วันนี้เป็นวันเปิดร้านของนับฝัน ลูกค้าที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนในครอบครัวและเพื่อนสนิททั้งสิ้น แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ญาติพี่น้อง แต่ยังมีบรรดาเพื่อนสนิทสมัยเรียนของนับฝันมาร่วมงานด้วย และคนเหล่านั้นกำลังนั่งสังสรรค์เฮฮากันอยู่ที่โต๊ะในสวนของร้าน
“นั่นไง ๆ ยัยฝันออกมาแล้ว” นีน่าส่งเสียงบอกคนอื่น ๆ รอบโต๊ะ ทุกคนพากันหันมองก่อนส่งยิ้มให้ เพื่อนกลุ่มนี้คือเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม้นับฝันจะใช้เวลาเรียนร่วมกับเพื่อน ๆ เพียงแค่หนึ่งปี แต่หลังจากย้ายไปฝรั่งเศสก็ยังคงติดต่อกับเพื่อน ๆ กลุ่มนี้อยู่ตลอด จึงไม่ได้ห่างเหินกันอย่างที่ควรจะเป็น
“ร้านน่ารักมากเลยอ่ะฝัน ไม่อยากจะเชื่อว่าแกออกแบบและตกแต่งเองทั้งหมด”
“นั่นสิ จะเก่งไปไหนกันยะ ภาพวาดพวกนั้นก็สวยมากอ่ะ พรสวรรค์ของแกเนี่ยยังน่าอิจฉาไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
นับฝันยิ้มรับคำของเพื่อน ๆ ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร ด้านหลังปรากฏร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง เขาเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นชวนหลงใหล ทำเอาสาว ๆ รอบโต๊ะอดจะหน้าแดงไม่ได้
พายัพเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ มีลักษณะของผู้ชายหุ่นหมี ให้ความรู้สึกอบอุ่น น่ากอด แถมยังหน้าตาหล่อเหลาเกินคนทั่วไป เขาอัธยาศัยดี มีเพื่อนเยอะ และเข้ากับคนง่าย แตกต่างจากนับฝันโดยสิ้นเชิง สมัยเรียนเธอมีเพื่อนน้อยและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพื่อนสาวกลุ่มนี้จึงเป็นเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนของเธอ …นอกจากพายัพ
“ให้ตายเหอะ ออร่าความหล่อไม่เคยอ่อนโยนกับใจพวกฉันเลยนะพายัพ”
“จริง! เห็นพายัพแล้วฉันอยากกลับบ้านไปหย่ากับผัวเลยจ้า” นีน่าพูดติดตลกเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
นับฝันส่ายหน้ายิ้ม ๆ ให้กับความตรงไปตรงมาของเพื่อนสาว สมัยเรียนนีน่าเคยปลื้มพายัพมาก ไม่สิ เรียกว่าเพื่อนสาวของนับฝันทั้งกลุ่มล้วนเป็นติ่งของพายัพ เพราะตอนนั้นเขาทั้งหล่อ ทั้งฮอต แถมยังพ่วงด้วยดีกรีเดือนคณะอีกด้วย
“อย่าว่าแต่ไอ้พา เธอเองก็สวยขึ้นเยอะเลยนะฝัน นี่ถ้าฉันยังโสด ฉันจีบเธอไปแล้วนะ” คิมเพื่อนสนิทพายัพพูดขึ้นบ้าง ตรงนี้ไม่ได้มีแต่เพื่อนสาวของนับฝัน เพื่อนชายของพายัพก็ถูกเชิญมาเช่นกัน ทั้งสองกลุ่มเป็นเพื่อนเรียนร่วมเอกเดียวกัน นอกจากเธอกับพายัพที่เรียนได้แค่ปีเดียวแล้ว คนอื่น ๆ ในกลุ่มต่างก็เรียนจบพร้อมกัน ทุกคนจึงสนิทกันพอสมควร
“ก็พูดไปไอ้คิม น้ำหน้าอย่างมึงคงจีบฝันติดหรอก ขนาดหล่อ ๆ อย่างไอ้พายังใช้เวลาตั้งกี่ปีกว่าจะจีบติด”
“แหม มึงก็รักษาน้ำใจกูหน่อยได้ไหมล่ะ ไอ้เวรนี่” กลุ่มพวกผู้ชายพากันหัวเราะเฮฮา ขณะพวกผู้หญิงกลับยิ้มเจื่อนไปตาม ๆ กัน นับฝันมองกลุ่มเพื่อนสาวพลางขยับยิ้มบาง อย่างที่เคยบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพายัพค่อนข้างซับซ้อน ยิ่งเธอไม่ใช่คนชอบพูดหรืออธิบายเรื่องส่วนตัวกับใครอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่มีใครหลายคนเข้าใจผิด
“เดี๋ยวเราดูแลพวกนั้นเอง ฝันคุยกับเพื่อน ๆ ไปเถอะ” พายัพยิ้มบอก ก่อนเดินไปทางกลุ่มเพื่อนผู้ชาย เสียงหัวเราะดังคลอเป็นระยะ ๆ นับฝันละสายตาจากร่างสูงกลับมาหากลุ่มเพื่อนสาวบ้าง
“อะไร ทำไมมองกันแบบนั้น”
“แกนั่นแหละ อะไร ยังไงคะเพื่อนสาว ลงเอยกับพ่อหมีสุดหล่อแล้วหรือยัง?”
“เออ พัวพันกันมาตั้งหลายปีมีอะไรคืบหน้าบ้างไหมคะ?”
นับฝันทำหน้านิ่ง เธอก็มักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ถูกเพื่อน ๆ ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับพายัพ ไม่ใช่ว่ามันอธิบายยาก แต่ไม่รู้จะอธิบายไปทำไม เพราะยังไงคำถามพวกนี้ก็ไม่เคยหายไปอยู่ดี
“เฮ้อ ฉันละอยากควักหัวใจของแกออกมาดูจังเลยยัยฝัน อยากเห็นนักว่าหัวใจแกนี่มันทำจากศิลาจริงหรือเปล่า” นีน่าเท้าคางเอียงคอมอง ปากก็พูดต่อไม่หยุด “ถามจริงเหอะ การเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนมันยากขนาดนั้นเลยเหรอวะฝัน”
นับฝันนิ่งงัน เธอมองหน้าเพื่อน ๆ ไม่ได้ตอบอะไร บรรยากาศกลุ่มผู้หญิงแตกต่างจากกลุ่มผู้ชาย ทางฝั่งพายัพนั้นยังคงคุยเล่นหัวเราะสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนของเขา บรรยากาศรอบตัวผ่อนคลายราวกับไม่มีเรื่องอะไรให้หนักใจเลย ขณะทางฝั่งนับฝันกลับเงียบงันเสียจนรู้สึกฟ้าครึ้มไปหมด
มันยากไหม… ไม่รู้สิ เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น ไม่เคยคิด และไม่อยากจะคิดด้วย
นับฝันกลับเข้ามาในร้าน จากนั้นไม่นานก็ทยอยส่งแขกกลับ ทั้งญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทต่างแยกย้ายกันกลับด้วยสีหน้าชื่นมื่น สองแฝดที่วิ่งเล่นมาทั้งวันเริ่มขยี้ตาสีหน้างัวเงีย นับฝันอุ้มลูกสาวพลางโยกเบา ๆ ไม่นานเจ้าเอยก็หลับสนิทในอ้อมกอดของเธอ ขณะเจ้าขุนนั้นหลับไปก่อนหน้าแล้ว เธอมองลูกชายในอ้อมแขนของพายัพ
หลังกลับมาถึงบ้าน ทั้งสองอุ้มเด็ก ๆ ขึ้นมาที่ห้องนอน เด็กทั้งสองหลับปุ๋ย ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู นับฝันหอมแก้มลูก ๆ คนละทีก่อนเดินออกจากห้อง พายัพเดินตามออกมา
“พาต้องไปที่บาร์อีกหรือเปล่า?” นับฝันหันมาถามตอนทั้งคู่เดินลงมาถึงชั้นล่าง
พายัพมีธุรกิจบาร์เล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เขาเพิ่งเริ่มกิจการก่อนหน้าเธอได้หนึ่งเดือน ดูเหมือนร้านกำลังไปได้ดีเลยด้วย
“วันนี้คงไม่เข้าแล้ว”
นับฝันนิ่งไปเล็กน้อย “ถ้างั้นก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ช่วงหลายวันมานี้พาเหนื่อยกับร้านฝันตลอดเลยนี่ ขอบคุณมากเลยนะ ถ้าไม่ได้พาช่วย ฝันคงแย่แน่เลย”
“ขอบคุณอีกแล้ว ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้” พายักยิ้ม ทว่ารอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา พอเห็นนับฝันจ้องมาเขาจึงพูดเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่พรุ่งนี้ฝันมีนัดกับหมอใช่ป่ะ”
“อื้อ หมอคนเดิมที่ฝันเคยรักษาด้วยนั่นแหละ ความจริงไม่ต้องไปหาแล้วก็ได้ แต่เฮียกาลเซ้าซี้จะให้ไปตรวจน่ะสิ วุ่นวายที่สุด” เธอบ่นอุบ
“เอาน่า ตรวจไว้หน่อยก็ดี เพื่อความสบายใจไง”
“ค่า ๆ เข้าใจแล้วค่า” นับฝันทำเสียงเนือย ๆ ตอบรับ หลังจากพายัพกลับไป สีหน้าเนือย ๆ เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นราบเรียบ ไร้อารมณ์…