ต่างคนต่างหมั่นไส้

1176 Words
บทที่ 6 ต่างคนต่างหมั่นไส้ สตรีวัยห้าสิบที่ยืนอยู่ข้างหน้าตนตอนนี้เป็นลูกสาวของลูกชายคนโตของปู่ ส่วนบิดาเขาเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องแปดคน จึงนับญาติเป็นพี่น้องกัน แต่เมื่ออยู่ในบริษัทนางก็คือประธานใหญ่ที่เขาต้องให้ความเคารพ “เธอน่าจะไปเป็นตำรวจหรืออัยการมากกว่ามาเป็นผู้จัดการใหญ่ให้บริษัทพี่นะ” วารีตีต้นแขนชายหนุ่มพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เขาอยู่ไหม” “อยู่ครับ แต่น่าจะคุยอยู่กับคุณป่าน” เขาก็เพิ่งออกจากห้องทำงานมาเหมือนกัน จึงไม่รู้ว่าหญิงสาวที่กล่าวถึงจากไปสักพักแล้ว “หนูป่านกลับไปแล้ว เมื่อกี้พี่เพิ่งคุยกับเธอเอง พี่ไปหาลูกก่อนนะ แล้วว่างๆ เราค่อยไปทานข้าวด้วยกัน” วารีบอกกับชายหนุ่ม “ครับท่านประธาน” ชาลีโค้งศีรษะให้เล็กน้อย รอจนนางเดินผ่านไปแล้ว จึงเดินไปที่โต๊ะผู้ช่วยของตน... อินทิรานึกสงสัยอยู่ในใจเมื่อเดินทางมาถึงร้านอาหารสุดหรู ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ของประเทศไทย แต่สตรีสูงวัยเลือกที่จะปฏิเสธการสั่งอาหารเอาไว้ก่อน ขอเพียงน้ำเปล่ามาดื่มเท่านั้น “น้ำเปล่าเหมือนกันค่ะ” ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอธิบาย เธอรู้ได้ด้วยตัวเองว่าท่านประธานต้องรอใครบางคนอยู่ “ฉันได้ข่าวมาว่าทางบริษัทคู่ค้าของเราที่ดูไบพอใจการทำงานของหนูมาก ขอบใจนะจ๊ะที่ทำให้งานของบริษัทเราผ่านไปได้ด้วยดี” “มันเป็นหน้าที่ที่ป่านต้องทำอยู่แล้วค่ะ” “ฉันดีใจนะที่มีพนักงานแบบหนูอยู่ในบริษัท” “ขอบคุณค่ะ” ใบหน้างามที่ยิ้มแย้มรับคำชมชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร ผิดกับชายหนุ่มที่ยกยิ้มมุมปากคล้ายเยาะ เพราะเขารู้แต่แรกแล้วว่ามารดาเชิญเธอมาร่วมอาหารมื้อกลางวันนี้ด้วย แต่เธอคงไม่รู้สินะถึงได้ทำท่าแบบนั้น “รอนานไหมครับคุณแม่” เขาเดินไปนั่งที่ว่างใกล้มารดาแล้วตั้งคำถามพร้อมรอยยิ้ม “ไม่นานหรอกลูก แม่เพิ่งมาถึงประมาณสิบนาทีเองจ้ะ สั่งอาหารเลยนะลูก” “ครับ” เมื่อได้คำตอบจากลูกชาย วารีจึงเรียกพนักงานให้เข้ามา “สปาเก็ตตี้ที่นี่อร่อยนะจ๊ะหนูป่าน” วารีแนะนำหญิงสาวเมื่อได้เมนูอาหารมาแล้ว “ขอบคุณค่ะ แต่ป่านไม่ชอบทานพวกเส้นสปาเก็ตตี้หรือบะหมี่หรอกค่ะ ทานทีไรท้องไส้ปั่นป่วนทุกที” “จริงเหรอ” สตรีสูงวัยทำท่าแปลกใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าไปทางลูกชาย “ยัสซันเขาก็ทานได้ไม่มากเหมือนกัน” “ค่ะ” อินทิราตอบรับ เชิดหน้าชำเลืองสายตาไปทางชายหนุ่มเพียงเล็กน้อย แล้วกลับมาสนใจกับเมนูในมือต่อ ยัสซันเบะปากเล็กน้อยกับท่าทางเชิดของหญิงสาว แล้วกลับไปสนใจกับเมนูในมือเช่นเดียวกับเธอ “ขอหอยเชลล์อบซอสฝรั่งเศสกับน้ำกีวีหนึ่งที่นะจ๊ะ” วารีเป็นคนแรกที่เลือกอาหารเสร็จ นางยื่นเมนูคืนให้พนักงานพร้อมกับถามลูกชาย “เลือกไม่ถูกหรือลูก” “ครับ ทานแค่นั้นจะอิ่มเหรอครับคุณแม่” ยัสซันตอบรับและถามต่อ “แม่ทานเล่นๆ เท่านั้นจ้ะ มื้อใหญ่รออยู่ตอนบ่ายนี่แหละ” นางเฉลยให้ลูกชายฟัง “ของฉันขอข้าวผัดสเปนกับน้ำแตงโมปั่นก็แล้วกันค่ะ ข้าวผัดไม่ใส่น้ำตาล น้ำปั่นไม่ใส่น้ำเชื่อม น้ำแข็งนิดเดียวพอค่ะ” “ครับคุณผู้หญิง” พนักงานห้องอาหารรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ชายหนุ่มลดเมนูในมือลงต่ำพอให้มองเห็นใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะเลื่อนขึ้นปิดหน้าอีกครั้งพร้อมแอบเบะปากกับความเรื่องมากของเธอ “ของผมเอาสปาเก็ตตี้หอยนางรมราดซอสตับห่าน กระดูกหมูอ่อนอบน้ำผึ้งเม็กซิกัน ขนมปังกระเทียมแบบกรอบนอกนุ่มใน แล้วก็ขอน้ำแร่อย่างดีที่สุด” สั่งเสร็จก็ยื่นเมนูคืนให้พนักงาน ไม่ลืมที่จะชำเลืองมองฝ่ายตรงข้ามอีกหนึ่งครั้ง “หิวเหรอลูกสั่งมาซะเยอะเชียว” “อาหารแต่ละจาน แค่แมวดมก็หมดแล้วครับคุณแม่” อินทิราแสร้งก้มหน้าลงมองต่ำแล้วเบะปากด้วยความหมั่นไส้ชายหนุ่ม ‘น้ำแร่อย่างดีที่สุด เชอะ! เรื่องมากแบบนี้ต้องให้ดื่มน้ำฝนค้างปี’ “หนูป่าน” “คะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับสตรีวัยกลางคนพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องงานราบรื่นดีใช่ไหมจ๊ะ” “ค่ะ” ตอบรับและเล่ารายละเอียดให้ฟัง “ดีจัง แล้วดีไซเนอร์ของเราจะพอไหม หนูคิดว่าเราน่าจะรับสมัครเพิ่มดีหรือเปล่า” “ป่านคิดว่ายังไม่จำเป็นนะคะ เรามีดีไซเนอร์และผู้ช่วยมากกว่ายี่สิบคน คนงานเก่าๆ ก็พอจะมีความรู้ทางด้านนี้อยู่บ้าง ป่านขอแนะนำให้เป็นรูปแบบในการแข่งขันภายในดีกว่าค่ะ พนักงานก็แข่งขันได้ เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้พวกเขา กติกาง่ายๆ แค่ส่งแพทเทิร์นพร้อมตัวอย่างจริง” วารีพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะหันไปทางลูกชายที่มองไปทางหญิงสาวไม่วางตา “ลูกคิดว่ายังไงจ๊ะ” “เรื่องนี้ต้องนำไปคุยที่ในที่ประชุมครับ ผมกับคุณแม่ตัดสินใจเองไม่ได้หรอกครับ” ในคำพูดประโยคดังกล่าว ชายหนุ่มจงใจพูดประชดหญิงสาวเป็นหลัก เพราะไม่พอใจเธอเป็นการส่วนตัว “ถ้าอย่างนั้นบ่ายนี้ลูกก็ลองเสนอในที่ประชุมดูนะ” “ครับคุณแม่” “อาหารมาแล้ว กินกันเถอะจ้ะ” วารีกล่าวขึ้น เมื่อพนักงานนำอาหารที่สั่งมาบริการ อิ่มอาหารเรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินออกมาที่ด้านหน้าของโรงแรมเพื่อกลับไปทำงานในหน้าที่ของแต่ละคน “ยัสซันแม่ฝากหนูป่านกลับไปด้วยนะจ๊ะ แม่ลืมไปว่ามีธุระต้องไปทำต่อที่อื่นต่อ” “ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน ป่านนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้ค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธก่อนที่จะได้ยินคำตอบของชายหนุ่ม “จะนั่งแท็กซี่ให้เปลืองเงินทำไมจ๊ะ นั่งไปกับยัสซันนี่แหละ ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้ว” วารีไม่เห็นด้วยกับความคิดของหญิงสาว นางหันไปมองลูกชาย “แม่ฝากหนูป่านกลับด้วยนะลูก” “ได้ครับคุณแม่ เชิญครับคุณป่าน” ยัสซันตอบรับมารดาแล้วกล่าวเชื้อเชิญหญิงสาว รู้สึกขอบคุณมารดาที่ให้โอกาสนี้กับเขา เพราะมีเรื่องต้องสะสางกับเธอพอดี “ขับรถดีๆ นะลูก” “ครับคุณแม่” อินทิราเปิดประตูรถด้านหน้าฝั่งตรงข้ามคนขับเพื่อจะเข้าไปนั่ง เมื่อเห็นชายหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งประจำที่ทางด้านหลังเรียบร้อยแล้ว “มานั่งด้วยกันสิ” เพื่อความสะดวกในการสะสาง ชายหนุ่มจึงเรียกให้หญิงสาวมานั่งด้วยกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD