแสนเย็นชาประจำตัวมองไปยังคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ความเงียบโรยตัวลงมาเคียงคู่กับความอึดอัดอยู่พักหนึ่ง เมื่อเขาเห็นว่าแววตาของคุณหนูเสียงแหลมนั่นเริ่มสั่นไหวไขว้เขว ก็รีบตลบหลังยิงคำถามที่อยากรู้กลับไปก่อนที่จะตอบเรื่องความรับผิดชอบ
“แล้วทำไมต้องเป็นผม… ในเมื่อคุณน่าจะมองผมเป็นหนุ่มโฮสต์นี่ ถึงได้วางเงินหนึ่งพันบาทกับนาฬิกาเรือนละหลายแสนเอาไว้เป็นค่าตัวให้น่ะ นั่นก็หมายความว่าคุณซื้อผมไปแล้วนี่ครับ การซื้อขายในระยะเวลาหนึ่งเป็นอันจบสิ้นลง ผมไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรในตัวคุณเลย"
หม่อนไหมเงียบ ไม่คิดว่าจะโดนถามกลับโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ หญิงสาวกระแอมเล็กน้อย กอดอกเชิดคอขึ้น สูดหายใจเรียกความมั่นใจให้ตนเองอีกครั้ง
“ถ้าคุณคิดจะใช้วิธีหัวหมอแบบนี้ละก็ ฉันคงต้องบอกคุณว่าซอรี่นะคะ เราสองคนไม่มีสัญญาซื้อขายใด ๆ ต่อกันแม้แต่แผ่นเดียวค่ะ อ๊ะ ๆ จะบอกว่าสัญญาออนไลน์ก็ไม่มีนะคะ ไอ้แบงก์พันหนึ่งใบกับนาฬิกาเรือนนั้นน่ะฉันแค่วางลืมไว้ค่ะ... เอ คิดว่าทิชชูที่ฉันเขียนโน้ตให้คงอยู่ในถังขยะที่ไหนสักที่แล้วหรือเปล่านะ แบบนี้คุณจะเหลือหลักฐานในการซื้อขายเหรอคะ คุณสามีขา~”
น้ำเสียงยียวนกวนประสาทของคุณหนูคนสวยตรงหน้ายิ่งทำให้บัลลังก์รู้สึกปวดขมับอย่างรุนแรง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่หญิงสาวว่า ทันทีที่อ่านโน้ตจบเขาก็โยนทิชชูนั่นทิ้งลงถังขยะในห้องวีวีไอพีนั่นเรียบร้อยแล้ว หรือต่อให้เก็บไว้ ลิปที่เธอใช้เขียนก็คงจะละลายจนเลอะไปหมด ใช้เป็นหลักฐานอะไรไม่ได้อย่างแน่นอน
ฉลาดไม่เบาเลยนี่…
“ว่าไงคะ ถ้าไม่มีหลักฐานก็ตกลงมาเป็นคนรักกำมะลอของฉันเพื่อรับผิดชอบลูกในท้องได้แล้วค่ะ” หม่อนไหมเร่งเร้า แวบหนึ่งบัลลังก์เห็นประกายความหวังในดวงตากลมสีดำขลับคู่นั้น
ชายหนุ่มรักษาสีหน้าให้ยังคงเป็นเจ้าชายน้ำแข็งไม่มีเปลี่ยน ทั้งที่ภายในหัวใจกำลังลิงโลดด้วยความดีใจที่ไม่ต้องดิ้นรนหาผู้หญิงคนไหนมาควงแก้ขัดให้คุณหญิงย่าต้องถามเร่งเร้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเขาและเธอคงไม่ต่างกัน…
“นิ่งไปเลย นี่คุณเข้าใจคำว่ากำมะลอไหมคะ กำมะลอก็คือปลอม ๆ หลอก ๆ น่ะค่ะ เอ๊ะ ข้อมูลที่ฉันหาได้คุณก็อายุตั้งสามสิบสองปีนี่คะ น่าจะเข้าใจความหมายของคำว่ากำมะลอสิ" หม่อนไหมลุกขึ้นเดินเข้าไปหาคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานไม่ไหวติง
“ผมไม่รับข้อเสนอของคุณหรอก ไม่คือไม่ วันนั้นคุณซื้อผมไปแล้ว” บัลลังก์แกล้งปฏิเสธเพื่อดูลูกตื๊อ เขาอยากจะรู้จริง ๆ ว่าคุณหนูจอมจิกกัดคนนี้จะใช้ลูกไม้ไหนเกลี้ยกล่อมเขาอีก
“นี่คุณจะกวนประสาทฉันไปถึงไหนคะ ถ้าจะยึดติดกับคำว่าซื้อขนาดนั้น คุณซื้อฉันคืนเลยไหมล่ะ” หม่อนไหมพลั้งปากพูดออกไปด้วยความโมโหไม่ทันคิด แต่กว่าจะรู้ตัวว่าคำว่าซื้อคืนที่พูดออกไปนั้นมันล่อแหลมเพียงใด เธอก็ยกมือขึ้นมาปิดปากไม่ทันเสียแล้ว
บัลลังก์ลุกจากเก้าอี้ ก้าวเท้าเข้าไปยืนชิดหญิงสาวที่ถอยกรูดจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ! ถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไอ้คนบ้า คน… คนผีทะเล!”
“คำด่าเดิม ๆ ทั้งนั้น… ผมคิดว่าคุณจะรักษามาดคุณหนูเอาไว้ได้นานกว่านี้ซะอีก เป็นภรรยาแต่ด่าสามีแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย" เจ้าชายน้ำแข็งโน้มใบหน้าลงไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาหม่อนไหมหลับตาปี๋ คิดว่าหลังจากนี้จะต้องเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
เขาอาจจะจูบเธอ แล้วก็ถอดชุดออก เราสองคนอาจจะต้องไปจบอยู่ที่โซฟา ร่วมรักกันอย่างบ้าคลั่งในห้องทำงาน เหมือนคืนนั้นที่อำนาจสุราอยู่เหนือสติสัมปัชชัญญะ… เมื่อคิดถึงเรื่องใต้สะดือแบบนี้หม่อนไหมก็แก้มแดงแจ๋ ยืนบิดขาไปมาด้วยความรู้สึกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นบริเวณท้องน้อย
“หลับตาทำไม แล้วนั่นเป็นอะไร ยืนบิดอยู่ได้ ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็ออกไปเข้าด้านนอก" บัลลังก์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่ได้มีทีท่าที่จะเข้ามาทำมิดีมิร้ายกับร่างกายเธออย่างที่เจ้าตัวคิด
“ฉันไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำ! นี่คุณ เลิกเล่นลิ้นได้แล้ว คุณตอบตกลงมาสักที แค่รับผิดชอบลูกในท้องด้วยการไปหาครอบครัวฉันน่ะมันไม่ได้ยากเลยนะ!”
เมื่อเห็นว่าคุณหนูขี้วีนเริ่มจะอารมณ์ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ บัลลังก์ก็ได้เวลาเลิกแกล้ง เขายืนล้วงกระเป๋า หันหน้าออกไปมองทิวทัศน์ของมหานครใหญ่ แล้วให้คำตอบโดยไม่มองหญิงสาวที่ยืนร่วมอยู่ในห้อง
“ได้ ผมยินดีรับข้อตกลงที่จะเป็นคนรักกำมะลอให้กับคุณ เพราะผมเห็นแก่ลูกในท้องหรอกนะ จะเป็นลูกที่มีอยู่จริงหรือเปล่า ผมไม่สน เอาเป็นว่าผมตกลงก็แล้วกัน” เขาใช้คำพูดที่ทำให้ตนเองดูเป็นคนดี เหมือนว่ายอมทำทุกสิ่งทุกอย่างได้เพื่อลูกในท้องที่หม่อนไหมเอามาอ้าง
ที่หันออกไปมองวิวข้างนอกก็เพราะอยากซ่อนสายตาแห่งความยินดีและรอยยิ้มแห่งความโล่งอก เพราะถ้าเป็นแบบไปตามข้อตกลงที่เธอเรียกร้องจริงก็เท่ากับว่าเขาได้ผู้หญิงที่จะเล่นละครตบตาคุณหญิงย่าว่ามีว่าที่หลานสะใภ้แล้วได้อย่างสมบูรณ์
แรงกระโดดกอดจากคุณหนูตระกูลใหญ่ทำเอาบัลลังก์ตกใจจนทำตัวไม่ถูก วงแขนของเขาโอบรัดร่างนั้นเอาไว้ด้วยความเผลอไผล ไม่คิดว่าเธอจะวิ่งเข้ามากอดแบบนี้
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่รักขา~ว่าแต่ว่า เราจะเริ่มแสดงละครเป็นคู่รักหวานแหววกันเมื่อไหร่ดีคะ หรือว่าเราจะมาเขียนบทกันก่อนดีคะ" หม่อนไหมผละกอดออก จีบปากจีบคอถาม
“บทน่ะไม่จำเป็นหรอก ดูแล้วพื้นฐานคุณก็ดูเป็นคนเสแสร้งแสดงเก่งอยู่แล้วนี่” บัลลังก์พูดแซะเบา ๆ จนคนฟังเตรียมจะง้างปากสวนกลับ แต่ก็เป็นอันต้องเงียบลงเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “ผมว่าเรามาทำสัญญาการเป็นคู่รักกำมะลอกันดีกว่าครับ คุณภรรยา”