EP.10 #เพียงหนึ่งเดียว

1131 Words
‘ผู้หญิงคนนั้นกลับมาไทยแล้วนะ กูหมายถึงนับฝัน’ “เฮีย…” “…” “เฮียเพลิง!” “อะไร” เพลิงศูรย์เหลือบสายตาเย็นชามองคนขับรถ พุธกลอกตาใส่ ตั้งแต่ออกจากโชว์รูมมาเพลิงศูรย์เอาแต่นั่งเงียบผิดปกติ ถึงปกติจะเงียบอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่ถึงขั้นใจลอยจนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินแบบนี้ “ถึงบ้านแล้วเฮีย วันนี้เฮียเป็นไรป่ะเนี่ย ใจลอยตั้งแต่ที่บ้านใหญ่แล้ว ลุงเกือบอาละวาดบ้านแตกแน่ะ” เพลิงศูรย์เปิดประตูลงรถ ไม่พูดจา เดินเข้าประตูรั้ว พุธรีบลงจากรถ ตะโกนเรียกตามหลัง “เดี๋ยวดิเฮีย! แล้วตกลงเรื่องเข้าบริษัทเฮียจะเอาไง คราวนี้ลุงจริงจังมากเลยนะ ถ้าเฮียยังบ่ายเบี่ยงอีก ผมว่าลุงตามมาอาละวาดถึงบ้านแน่ ๆ” ร่างสูงหยุดเดินหันกลับมา สีหน้าเย็นชาจนคนมองรู้สึกขนหัวลุก วันนี้เฮียเพลิงอารมณ์โคตรแปรปรวน วัยทองเหรอวะ! “กูบอกแล้วว่าไม่สนเรื่องกำกับหนังหรือละครห่าเหวอะไรนั่น กูจะทำแค่สารคดีเท่านั้น ถ้ายังพูดเรื่องนี้อีกก็ไม่ต้องเสนอหน้ามาบ้านกู” ปึง ประตูรั้วถูกปิดกระแทกตามแรงอารมณ์ของร่างสูง เขาก้าวเท้าฉับ ๆ เปิดประตูบ้าน เดินขึ้นบันได เข้าห้อง และปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้องนับตั้งแต่นั้น จนกระทั่งดึกดื่น บ้านทั้งหลังมืดสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ แม้แต่ไฟในห้องนอนของเจ้าของบ้านก็ยังไร้แสงสว่าง …เหมือนกับใจเขาในยามนี้ แสงไฟจากหน้าจอแลปท็อปเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ส่องสว่างภายในห้อง บนหน้าจอค้างอยู่ที่หน้าเว็บไซต์ Instagram มาหลายชั่วโมงแล้ว มีหลายครั้งที่ปลายนิ้วขยับพิมพ์อีเมลเพื่อจะล็อกอิน แต่ก็ผละออกทุกครั้งไป ‘ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ามึงไม่รู้สินะ จริงสิ มึงไม่ได้เล่นไอจีนี่หว่า’ ใช่… เพลิงศูรย์ไม่เล่นโซเชี่ยลใด ๆ เลยมาเกือบหกปีเต็มแล้ว โทรศัพท์ของเขามีไว้แค่โทรออกกับรับสายเท่านั้น เขามี WhatsApp เพราะต้องใช้ติดต่อกับพรรคพวกทางฝั่งแอฟริกา และล่าสุดก็เพิ่งติดตั้ง WeChat ตอนกลับถึงไทยเพื่อใช้ติดต่อเพื่อนที่จีน ส่วนแอพพิเคชั่นอื่น ๆ เขาไม่ได้เล่นเลย จึงไม่เคยรับรู้ข่าวสารใด ๆ จากคนรอบข้าง รวมกระทั่งเรื่องของผู้หญิงคนนั้นด้วย… ‘จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก’ น้ำเสียงคุ้นเคยดังเข้ามาในความคิด มือหนากำหมัดแน่นก่อนปิดฝาแลปท็อปลง แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในห้องดับวูบ ความมืดมิดเข้ามาแทนที่ ปิดบังสีหน้าเย็นชาและแววตาว่างเปล่าของร่างสูง ความสับสนก่อนหน้าถูกทำลาย แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเหยียบในดวงตาคม รอยยิ้มหยันผุดขึ้นมุมปากหนา เขาปัดความคิดเกี่ยวกับเธอคนนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไป . . . “ทำอะไรกันอยู่จ๊ะเด็ก ๆ” เสียงหวานดังขึ้นจากหน้าประตูห้องเรียกสายตาทั้งสองคู่หันมอง รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อย “เอยเอยกำลังอ่านนิทานอยู่ค่ะหม่าม้า คุณยายให้เป็นของขวัญกับเอยเอยด้วยค่ะ” นับฝันนั่งลงด้านข้างเจ้าเอย ลูกสาวของเธอคนนี้ชอบอ่านหนังสือมาก ตั้งแต่เริ่มหัดอ่านออกเขียนได้เจ้าเอยก็สนใจหนังสือมาตลอด โดยเฉพาะหนังสือนิทาน หนังสือที่เจ้าเอยอ่านอยู่เป็นหนังสือนิทานฉบับภาษาอังกฤษ และยังมีนิทานฉบับภาษาฝรั่งเศสวางอยู่ตรงหน้าอีกสองสามเล่ม ตอนนี้เจ้าเอยอ่านออกเขียนได้แค่สองภาษา และกำลังฝึกเรียนภาษาไทยกับจีนอยู่ ซึ่งเจ้าเอยเป็นคนขอเรียนเอง นับฝันไม่ได้บังคับลูกแต่อย่างใด ล้วนเป็นความต้องการของเจ้าเอยเองทั้งสิ้น พูดไปใครจะเชื่อว่าเด็กคนนี้อายุเพียงห้าขวบเท่านั้น “เอยเอยชอบหนังสือมากเลยเหรอ” “อื้อ! เอยเอยชอบนิทาน เอยเอยอยากเป็นนักแต่งนิทานค่ะ!” นี่เป็นความฝันที่เด็กหญิงตั้งมั่นหลังจากเริ่มอ่านนิทานเรื่องแรกออก “ขุนขุนก็จะเป็นนักแข่งโดรนฮะ!” และนี่ก็เป็นความฝันของเจ้าขุน เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าจากอุปกรณ์หน้าตาแปลก ๆ บนโต๊ะตัวเล็ก นับฝันอดขมวดคิ้วมองของเหล่านั้นบนโต๊ะลูกชายไม่ได้ หากบอกว่าเจ้าเอยเป็นพวกหนอนหนังสือ สำหรับเจ้าขุนนั้นก็คงจะเป็น… นักประดิษฐ์ตัวน้อยล่ะมั้ง เจ้าขุนเป็นเด็กที่ชื่นชอบของเล่นไฮเทคมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์บังคับ รถบังคับ หรือของเล่นอะไรก็ตามที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยเทคโนโลยี เด็กคนนี้ชอบทั้งหมด และที่หลงใหลคลั่งไคล้แบบสุด ๆ ก็คือ… โดรนบังคับ ไม่ใช่เพียงแค่ชอบเล่นแต่ยังชอบงัดแงะอีกด้วย นับฝันมองลูกแฝดทั้งสองคนสลับกันไปมา ไม่รู้ว่าเด็กคนอื่นเป็นเหมือนลูกเธอกันไหม และเธอก็ไม่สนใจด้วยว่าลูกคนอื่นจะเป็นยังไง หรือว่าลูกของเธอจะแตกต่างจากเด็กคนอื่นหรือไม่ เธอสนใจแค่เพียงว่าไม่ว่าลูก ๆ จะชอบหรือต้องการอะไร เธอก็พร้อมจะสนับสนุนลูก ๆ เสมอ และเธอก็ทำมันได้ดีมาตลอดเวลาห้าปี อย่างที่เฮียเคยบอก… เธอทำมันได้ดีแล้ว “หม่าม้าเป็นอะไรเหรอคะ?” เจ้าเอยเอียงคอถาม ดวงตากลมโตฉายความสงสัย เจ้าขุนวิ่งเข้ามาหา หย่อนก้นลงด้านข้างผู้เป็นแม่อีกคน “หม่าม้าอย่าทำหน้าเศร้าสิฮะ ใครทำหม่าม้าขุนขุนจะจัดการให้หมอบไปเลย! ขุนขุนจะปกป้องหม่าม้าเองฮะ!” เด็กชายกำหมัดชูขึ้น สีหน้าเด็ดเดี่ยวจริงจังจนนับฝันหลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดู เธอคว้าเด็กทั้งสองเข้ามากอดคนละข้าง ซึมซับความรักความอบอุ่นด้วยหัวใจสุขสงบ “เอยเอยรักหม่าม้ามากที่สุดในโลก” “ขุนขุนก็รักหม่าม้ามากที่สุดในโลกเหมือนกันฮะ” “จ้า ๆ รู้แล้ว ม้าก็รักเอยเอยกับขุนขุนมากที่สุดในโลกเหมือนกัน รัก ๆ ๆ รักที่สุดเลย” พูดไปก็หอมแก้มเด็กทั้งสองสลับกันไป เสียงหัวเราะคิกคักชอบใจดังก้องไปทั่วทั้งห้อง นี่คือความสุขสงบเพียงหนึ่งเดียวที่เธอหวงแหนเป็นที่สุด และคือสิ่งเดียวที่ทำให้หัวใจแสนเย็นเหยียบของเธอยังคงเต้นอยู่…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD