เงินเท่านั้นที่บันดาลความสุข

1284 Words
บทที่ 9 เงินเท่านั้นที่บันดาลความสุข ยัสซันหัวเราะออกมาเบา ๆ พยักหน้ายอมรับที่อีกฝ่ายพูดออกมา “คนสมัยนี้มันน่ากลัวนะ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ผู้หญิงยอมเป็นเมียน้อยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีเงิน ส่วนผู้ชายก็ยอมมีเมียแก่รุ่นแม่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีเงิน สรุปแล้วมีแต่คนหาเกาะใหญ่ ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยของกินดี ๆ กันทั้งนั้น ไม่มีใครยอมอยู่เกาะที่รกร้างว่างเปล่ากันหรอก ต่อให้เกาะนั้นมีธรรมชาติที่งดงามเพียงไหนก็ตาม” “ฮา ๆ ๆ มันก็จริงอย่างที่นายว่านั่นแหละ สมัยนี้เงินเท่านั้นที่บันดาลความสุข ไม่ใช่ความรักหรอก” “มาดื่มกันดีกว่า อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่ยังเป็นไปไม่ได้เลย” ยัสซันยื่นแก้วเหล้าขอชนกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม “ดื่ม”... อินทิราบอกลากับเด็กหนุ่มหลังจากดูหนังเสร็จ เพื่อไปทำงานตามที่รับปากกับชาลีเอาไว้ “ให้ปอไปเป็นเพื่อนนะครับพี่ป่าน” “ไม่ต้องหรอกปอ กลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ กว่าพี่จะกลับคงดึก” “แต่ปอเป็นห่วงพี่ป่านนี่ครับ พี่ป่านสายตาสั้นด้วย ขับรถตอนกลางคืนมันอันตรายนะครับ” ชินวุฒิยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง เพราะต้องการไปกับเธอด้วย “พี่ใส่คอนแทคเลนส์อยู่ย่ะ แว่นก็มีอยู่ในรถ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก กลับบ้านได้แล้ว อย่าเถลไถลที่ไหนล่ะ ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยเข้าใจไหม” หญิงสาวทำเป็นตีหน้าดุใส่เด็กหนุ่ม “ครับผม” ชายหนุ่มรับปากหญิงสาวรุ่นพี่หน้าสลด เดินคอตกแยกจากไป แยกจากชินวุฒิแล้วหญิงสาวก็ขับรถไปที่บริษัท เอาแฟ้มงานบนโต๊ะทำงานของชาลีแล้วจึงขับไปที่คอนโดหรูย่านลาดพร้าว ที่อยู่ไกลคนละโยชน์กับบริษัท “กลัวไม่รู้ว่ารวยหรือไงถึงได้ซื้อยกชั้น แน่จริงน่าจะซื้อยกตึกไปเลย” เธอนินทาเจ้านายหนุ่มที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกันนัก ขณะมองตัวอาคารสูงสุดลูกตา “โอ๊ะ.. จะห้าทุ่มแล้วเหรอ” สาวสวยหน่วยก้านดีหยิบกระเป๋าเอกสารที่เตรียมไว้ลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในตัวอาคารอย่างรีบเร่ง.. “บอกผมมา ว่าผู้หญิงคนนี้มาหาใครที่นี่” “ฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ เพราะฉันก็เพิ่งเจอเธอมากับคุณนี่แหละ” พนักงานสาวที่ยืนทำท่าจะร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตอบออกไปด้วยสีหน้ากริ่งเกรงอีกฝ่าย “คุณจงใจช่วยเธอปิดบังใช่ไหม” “ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ คุณคนนี้เพิ่งมาถึง ยังไม่ทันได้ถามอะไรคุณก็เดินเข้ามาพอดี” พนักงานหญิงปฏิเสธเสียงสั่น “จริง ๆ ครับ ผมเป็นพยานได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนยันช่วยเพื่อนร่วมงานด้วยอีกคน “บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ มาหาใครที่นี่ ผู้ชายใช่ไหม” เมื่อคนอื่นไม่ยอมตอบคำถาม ชายหนุ่มเจ้าสำอางจึงหันไปถามหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ใกล้ ๆ แทน “แล้วมันเรื่องอะไรของเธอล่ะ เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้” “เธอคงจะลืมไปกระมังว่าฉันเป็นผัวเธอ” “พูดจาให้มันดี ๆ นะ เราเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่เมื่อไหร่” “อะไรนะ! เธอกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอติ๊นา ฉันนอนอยู่กับเธอเป็นเดือน ถ้าฉันไม่ใช่ผัวเธอแล้วจะเรียกว่าอะไร” นายแบบหนุ่มหน้าใหม่ของวงการเดินแบบเมืองไทย ตะคอกถามนางแบบสาวชื่อดัง ติ๊นาหรือรัตนาภรณ์กำมือแน่น ระงับโทสะที่วิ่งพล่านอยู่ในกาย โมโหชายหนุ่มที่มาขัดขวางเงินก้อนโตของตนไว้ “กลับไปซะเถอะตั้น ฉันมาที่นี่เพราะต้องทำงาน” “ตอแหล! มาหาผู้ชายล่ะสิ” “ไอ้ตั้น!” อินทิราหันไปมองทางต้นเสียงที่ตวาดใส่กันเสียงดัง บ่งบอกความโมโหสุดขีดนั้น ซ่า.. คิ้วเรียวที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมกระตุกเข้าหากันอย่างหัวเสีย มองไปที่กลุ่มคนทั้งสี่ ก่อนจะหยุดลงที่สาวสวยรูปร่างสูงโปร่ง “พวกคุณกำลังเล่นอะไรกันอยู่มิทราบ” เธอไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยสักนิด ทำไมต้องโดนสาดด้วยล่ะเนี่ย “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ” รัตนาภรณ์รีบเปิดกระเป๋าหยิบทิชชู่มาเช็ดให้หญิงสาวที่โดนลูกหลงจากตัวเอง “ไม่ต้อง” อินทิราแย่งทิชชู่ในมือของเธอมาถือไว้เองด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วซับลงไปบนเสื้อตัวสวยที่เพิ่งใส่เป็นครั้งแรก “ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” เพราะความโมโหที่โดนชายหนุ่มด่าว่าตอแหล เธอจึงคว้าแก้วน้ำหวานที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หวังจะสาดใส่เขา คาดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะหลบทัน น้ำหวานแก้วใหญ่ทั้งแก้วจึงถูกสาดใส่คนที่เดินเข้ามาเต็ม ๆ “ขอโทษแทนเธอด้วยนะครับคุณ นี่นามบัตรของผม ถ้าต้องการค่าชดใช้เรื่องเสื้อผ้าให้ติดต่อมานะครับ” นายแบบหนุ่มที่ยังอยู่ในอาการหัวเสีย ยื่นนามบัตรให้หญิงสาวที่รับเคราะห์แทนตน แล้วคว้าข้อมือคนรัก กระชากออกไปอย่างไม่ถนอม “กลับบ้าน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน” อินทิราเหลือบหางตาคมมองตามหนุ่มสาวที่ต่างก็แข็งขืนใส่กัน กำลังจะอ้าปากด่าออกไป “พวกเราต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้วยนะคะ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ฉันขอรับผิดชอบด้วยการเอาเสื้อผ้าส่งไปซักที่ร้านให้นะคะ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเอามาส่งให้ฉันได้เลยค่ะ” อินทิราหันกลับมาให้ความสนใจกับหญิงสาว ที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับชายหญิงคู่นั้น มองไปที่ยามสูงอายุที่ทำหน้าสลดอยู่ใกล้ ๆ มันไม่ใช่ความผิดของสองคนนี้ เธอจะให้พวกเขารับผิดชอบได้อย่างไร “ไม่เป็นไร ฉันจ้างเขาซักเป็นรายเดือนอยู่แล้ว” “ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่คุณผู้หญิงอย่าเอาเรื่องนี้ไปแจ้งกับเจ้านายของเราก็พอค่ะ เพราะถ้าโดนร้องเรียน เราอาจจะโดนไล่ออก” อินทิราคลี่ยิ้มบางเบา มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้น ถึงแม้จะมีความโมโหอยู่ในใจ “ฉันไม่บอกหรอก หายห่วงได้” เธอบอกเพียงแค่นั้นแล้วเดินจากไป ขยำนามบัตรที่รับมาโยนทิ้งถังขยะ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชายหญิงคู่นั้นคือใคร ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยได้ดูข่าวบันเทิงสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเวทีนางแบบนายแบบแล้ว เธอค่อนข้างจะรู้จักดี เพราะงานที่ทำมันต้องยุ่งเกี่ยวกับวงการนี้ หญิงสาววางแฟ้มงานลงบนโต๊ะทำงานของยัสซัน เรียบร้อยแล้วตั้งใจจะเดินทางกลับทันที แต่เพราะทนต่อความเหนียวของน้ำหวานไม่ไหว จึงคิดจะล้างเนื้อตัวและเสื้อให้สะอาดก่อน เธอมองเวลาที่ผนัง.. “คงยังไม่กลับตอนนี้หรอก” คิดดังนั้นจึงเดินหาห้องนอนที่คิดว่าไม่ใช่ห้องนอนของเขา เพื่อจัดการกับเสื้อผ้าและร่างกายที่เหนียวหนึบหนับของตน หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกทั้งชั้นนอกและชั้นใน จัดการซักในส่วนที่เลอะให้สะอาด ใช้ไดร์เป่าผมช่วยเป่าจนแห้งหมาด เสร็จกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อล้างตัวท่อนบนของตัวเอง..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD