EP.09 #เพื่อนสนิท

1103 Words
ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในบริเวณรั้วบ้าน สีหน้ายุ่งเหยิงคลายออกเล็กน้อย ดื่มด่ำบรรยากาศร่มรื่นเพลินตาแฝงกลิ่นอายธรรมชาติซึ่งแตกต่างจากสถานการณ์รถติดแสนนรกแตกด้านนอกราวกับคนละโลกก็ไม่ปาน “อ้าว ไอ้พุธ” “หวัดดีเฮียลม” พุธหยุดชะงักฝีเท้าหันทักทายชายอีกคนที่กำลังเดินสวนออกมาจากตัวบ้าน เขาคือ ‘ลมเหนือ’ ญาติของเจ้าของบ้านหลังนี้ พุธไม่ได้สนิทกับลมเหนือเป็นพิเศษ แต่ก็พอคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง เพราะสมัยมัธยมเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตอนนั้นลมเหนือเฮ้วมาก ทั้งที่เป็นญาติสนิทกับเพลิงศูรย์แท้ ๆ แต่นิสัยกลับต่างกันสุดขั้ว ใครจะคิดล่ะว่าคนมาดนิ่งเย็นชาอย่างเฮียเพลิงจะมีญาติเป็นนักเลงหัวไม้ต่อยตีคนเขาไปทั่วแบบนี้ พุธลอบมองผู้ชายตรงหน้าอย่างระแวดระวังเล็กน้อย รู้สึกแปลกหูแปลกตาตั้งแต่เจอกันเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ภาพลักษณ์ลมเหนือในความทรงจำของเขาก็คือเด็กหนุ่มเลือดร้อนหัวโปกนักเลงโต หน้าตาหาเรื่องตลอดเวลา ทว่าภาพลักษณ์ในปัจจุบันกลับทำเขาอึ้งจนพูดไม่ออก หนุ่มเนิร์ดใส่แว่นมาดติ๋มตรงหน้าเขาคนนี้คือใครกัน?? “ไอ้เพลิงเรียกมารับใช้อีกล่ะสิ” “วันนี้เฮียเพลิงจะกลับบ้านใหญ่ ผมเลยแวะมารับ รายนั้นถ้าไม่บังคับก็คงไม่ยอมไปง่าย ๆ อ่ะ” “ดูจากที่มันชิลมากถึงขนาดนั่งให้อาหารและพูดคุยกับเหี้ยแล้ว ก็คงจะเป็นงั้นนะ” ลมเหนือยักไหล่ พยักพเยิดหน้าไปทางสวนข้างบ้าน ตรงนั้นเป็นโซนกรงสัตว์โลกแสนรักของเพลิงศูรย์ “เฮียหมายถึงอีกัวน่าหรือเปล่า?” ไม่ใช่เหี้ยแน่ ๆ อ่ะ เฮียเพลิงไม่ได้เลี้ยงเหี้ยสักหน่อย “เออ มันก็เหมือน ๆ กันแหละ ไม่คุยแล้ว เดี๋ยวสาย” พูดจบลมเหนือก็เดินผ่านไป พุธมองเขาออกจากประตูรั้วบ้าน ก่อนดึงสายตากลับมามองไปทางสวนบ้านอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนพุธเดินมาถึงโซนกรงสัตว์เลี้ยงแสนรักของเจ้าของบ้าน ทันได้เห็นคนที่เขาตั้งใจมาหากำลังนั่งไขว่ห้างท่าทางผ่อนคลาย บนตักมีสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดกำลังนอนหลับอย่างแสนเชื่องราวกับแมวน้อยก็ไม่ปาน “ฮะ เฮีย ผมมารับไปบ้านใหญ่ เตรียมตัวยัง?” เขาตะโกนพูดอยู่นอกเขตแดน ไม่กล้าแม้แต่จะย่างก้าวเข้าไป เพราะนอกจากในโซนนั้นจะมีกรงอีกัวน่าแล้ว ยังมีกรงสัตว์เลื้อยคลานอีกหลายหลายประเภทซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ… งู “ยังไม่ถึงเวลานัด รีบเพื่อ?” น้ำเสียงเย็นชาดังเอื่อย ๆ ขณะใช้ปลายนิ้วลูบไปตามผิวหนังหยาบแข็งของสัตว์เลี้ยงแสนรักบนตัก “ก็… ก็วันก่อนเฮียบอกจะไปโชว์รูมรถไม่ใช่เหรอ ผมตั้งใจจะพาไปวันนี้เลยไง ไหน ๆ ก็ว่างเข้ามารับเฮียแล้ว จะได้ไม่เสียเที่ยว” พุธพูดตะกุกตะกัก “อีกอย่างเดี๋ยวผมมีออกกองต่างจังหวัด จะไม่อยู่กรุงเทพฯ อาทิตย์หนึ่งด้วย ถ้าเฮียมีรถเร็ว ๆ จะได้ขับไปไหนมาไหนเองสะดวกไม่ต้องรอผมกลับมา” ดวงตาคมกริบเหลือบมองเล็กน้อย สองมืออุ้มลูกรักกลับเข้ากรงอย่างทะนุถนอมรักใคร่สุดชีวิต อีกัวน่าตัวขนาดครึ่งเมตรเปิดเปลือกตาขึ้นมอง มันจ้องพุธคล้ายก่นด่าที่บังอาจมาทำลายความสงบสุขระหว่างตนเองกับเจ้าของสุดที่รัก ทำเอาคนโดนจ้องลอบกลืนน้ำลายดังเอื้อก เขาโดนอีกัวน่าหมายหัว! “ไปรอที่รถ อีกห้านาทีกูออกไป” สั่งจบ ร่างสูงก็เดินกลับเข้าบ้านไป พุธรีบกระวีกระวาดพาตัวเองออกมาจากโซนอันตรายตรงนั้น วิ่งแจ้นออกมานอกรั้วบ้านแล้วพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถอย่างสงบเสงี่ยม มาบ้านเพลิงศูรย์ทีไรเขาต้องอกสั่นขวัญหายราวกับไปรบ! โคตรน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ! . . . ณ โชว์รูมรถสปอร์ตชื่อดังอันดับต้น ๆ ของประเทศ ปรากฏร่างชายหนุ่มสองคนกำลังยืนพูดคุยกันอยู่บนออฟฟิศชั้นสอง คนหนึ่งนั่งไขว่ห้างท่าทางสบาย ๆ ขณะอีกคนกำลังเดินวนไปวนมาท่าทางหัวเสีย “มึงหายหัวเข้าป่าไปห้าหกปี เพื่อนฝูงไม่เคยเห็นหน้า ติดต่อกันก็แทบไม่ได้ ไอ้กูก็หลงดีใจคิดว่ามึงติดต่อมาเพราะคิดถึงกัน มึงบอกอยากได้รถ เออกูก็สรรหารถสปอร์ตรุ่นใหม่ ๆ ทั้งหรู ทั้งแพง ทั้งเหมาะกับคุณชายอย่างมึงมาให้ กูขนมาให้มึงเลือกจนแทบจะล้นโกดัง!” เขาชี้ลงไปชั้นล่าง รถสปอร์ตคันหรูจอดเรียงรายไม่ต่ำกว่าสิบคัน “แต่เมื่อกี้มึงบอกกูว่าอะไรนะ?” เพลิงศูรย์นั่งกอดอก ปรายสายตาเย็นชาจับจ้องอดีตเพื่อนสนิท “กูจะเอา Mercedes-Benz G63 มีหรือไม่มี?” คิรินถึงกับกุมขมับ เขาควรชินกับนิสัยแปลก ๆ ของเพื่อนคนนี้แล้ว แต่ก็ไม่เคยชินกับมันสักที เมื่อก่อนมันก็บ้ารถบิ๊กไบค์ ไม่เคยชายตาแลพวกซูเปอร์คาร์แม้แต่หางตา ไม่คิดว่าสันดานจะยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เออก็เปลี่ยนแหละ… เปลี่ยนจากบ้าบิ๊กไบค์เป็นรถ SUV แทน! “ไอ้มีน่ะมันมี แต่รุ่นนี้มันลิมิเต็ดมาก” คิรินหยุดพูด ถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “กูรู้ว่ามึงไม่เกี่ยงเรื่องราคา ขอเวลาสามวันแล้วกูจะไปส่งให้ถึงบ้าน” “ได้” เพลิงศูรย์ลุกขึ้นยืนเมื่อเสร็จธุระ เขาทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่ถูกเรียกรั้งเอาไว้ “เดี๋ยวไอ้เพลิง” คิรินหันกลับมามองเพื่อนสนิท แววตาติดประหม่าเล็กน้อย “ตั้งแต่มึงกลับมาไทยได้ติดต่อใครนอกจากกูหรือยัง?” “ถามทำไม” ดวงตาคมเลื่อนมอง สีหน้าเย็นชายากจะคาดเดาอารมณ์ “เออน่า ถามก็ตอบดิ จะถามกูกลับเพื่อ?” “ยัง” เขาตอบกลับสั้น ๆ “งั้นมึงก็ยังไม่รู้เรื่องยัยนั่นสินะ” คำว่า ‘ยัยนั่น’ เรียกเรียวคิ้วเข้มขมวดหน่อย ๆ ชีวิตสมัยเรียนของเพลิงศูรย์ เขาเคยพัวพันกับผู้หญิงอยู่แค่สองคน คนแรกคือ หยาดฟ้า เพื่อนผู้หญิงที่เคยสนิทกัน ส่วนคนที่สองก็คือ… นับฝัน ยัยนั่นที่คิรินพูดถึง… หมายถึงคนไหนกันล่ะ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD