ครืด…
.
.
ธารน้ำ : น้ำไม่ไปบ้านเฮียแล้วนะ น้ำจะกลับบ้าน พอได้แวะมากินอะไรอร่อย ๆ ก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว
: ส่งรูป
.
.
ภาพใบหน้าสวยของน้องสาวกำลังฉีกยิ้มพร้อมกับถือแก้วกาแฟที่มีชื่อร้าน Le Rêve Café ติดอยู่ข้างแก้วปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ เพลิงศูรย์มองอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันกลับมาเช็ดขนเจ้าฮาโกต่อ
ครู่ต่อมาประตูบ้านเปิดออก ลมเหนือกลับมาแล้ว เขาชะงักเท้าที่กำลังจะเดินขึ้นบันได เปลี่ยนทิศทางเดินเข้ามาในห้องรับแขก และหยุดยืนไม่ไกลจากเจ้าของบ้าน
“มึง กูถามไรหน่อย”
“ไม่ว่าง”
“โอ้โห ไม่ว่างเหี้ยไรของมึงวะไอ้เพลิง กูไม่เห็นวัน ๆ มึงทำเหี้ยไรเลยนอกจากให้อาหารบรรดาลูกรักในกรงของมึงกับนั่งเช็ดขนไอ้นกโง่นี่อ่ะ”
เพลิงศูรย์ตวัดสายตาเย็นชาขึ้นมองคนที่บังอาจเรียกลูกรักเขาว่านกโง่ ฮาโกก็ขยับหัวมองลมเหนืออย่างแสนรู้เช่นกัน
‘Fool! Fool!’ (คนโง่! คนโง่)
อึก… เขาโดนอีนกปากแจ๋วนี่ยอกย้อนอีกแล้ว
จับแม่งทำต้มยำนกซะเลยดีไหม!
เพราะเห็นลมเหนือทำสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อใส่ลูกชายสุดที่รัก เพลิงศูรย์จึงอุ้มฮาโกขึ้นมาวางบนตัก ก่อนส่งสายตาเย็นเหยียบประหนึ่งเตือนว่า ‘อย่าสะเออะมาแตะต้องลูกชายกูแม้แต่ปลายเล็บ’
“มึงมีเหี้ยไรก็พูดมา กูไม่ว่างเสียเวลากับมึงนักหรอกนะ”
ลมเหนือดุนกระพุ้งแก้มท่าทีกวนประสาท พลางหรี่สายตาจับผิดมองคนตรงหน้า
“มึงรู้จักดารากาป่ะ?”
เพลิงศูรย์ชะงักกึก มือที่กำลังลูบขนเจ้าฮาโกนิ่งค้าง ปฏิกิริยาผิดปกติของเขาตกอยู่ในสายตาของลมเหนือ
พิรุธ! ไอ้เวรนี่มีพิรุธชัด ๆ!
“ว่าไง มึงรู้จัก…”
“ไม่รู้จัก” ไม่ต้องรอให้โดนถามซ้ำ เพลิงศูรย์ตอบกลับน้ำเสียงเย็นทันที ท่าทางติดขัดเมื่อครู่หายไปแล้ว
“ตอแหล กูรู้กูเรียนมา มึงอย่ามาตอแหลกูนะไอ้เพลิง มึงมีพิรุธชัด ๆ อ่ะ สรุปมึงรู้จักเขาใช่ป่ะ?” ลมเหนือไม่ยอมปล่อยผ่านง่าย ๆ เพลิงศูรย์ตวัดสายตาขึ้นมอง สีหน้าไร้อารมณ์สุด ๆ
“อย่าเอาสันดานขี้สงสัยมาใช้กับกู กูไม่ใช่เป้าหมายของมึงนะไอ้ลม”
คำพูดแฝงความนัยบางอย่างบวกกับแววตาเย็นชาสุดขั้วหัวใจทำเอาเจ้าของใบหน้าทะเล้นขี้เล่นแปรเปลี่ยนไปทันที จากใบหน้ากวนประสาท ตอนนี้เหลือเพียงรอยยิ้มมุมปากกับสายตาอำมหิตประชันกับความเย็นชาของเพลิงศูรย์
“ฉลาดให้มันน้อย ๆ หน่อย เคยได้ยินไหม? คนฉลาดไม่ถูกที่มักไม่ตายดี”
เพลิงศูรย์หรี่ตามองตอบสายตาอำมหิตของเพื่อนตัวเองก่อนจะเลิกคิ้วถาม
“ทำไม มึงจะสั่งเก็บกู?”
คำพูดของเพลิงศูรย์ทำให้ลมเหนือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกลับมาทำหน้าบึ้งตึงกวนประสาทตามเดิม
“แล้วทำไมกูต้องสั่งเก็บมึง เพ้อเจ้อ” ลมเหนือไหวไหล่ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “จะว่าไปวันนี้กูเจอเด็กหน้าคล้ายมึงด้วย ราว ๆ ห้าขวบได้มั้ง”
“เด็ก?”
“เออ ที่ร้านกาแฟนั่นแหละ ไอ้พุธก็บอกว่าคุ้น ๆ นึกอยู่นานก็คิดว่าคล้ายมึงนี่เอง”
“จะมาคล้ายกูได้ไง”
“จะไปรู้ไหมล่ะ กูแค่บอกเล่าเฉย ๆ เห็นแล้วนึกถึงมึงเมื่อตอนเป็นเด็กกระโปก”
“ส้นตีน!”
“ฮา ๆ ก็แค่หน้าคล้ายล่ะมั้ง มึงไม่ได้ไปไข่ที่ไหนไว้จริง ๆ ใช่ไหม? ไม่ใช่จู่ ๆ เฉลยว่าเป็นลูกมึงนี่มีช็อกนะกูบอกเลย”
“ไร้สาระ” เพลิงศูรย์กลอกตาอย่างรำคาญ แต่เขาเองก็ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในหัว ก่อนจะหันไปถามลมเหนือ “ว่าแต่มึงถามเรื่องดารากาทำไม? เจอที่ร้านนั่นเหรอ?”
“เออ”
“สนใจ?”
“ก็..เปล๊า ไม่ได้สนใจสักหน่อย”
“แล้วถามทำห่าอะไร”
“เออ ๆ กูไม่ถามแล้วก็ได้ ฮ้าว ง่วงฉิบหาย ไปนอนดีกว่า” ลมเหนือแสร้งปิดปากหาวได้ปลอมมากแล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไป เพลิงศูรย์มองตามหลัง มุมปากกระตุกขึ้นจาง ๆ ก่อนจะหายไปกลายเป็นความเย็นชา
ดารากา… ชื่อนี้ทำไมเขาจะไม่รู้จักล่ะ ในเมื่อเธอคือพี่สาวสุดที่รักของผู้หญิงคนนั้น
ในอดีตเพลิงศูรย์เคยเจอดารากาอยู่สองสามครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งทั้งคู่ไม่เคยพูดคุยกันสักคำ ต่างคนต่างเพียงแค่เหลือบมองหน้ากัน ไม่มีแม้แต่คำทักทายด้วยซ้ำ เพราะงั้นก็ไม่ถือว่าเป็นคนรู้จัก เขาไม่ได้โกหกลมเหนือ
ว่าแต่ทำไมจู่ ๆ ไอ้เวรนั่นถามถึงดารากาขึ้นมาล่ะ? แล้วเธอไปทำอะไรที่ร้านกาแฟนั่น? ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่แถวนี้นี่นา
.
.
.
Rrr…
“…”
[มึงนี่มันไม่เปลี่ยนเลย รับสายแล้วเงียบ ถ้าไม่รู้จักมึงมานานกูคงคิดว่าสายหลุดไปแล้ว] ปลายสายบ่นอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เออ มึงมีไร งานมีปัญหาหรือไง”
[ไม่มี งานมึงเคยมีปัญหาเหรอวะ กูแค่จะโทรมาถามย้ำอีกรอบ สรุปมึงจะไม่ให้กูใส่ชื่อมึงในเครดิตจริงดิ รายการนี้มึงมีส่วนช่วยกูเยอะเลยนะไอ้เพลิง กูรู้สึกไม่ดีว่ะ เหมือนเอาเปรียบมึงอยู่]
ณภัทรเป็นเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยของเพลิงศูรย์ ทั้งคู่เรียนด้านกำกับมาด้วยกัน ปัจจุบันณภัทรกลายเป็นผู้กำกับรายการสารคดีชื่อดังของเมืองไทยไปแล้ว และรายการล่าสุดของเขาก็ได้เพลิงศูรย์ช่วยเหลือเอาไว้มาก
“เอาเปรียบห่าอะไร กูก็แค่ช่วยมึงนิดหน่อย อีกอย่างกูรำคาญเตี่ย ถ้าเตี่ยรู้ว่ามีชื่อกูอยู่ในเครดิตรายการมึง คงได้บุกมาแหกอกกูยันบ้านแน่” เขาพูดเรื่องจริง หากพ่อของเขารู้ว่าลูกชายตัวเองไปมีชื่อโผล่อยู่กับบริษัทอื่น มีหวังฟาดงวงฟาดงาไม่หยุดแน่ พ่อปากเปียกปากแฉะกับเขามาหลายปี ทั้งอ้อนวอน ทั้งข่มขู่ ทำสารพัดวิธีเพื่อหวังให้เขารับช่วงต่อบริษัททำหนัง แต่เขาก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมทำตามสักที
มือหนาที่กำลังจัดการกับเครื่องชงกาแฟชะงัก เขาเปิดสปีกเกอร์โฟนแล้ววางโทรศัพท์บนโต๊ะ เปิดตู้หาเมล็ดกาแฟแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ยืนนึกไปนึกมาถึงจำได้ว่ามันหมด และเขาลืมสั่งซื้อไปซะสนิท เพราะช่วงนี้ในบ้านมีแต่เรื่องวุ่นวายทำให้ลืมเรื่องสำคัญไปจนได้
“แค่นี้ก่อนนะไอ้ภัทร” เพลิงศูรย์กดตัดสายณภัทรแล้วเปิดแอพพิเคชั่นหนึ่งขึ้นมา กว่าเมล็ดกาแฟที่สั่งจะมาส่งคงใช้เวลาอีกหลายวัน ระหว่างนี้เขาคงต้องพึ่งพาเดลิเวอรี่ไปก่อน ปกติเพลิงศูรย์เป็นคนเลือกดื่มกาแฟมาก ๆ แต่มีอยู่ร้านหนึ่งที่เขาถูกบังคับให้ลองดื่มแล้วดันรู้สึกถูกปากถูกคอ ถือว่าพอดื่มแก้ขัดระหว่างรอไปก่อนได้
ดวงตาคมจับจ้องบนหน้าจอแอพพิเคชั่นเดลิเวอรี่ซึ่งปรากฏชื่อร้านที่เขาเพิ่งไปมาเมื่อวันก่อน
Le Rêve Café