นางจิ้งจอก

1262 Words
บทที่ 4 นางจิ้งจอก สายตาคมที่ถูกล้อมไว้ด้วยแพขนตาหนาสำรวจมองไปทั่วห้องประชุม ก่อนจะสิ้นสุดที่ผู้จัดการใหญ่ “เข้าประชุมครบแล้วใช่ไหม” “ครับ” ชาลีตอบ บอกให้ผู้ช่วยเริ่มแจกเอกสารให้ผู้จัดการฝ่ายทุกแผนก “แต่ฉันว่ายังขาดนะ” อย่างน้อยก็สาวมั่นคนนั้นแหละหนึ่ง ชาลีเริ่มไล่มองผู้เข้าร่วมประชุมทีละคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนรักของเขาร่วมอยู่ด้วย “ไม่ขาดนะครับ ครบทุกแผนกตามที่ท่านสั่ง” เขาบอกกับเจ้านายเมื่อไล่เรียงครบทุกคนแล้ว “ขาดสิ ฉันมองปราดเดียวก็รู้แล้ว” คิ้วเข้มดำสนิทที่ยาวรับกับดวงตาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ “ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศคนนั้นไง เธอชื่ออะไรนะ.. คุณอินทิราใช่ไหม” บอกกับชาลี ทำเหมือนจำเธอไม่ค่อยได้ ผิดกับความเป็นจริงที่จำได้แม่นยำ “อ๋อ คุณป่านเธอเดินทางไปติดต่อเรื่องงานที่ดูไบสามวันแล้วครับ วันนี้ผู้ช่วยของเธอมาเข้าประชุมแทน” ชาลีชี้แจงเมื่อรู้ว่าเป็นใคร “ไปดูงานที่ดูไบเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย เธอไม่ต้องขออนุมัติจากฉันแล้วเหรอ” ใบหน้าหล่อเหลานั้นเคร่งเครียดขึ้นยิ่งกว่าเก่า เมื่อรู้ว่าเธอเดินทางไปตั้งสามวันแล้ว โดยที่ตนไม่รู้เรื่องเลย “เรื่องนี้อนุมัติไว้ตั้งแต่ท่านประธานคนก่อนแล้วครับ” เขาเพิ่งมาทำงานได้ยังไม่ถึงเดือน บางเรื่องก็คงผ่านหูผ่านตาไปบ้าง “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในเมื่อฉันมารับตำแหน่งแทนแล้ว เธอก็น่าจะมาแจ้งสักนิดก่อนการเดินทาง ถ้าเธอกลับมาให้มาพบฉันด้วยล่ะ” ผู้หญิงคนนี้คิดจะแข็งข้อกับเขาหรือไร หรือว่าเธอไม่เห็นความสำคัญของเขา “ครับ” ชาลีรับคำแล้วเริ่มเปิดการประชุม... ชินวุฒิลุกจากที่นั่งบริเวณหน้าโต๊ะประชาสัมพันธ์เมื่อเห็นชาลีกำลังเดินมา เพราะเขาจำได้ว่าฝ่ายนั้นคือคนรักของปัทมาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอินทิรา “พี่ครับ สวัสดีครับ” ทั้งชาลีและยัสซันต่างก็หยุดเดินด้วยกันทั้งคู่เมื่อถูกเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหุ่นนายแบบ หน้าตาหล่อเหลาราวไอดอลเกาหลีมายืนขวางไว้ “ขอโทษนะครับที่รบกวน คือผมมารอพบพี่แก้วแต่พี่เขายังไม่ลงมา บังเอิญผมจำได้ว่าพี่เป็นแฟนของพี่แก้วก็เลยเข้ามาทักทายครับ” เด็กหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปี นักศึกษาปีสามของมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง แล้วจึงเริ่มเข้าเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจตัวเอง “คือผมติดต่อพี่ป่านเขาไม่ได้เลยครับ รู้สึกเป็นห่วงเขามากก็เลยแวะมาหา ถึงได้รู้ว่าพี่เขาเดินทางไปต่างประเทศ พี่เขาจะกลับมาเมื่อไหร่พี่พอจะทราบไหมครับ” “วันเสาร์กลับมาถึงครับน้อง น่าจะถึงสนามบินดึกหน่อย” ชาลีตอบตามที่รู้ มองเด็กหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม นึกอิจฉาเพื่อนรักของแฟนสาวที่มีเด็กหนุ่มมาดดี หน้าตาหล่อเหลามาติดพัน ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะมีโอกาสได้เจอตัวจริง หลังจากได้ยินเรื่องเล่ามานานแล้ว “ขอบคุณครับพี่ แล้วถ้าตอนนี้ผมอยากติดต่อกับพี่เขา พอจะมีทางไหมครับ คือผมคิดถึงพี่เขามากๆ เลยครับ” เด็กหนุ่มสารภาพความในใจด้วยสีหน้าละห้อย “คือพี่กับป่านไม่ได้ติดต่องานกันโดยตรงก็เลยไม่รู้เรื่องตรงนี้ ลองติดต่อทางเฟซทางไลน์ดูสิ หรืออีเมลก็น่าจะดีนะ ในกรณีที่เครือข่ายไม่เสถียร” ชาลีแนะนำ “ผมส่งอีเมลหาพี่เขาตั้งหลายฉบับ เขายังไม่ได้ตอบกลับมาเลยครับ ขอบคุณพี่มากนะครับสำหรับข้อมูล ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” หลังจากรำพึงรำพันอย่างเศร้าสร้อยแล้ว เด็กหนุ่มจึงบอกลาและเดินคอตกกลับไป “น้องชายคุณอินทิราเหรอ” ยัสซันถามชาลีเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นเดินออกไปไกลแล้ว “ไม่ใช่น้องชายแท้ๆ หรอกครับ ที่ผมทราบคือพวกเขาสนิทกันมาก ตั้งแต่ตอนที่คุณป่านช่วยบริจาคเลือดให้เขาจากอุบัติเหตุครับ” เขายังรู้อีกว่าเด็กหนุ่มคลั่งไคล้เพื่อนรักของแฟนสาวยิ่งกว่าเด็กวัยรุ่นคลั่งไคล้ดาราซะอีก ยัสซันมองตามร่างสูงโปร่งดั่งนายแบบของเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นไม่วางตา ต่อให้ดูดีแค่ไหนก็ยังเทียบชั้นกับเขาไม่ติดหรอก เขาสูงกว่าและดูดีกว่ามาก... แต่แล้วความภาคภูมิใจก็ลดฮวบลงทันที เมื่อนึกได้ว่าสาวไทยคลั่งไคล้หนุ่มๆ แนวเกาหลีมากกว่าหนุ่มเข้มสไตล์อาหรับแบบตน.. หงุดหงิดโว้ย! “ผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้ตกหลุมรักคุณป่านหรอกนะ” ไม่รู้อะไรเจาะปากให้เขาพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มขำขัน “คุณยัสซันดูออกด้วยเหรอครับ” ชาลีทำท่าแปลกใจ มองชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทางเดิน ดวงตาดำสนิทไหววูบ หรี่ตามองอีกฝ่าย “หมายความว่ายังไงเหรอชาลี” “คุณยัสซันไม่ได้คิดอยู่เหรอครับว่าเด็กหนุ่มคนนั้นหลงรักคุณป่านของเรา” ชาลีถามกลับ “นั่นมันเด็กนักศึกษาอยู่เลยนะคุณชาลี ส่วนคุณอินทิราอายุสามสิบแล้ว คุณเป็นคนพูดเองนะ” “ครับ คุณยัสซันเข้าใจไม่ผิดหรอกครับ” “อย่าบอกนะว่าคุณอินทิราก็เล่นด้วย” ชายหนุ่มอยากจะบ้าตาย รู้สึกไม่พอใจกับเรื่องที่ได้รับรู้ เธอเป็นแม่มดหรือไง หลอกได้แม้กระทั่งเด็กเพิ่งโต “เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบครับ” ‘กินแม้กระทั่งเด็ก เธอมันนางจิ้งจอกชัดๆ’ ชายหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด ตำหนิอินทิราอยู่ในใจ... ชินวุฒิมองตารางเที่ยวบิน เช็กเที่ยวบินทั้งเข้าและออกไปเรื่อยๆ จนเจอเที่ยวบินที่ต้องการ จึงรีบเดินไปยังบริเวณผู้โดยสารขาเข้าตามรายละเอียดที่ได้รับ ประมาณยี่สิบนาทีคนที่เขารอก็เดินลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาด้วยท่าทางมาดมั่นดั่งนางพญา ใบหน้าเรียวรับกับผมบ๊อบเทสั้นปัดข้างอย่างไร้ที่ติ “พี่ป่านครับ” โบกมือโบกไม้ขณะตะโกนเรียก เพื่อให้หญิงสาวได้เห็นตน อินทิรารีบลากกระเป๋าเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมตรงไปหาชายหนุ่มรุ่นน้อง “มารอรับพี่เหรอปอ” “ครับ” “ตีสองเนี่ยนะ” เธอเบิกตาโตขณะมองนาฬิกาข้อมือ “ครับ” ชินวุฒิตอบรับสั้นๆ จ้องหน้าหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มไม่วางตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน ไม่ได้เจอหน้าเธอเกือบสิบวันมันทำให้เขาแทบบ้าตาย “ปอคิดถึงพี่ป่านมากๆ เลยครับ” หนุ่มน้อยออดอ้อนพร้อมดึงหญิงสาวเข้ามากอด “นี่ๆ ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เด็กบ้า” อินทิราดิ้นหนีเพื่อจะออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม เพราะไม่อยากเป็นจุดเด่น “อีกนิดเดียวนะครับพี่ป่าน ขอให้ปอได้กอดพี่ป่านเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองอีกหน่อยนะครับ ปอคิดถึงพี่ป่านมากๆ เลยนะ” เพราะเขารู้ว่าถึงแม้เธอนั้นจะปากร้ายแต่ก็ใจดีมาก จึงใช้น้ำเสียงออดอ้อนที่ได้ผลชะงัดมาแล้วทุกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD