EP.14 #รอยแผล

1128 Words
มันจะมีคนอยู่ประเภทหนึ่ง… เมื่อยามรักก็รักมาก… โง่งมงาย หลงใหลไม่ลืมหูลืมตา ทว่า… ยามเกลียดก็เกลียดมากเช่นกัน… ต่อให้คนคนนั้นดิ้นตายตรงหน้าก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง นับฝันคือคนประเภทนั้น ในอดีตเธอเคยโง่งมงายในรักอย่างมาก พยายามทำทุกอย่างเพื่อเขา แม้กระทั่งยอมเหยียบย้ำศักดิ์ศรีของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงหวังแค่ว่าเขาจะเห็นค่าหรือชายตามองกันสักครั้ง …มันก็แค่ความคิดโง่ ๆ เธอเคยพยายามเป็นคนที่ใช่ แต่ลืมคิดไปว่าคนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม กว่าจะคิดได้ก็สายเกินไป ชีวิตของเธอมันแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดีแทบปลายเท้าของเขาไปแล้ว… หกปี… เวลาหกปีที่ไม่ได้เห็นใบหน้านี้ แววตาเย็นชายังคงกรีดลึกความรู้สึก ริมฝีปากที่มักบิดยิ้มหยันและเอ่ยถ้อยคำร้ายกาจยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพลิงศูรย์ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย… เขายังคงเหมือนตัวตนเดิมในความทรงจำของเธอ ไม่สิ… กลิ่นอายรอบตัวเขาดูเย็นชาและร้ายกาจมากกว่าเดิมซะอีก ดวงตาหวานจ้องมองไม่กะพริบ ราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่างจากเขา มือหนายกขึ้นตั้งใจจะถอดผ้าปิดปากของเธอออก ปลายนิ้วกรุ่นร้อนสัมผัสข้างใบหูเล็กเรียกสติของนับฝันกลับมา เธอเบี่ยงหน้าหลบก่อนปรายตาเย็นชาขึ้นมอง ไม่ยอมให้เขาถอดผ้าปิดปากออกง่าย ๆ “คุณจำคนผิดแล้วค่ะ กรุณาปล่อยมือฉันด้วย” แม้จะรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าจำเธอได้ แต่ก็ไม่อาจยอมรับได้ง่ายเช่นกัน การพบกันแบบนี้มันกะทันหันเกินไป มันตั้งตัวไม่ทัน เธอไม่อยากเจอเขา ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว “…” เพลิงศูรย์นิ่งเงียบ มือข้างนั้นยังคงยกค้างอยู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกำแน่นแล้วเก็บมือกลับ ร่างสูงถอยตัวออกห่าง ยอมปล่อยเธอในที่สุด แต่เธอคิดผิด… นับฝันลอบถอนหายใจ หมุนตัวเตรียมจะเดินหนี ทว่าเอวบางกลับถูกคว้าเอาไว้ก่อนผลักดันร่างเล็กให้แนบแผ่นหลังกับเสาอีกครั้ง เธอตกใจจนแทบช็อก เงยหน้าสบตากับดวงตาคมกริบแสนเย็นชาแฝงความอันตราย “จะ… จะทำอะไร!” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อชายเสื้อถูกฝ่ามือหนาล้วงเข้ามา นับฝันยกสองมือจับแขนแกร่งแน่น พยายามขัดขืนสุดกำลัง หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงราวกับมันจะระเบิดออกมา ใบหน้าร้อนผ่าวทั้งอับอาย ทั้งหวาดกลัว ทำเกินไปแล้ว… เขาทำเกินไปแล้วจริง ๆ! “อึก… ยะ หยุดนะ!” เธอหอบหายใจ รู้สึกเหมือนจะตายให้ได้ บริเวณผิวเนื้อที่ถูกปลายนิ้วแกร่งสัมผัสมันร้อนรุ่มราวกับโดนเปลวไฟแผดเผา ความปั่นป่วนแล่นพล่านทั่วสรรพางค์กาย ก่อนทุกอย่างจะหยุดลง “ฮึ ฉันจำคนผิดสินะ?” หัวสมองนับฝันขาวโพลนไปหมด เธอเหม่อมองแววตาเย็นชาแฝงความเย้ยหยัน บริเวณที่ปลายนิ้วแกร่งกดลึกร้อนผ่าวราวกับจะมอดไหม้ เขากดย้ำอีกครั้งก่อนผละมือออกและถอยตัวห่าง ร่างเล็กทรุดฮวบนั่งลงบนพื้น คู้ตัวเล็กน้อย สองมือขย้ำชายเสื้อแน่นจนมันยับยู่ยี่ เขาไม่เพียงจำเธอได้… แต่ยังตอกย้ำตัวตนของเธอด้วยวิธีต่ำทราม “รอยแผลนั่นมันหลอกฉันไม่ได้หรอกนะนับฝัน” รอยแผล… คำคำนั้นที่ออกจากปากเขา ช่างเย็นชาและน่าโมโหที่สุด ปลายนิ้วลูบคลำรอยแผลเป็นบริเวณใต้หน้าอกข้างซ้ายเพื่อขับไล่ความร้อนที่ถูกปลายนิ้วแกร่งทิ้งร่องรอยไว้ เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมสติ ร่างกายสั่นเทาค่อย ๆ นิ่งขึ้น ก่อนลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางมั่นคง แววตาหวาดหวั่นตื่นตกใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ปรายตามองคนตัวสูงกว่า นับฝันถอดผ้าปิดปากออก เผยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ เธอสบตากับเพลิงศูรย์ตรง ๆ “แล้วยังไง” “…” “เป็นฉันแล้วมันยังไง?” “…” “หรือว่าเฮียดีใจที่ได้เจอฉัน?” ริมฝีปากบางบิดยิ้มเย็นชา แววตาทอประกายเย้ยหยัน “ฮึ น่าขำสิ้นดี” เพลิงศูรย์ยังคงความเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบ บรรยากาศรอบกายของเขาเย็นเหยียบ เขาเหมือนภูเขาน้ำแข็งท่ามกลางมหาสมุทร ทั้งเหน็บหนาวและอันตราย ยากที่ใครจะเข้าใกล้ นับฝันยิ้มหยันให้กับตนเองในอดีต ตอนนั้นเธอช่างโง่งมงายเสียจริง หลงใหลไปกับความเย็นชาแสนอันตรายนั้นอย่างคนโง่งม เคยมีคนเตือนว่า ‘เล่นกับไฟ ระวังจะโดนเผา’ เธอไม่ฟัง ไม่จำ ไม่สนใจ สุดท้าย… หัวใจโดนแผดเผาไม่เหลือชิ้นดี น่าสมเพช… พอแล้ว… เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเพลิงศูรย์อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเขาไม่มีอะไรจะพูด เธอก็ไม่อยากฝืนยืนอยู่อีก พบกันเพียงแค่นี้ก็เกินพอ อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย ร่างบางละสายตา หมุนตัวเดินหนีอีกครั้ง คราวนี้เพลิงศูรย์ไม่ได้ฉุดรั้งด้วยกำลัง แต่เป็นคำพูด “…มาทำอะไรที่นี่” ปลายเท้าหยุดกึก นิ่งฟังน้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถามจากด้านหลัง “หรือว่าอาการกำเริบ?” ดวงตาสวยเฉี่ยวสั่นไหวเล็กน้อย นั่นไม่ใช่ความห่วงใย คนไร้หัวใจอย่างเพลิงศูรย์ไม่มีทางห่วงใยใครทั้งนั้น ตึก ตึก ตึก ร่างสูงเดินอ้อมมาดักหน้า โฟกัสสายตาปรากฏใบหน้าหล่อเหลาแสนคุ้นเคย นับฝันเหม่อลอยชั่วครู่ ก่อนจะตั้งสติชักสีหน้าเย็นชา “ไม่เกี่ยวกับเฮีย” เธอเบี่ยงตัวเดินหลบ แต่ถูกร่างสูงเบี่ยงตัวขวาง ใบหน้าสวยเงยขึ้น คิ้วเรียวขมวดไม่พอใจ “เฮียต้องการอะไรกันแน่?” “…” เพลิงศูรย์ไม่ตอบ แววตาเย็นชาปรากฏความยุ่งยากใจราง ๆ ราวกับว่าเขากำลังสับสนไม่ต่างกัน การกลับมาพบกันอีกครั้งในรอบหกปีของคนทั้งสองมันกะทันหันเกินจะคาดคิด ราวกับกลไกบางอย่างในอดีตที่หยุดทำงานไปแล้ว กำลังจะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ซึ่งมัน… น่ากลัวเกินไป นับฝันก้มหน้าลง ตัดสินใจเบี่ยงตัวเดินหนีออกมา เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้แม้เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่กลไกนั่นจะทำงาน เธอต้องหยุดมันเอาไว้… เพลิงศูรย์ไม่ได้รั้งนับฝันอีก เขาเพียงทอดสายตาเย็นชามองตามแผ่นหลังบาง ก็ดี… หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่โชคชะตาเล่นตลกกับคนทั้งสอง และหวังว่าพวกเราจะไม่พบกันอีก…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD