หากพูดถึงเรื่องสถานบันเทิงอันดับหนึ่งของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร นักท่องราตรีหลายคนก็คงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเป็น ‘เจด บาร์’ ด้วยตึกสูงสามชั้นมีพื้นที่ใช้สอยหลายตารางเมตร ครบครันไปด้วยสุราและบาร์เทนเดอร์ รวมถึงเสียงดนตรีดังกระหึ่มซึ่งถูกควบคุมโดยดีเจหน้าตาหล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์ของร้าน เป็นจุดขายอย่างดีที่ทำให้ใครต่อใครต่างอยากมาที่นี่สักครั้ง
เช่นเดียวกับเรือนกายเพรียวระหงในชุดแซกสีดำสนิทคู่กับรองเท้าส้นสูงปรี๊ดมีแบรนด์ที่เพิ่งถอยออกจากช็อป ใบหน้าขาวผ่องประดับด้วยรอยยิ้มเมื่อได้เห็นแสงสีละลานตาในบาร์ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุด มือบางถือโทรศัพท์ราคาแพงเอาไว้แนบหู โดยสายสนทนาเชื่อมต่ออยู่กับเพื่อนสนิท
“ขวัญ ตอนนี้หม่อนเดินเข้ามาถึงโซนด้านในแล้วนะ เสียงเพลงดังมากเลยอะ แทบไม่ได้ยินที่ขวัญพูดเลย ตอนนี้ขวัญอยู่ตรงไหนอ่า"
ริมฝีปากเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูระเรื่อร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อชนเข้ากับบริกรสาวที่ถือถาดเครื่องดื่มมาข้างหลัง
“อุ๊บส์! ซอรี่!”
(เราอยู่โซนด้านในสุดเลย… เมื่อกี้เดินชนใครเข้าน่ะยัยหม่อน โก๊ะเหมือนเดิมเลยนะ) เพื่อนซี้ที่ถือสายฟังอยู่หัวเราะเบา ๆ หม่อนไหมจึงรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงแง่งอน
“โธ่! โก๊ะที่ไหนกันล่ะขวัญ โอเค เดี๋ยวหม่อนรีบเดินเข้าไปหา ถ่ายรูปรอบ ๆ มาในแชตด้วย เผื่อเราหลงจะได้มองหาถูก"
หลังจากวางสายเรียบร้อยแล้ว เจ้าของเรือนร่างชวนมองก็พยายามเดินแทรกผู้คนเข้าไป ดวงตากลมสวยทอดมองป้ายไฟแอลอีดีตามทางแล้วพอจะเข้าใจว่าทำไมยิ่งเดินเข้าไปความแออัดของคนก็ยิ่งลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ นั่นเพราะที่นี่แบ่งโซนลูกค้าตามจำนวนหลักของตัวเลขที่ปรากฏในบิลยังไงล่ะ
“หม่อน! ทางนี้!” เสียงของหญิงสาวหน้าตาค่อนไปทางขรึมดุเรียกความสนใจของหม่อนไหมให้หันไปหา เมื่อพบเป้าหมายของตนแล้ว สองเท้าก็รีบวิ่งสับไปหาเพื่อนและนั่งลงร่วมโต๊ะ
“ขอโทษทีนะขวัญ ทั้งที่หม่อนเป็นคนชวนแท้ ๆ แต่ดันมาช้าซะได้ พอดีหม่อนลืมรองเท้าไว้ที่บ้านที่เดอรัมอะ ก็เลยแวะซื้อที่ดิวตี้ฟรีในสนามบิน… แล้วก็เผลอช็อปปิงเพลินเลย ขอโทษด้วยน้า" หม่อนไหมกะพริบตาปริบ ๆ เรียกความสงสารจากเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ขวัญชนกอยู่ในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีกรมท่า มัดผมสีน้ำตาลแดงเอาไว้อย่างลวก ๆ กลอกตาทีหนึ่งเมื่อได้ทราบเหตุผลของเพื่อน “คุณหนูหม่อนไหมสายช็อปเหมือนเคยเลยนะเนี่ย เห็นแก่ความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันมาสี่ปีเต็ม จะยกโทษครั้งนี้ให้แล้วกัน"
“ขวัญใจดีที่สุดในโลกเลย! ตอนหม่อนอยู่ที่เดอรัมนะ บอกตรง ๆ ว่าคิดถึงอาหารไทยมาก แถมอยากเที่ยวด้วย… ติดอย่างเดียว คนของหม่าม้าหม่อนตามประกบแจ แทบไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย" หม่อนไหมเล่าไปก็หน้ายู่ไป เธอเป็นลูกสาวแสนรักของเจ้าสัวโฆษิต เจ้าของธนาคารเอกชนขนาดยักษ์อย่างแอลพีเอสแบงก์และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างแอลพีเอส แกรนด์ พลาซ่า
การไปเรียนต่อคณะบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเดอรัมในอังกฤษ มีผลมาจากความสามารถของตัวหม่อนไหมเองล้วน ๆ ถึงเธอจะโก๊ะ แต่เวลาเรียนก็เป็นเด็กสาวที่ตั้งอกตั้งใจไม่เบา จึงจบการศึกษามัธยมในไทยด้วยเกรดเฉลี่ยที่ไร้รอยตำหนิ 4.00 เลยทีเดียว
แต่ถึงแม้จะตั้งใจเรียนมากแค่ไหน คนที่อยู่ในวัยสาวสะพรั่งก็รักที่จะท่องเที่ยวกลางคืนบ้างเพื่อเติมสีสันให้ชีวิต ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เจ้าสัวโฆษิตและภรรยาอย่างคุณหญิงดาริกาไม่ต้องการให้ลูกสาวทำมากที่สุด
เด็กดื้อเงียบอย่างหม่อนไหมจึงเลือกที่จะเที่ยวให้สาแก่ใจก่อนแล้วค่อยกลับบ้านไปเซอร์ไพรส์ว่ากลับถึงไทยแล้วในช่วงย่ำรุ่ง
“ไม่เที่ยวน่ะดีแล้ว เวลาเราแวะไปหาคุณน้าดาเราโดนถามตลอดว่าหม่อนได้โทรหาหรือเปล่า แอบไปนอกลู่นอกทางที่ไหนบ้างไหม อยากจะบอกเหลือเกินว่ายัยหม่อนแทบจะบวชชีอยู่ที่เดอรัมแล้วค่ะ" ขวัญชนกเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ หม่อนไหมที่ได้ยินแบบนั้นก็ระเบิดเสียงขำออกมาบ้าง
“หม่าม้าก็แบบนี้แหละ หวงหม่อนยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณขวัญมากเลยนะที่แวะไปหาหม่าม้าหม่อนไม่ให้เหงาอยู่ตลอด ๆ" คุณหนูคนสวยจับมือเพื่อนมาเขย่าเบา ๆ ก่อนจะเรียกให้บริกรหญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลมารับออเดอร์เครื่องดื่ม
หลังจากที่ขวัญชนกได้ยินรายการทั้งหมดแล้วก็แทบจะลมจับ “เดี๋ยวเถอะยัยหม่อน สั่งขนาดนั้นจะเอามาดื่มหรือเอามาอาบ… อย่าบอกนะว่าคืนนี้จะไม่กลับบ้านน่ะ"
“ก็หม่อนตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ที่บ้านว่ากลับไทยก่อนกำหนดไงล่ะ จริง ๆ แล้วกำหนดการที่เคยบอกไว้คือสัปดาห์หน้า ตอนนี้หม่อนสั่งคนของหม่าม้าให้เงียบเรื่องกลับไทยไว้แล้ว ขวัญเองก็ต้องเงียบด้วยนะ… คืนนี้หม่อนจะไปนอนโรงแรมที่จองไว้ พรุ่งนี้เช้าสร่างเมาแล้วค่อยกลับบ้าน"
เมื่อได้ฟังสิ่งที่เพื่อนสาวร่ายยาวออกมาก็ชักจะอยากหายาดมมาอุดจมูกตัวเอง “ให้ตาย… ถ้าน้าดารู้ว่าเรารู้เห็นเรื่องที่หม่อนแอบมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้ เราโดนดุยาว ๆ ไปสามเดือนแน่ ๆ … แล้วนี่พี่มาร์ชรู้เรื่องนี้หรือเปล่าเนี่ย”
ขวัญชนกนึกถึงความหวังสุดท้ายที่พอจะปราบคนดื้ออย่างหม่อนไหมให้อยู่หมัดได้ขึ้นมา คุณหนูหม่อนไหมยกนิ้วชี้ทั้งสองข้างขึ้นไขว้กันเป็นกากบาท
“เสียใจด้วย พี่มาร์ชติดงานบริษัท หม่อนก็เลยเก็บไว้เซอร์ไพรส์ด้วย ทีนี้จะไม่มีใครมาขวางหม่อนกับขวัญได้แล้ว มาดื่มให้สุดเหวี่ยงกันเถอะ" หม่อนไหมที่เก็บกดมานานคว้าเอาแก้วแชมเปญตัวท็อปที่สุดของบาร์มาดื่ม เสียงเพลงโปรดที่เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้เธอนั่งไม่ติดโซฟา ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ปล่อยใจไปกับการหาความสุขให้ตัวเองแบบนี้
เพราะใบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในกระเป๋าเดินทางนั่นแหละ เป็นเหมือนโซ่ล่ามความสนุกสุดเหวี่ยงเอาไว้ กว่าจะได้มาก็เหนื่อยเต็มกลืนอยู่เหมือนกัน…