ฉันไม่คิดว่าคนเราจะสามารถถือความทุกข์ไปได้ตลอดชีวิตหรอก แม้แต่เรื่องที่ทำให้เราเสียใจมากที่สุดอย่างการถูกนอกใจ ก็ไม่ควรทำร้ายเราได้นานขนาดนั้น
แต่ไม่ใช่สำหรับฉันจ้า
ฮึ่ย ทำไมมันน่าหงุดหงิดแบบนี้นะ สองคนที่ทำร้ายฉันยังคงมีชีวิตที่ดียิ้มหัวเราะอยู่ได้ทุกวัน แต่ฉันกลับมานั่งร้อนรุ่มใจอยู่คนเดียว!
[สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เพลงมาสายหน่อยนะคะ]
เสียงจากไลฟ์สดที่ฉันเปิดค้างไว้ได้ดังขึ้นมาด้วยเสียงที่ฉันไม่คิดว่าจะได้ยิน มันทำให้ฉันหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูด้วยความสนอกสนใจ เมื่อครู่มันยังเป็นไลฟ์วาดรูปของนักวาดสักคนที่ฉันติดตามอยู่เลย ทำไมถึงไหลมาเป็นไลฟ์ของแม่นี่ได้
อะ แต่ไหนๆ ก็เจอแล้วก็ดูซะหน่อย
[เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน วันนี้สบายดีไหม สวัสดีคนดูที่เข้ามาใหม่ด้วยนะคะ ฝากกดใจให้ด้วยน้า]
คนอะไรตอแหลยันเสียง! ในขณะที่ฉันนั่งดูไลฟ์ไปเบะปากไป คนดูก็คอมเม้นชมแม่นี่ไม่ขาดปาก คุณเพลงเสียงน่ารักมาก อยากเห็นหน้าเลย ว่าซั่น
“เบะปากแล้วก็ดูโทรศัพท์ แล้วก็วางลง แล้วก็หยิบมาดูใหม่ แล้วก็เบะปาก มึงเป็นบ้าเหรอคะอีเกี๊ยว!”
ได้ยินประโยคที่ระคายหู ฉันถึงกับหันไปค้อนขวับด้วยความไม่พอใจ สายตาจิกกัดของเพื่อนรักอย่าง เอิงเอย มาพร้อมกับแก้วเหล้าที่ฉันเพิ่งกระดกไปหมาดๆ วางแก้วโต๊ะยังไม่ทันเปียกเลยมันเอาไปชงอีกแล้ว
“กูไม่ได้เป็นบ้าค่ะ กูแค่หมั่นไส้คน มึงดูอีเพลงขวัญนี่สิ กระแดะว่ะ ทำไมมันแย่งแฟนคนอื่นแล้วไม่เห็นจะได้รับกรรมอะไรเลยวะ กูงง”
ไม่พูดเปล่า ฉันยังเอามือถือของตัวเองให้เพื่อนดูด้วย ยัยเอิงเอยพอได้ยินเสียงของคนในไลฟ์ เธอก็มีอาการแบบเดียวกับฉันเป๊ะ!
“เสียงตอแหลเนอะ”
“ใช่ไหม!!”
“อะไรๆ พวกมึง วันๆ มัวแต่นินทาชาวบ้านไม่เป็นอันทำอะไรแล้วเนี่ย”
คนที่หายไปจากโต๊ะร่วมชั่วโมงได้กลับเข้ามาด้วยใบหน้าที่เซ็งเป็ด เลอาร์แม่สาวผมทองสยองเกล้าได้หันไปเทน้ำแข็งในแก้วของหล่อนทิ้งแล้วยื่นให้เอิงเอยซึ่งนั่งอยู่ใกล้โต๊ะวางเครื่องดื่มมากที่สุด
“กูตลอดอะ” คนถูกใช้บ่นอุบ ช่วยไม่ได้ ตอนเลือกที่นั่งดันอยากอยู่ใกล้ของกินเองนี่หว่า
“ไหนๆ นินทาใครอยู่ ให้กูนินทาด้วยคนดิ”
ว่าแล้วเลอาร์ก็คว้ามือถือฉันไปดูด้วยความสนใจ ทีเมื่อกี้ทำเป็นมาว่าฉัน ทีงี้ล่ะอยากรู้เชียวนะ
“อี๊ ฟังเสียงแล้วอยากเดินไปอ้วกอีกรอบ”
“ก็ทำได้แค่นี้แหละมึง” ว่าพลางดึงมือถือจากเพื่อนมาไว้กับตัว “กูทำอะไรพวกมันได้บ้างนอกจากแอบแซะไปวันๆ ขนาดโพสต์ประจานมันยังไม่สะเทือนเลย”
ละสายตาจากเพื่อนฉันก็เปิดเข้าดูนั่นดูนี่ไปพลาง ถึงแม้ว่าวันนี้ฉันจะมาอยู่ในสถานที่ที่ฉันชอบมามากที่สุดอย่างร้านเหล้าร้านประจำ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจมันไม่สดใสเอาซะเลย
เลิกโทษคนอื่นสักทีเถอะ ใครๆ ก็รู้ว่าเธอมันจืดชืด ใครจะไปเอาลง
ฉันอุตส่าห์ไม่พูดแล้วนะ แต่ผู้ชายเขาบอกกับฉันแบบนั้นจริงๆ
คำพูดที่ยัยเพลงดาวพูดกับฉันหลังจากแย่งแฟนฉันไปในวันนั้นมันยังติดอยู่ในหู ความเคียดแค้นนี้ไม่มีวันลืมแม้ว่าจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม ยิ่งได้เห็นสองคนนั้นรักกันหวานชื่น มันยิ่งทำให้ฉันแค้นมากขึ้น
“น่าขยะแขยงว่ะ ทำไมมึงไม่บล็อกๆ ไปซะ น่ารำคาญจะตาย”
“บล็อกทำไมค้า ฉันอยากเข้าไปในไลฟ์ให้มันเสียอารมณ์เล่นๆ สะใจดี”
“อีโรคจิต!”
ด่าฉันเสร็จก็กระดกเหล้าเข้าปากประหนึ่งลำยอง ทำเอาฉันอดไม่ได้จนหลุดขำกับท่าทางของมัน เห็นแบบนั้นฉันเองก็นึกอยากจะกระดกเหล้าลงคอบ้าง แต่ในระหว่างที่จะกดออกจากไลฟ์ก็ไม่ลืมที่จะยั่วโทสะเจ้าของเสียงแบ๊วเรียกเท้านั่นซะหน่อย
เกี๊ยวๆ รถเป็นไรอะ: สวัสดีค่าพี่เพลง ฝากบอกพี่สัวด้วยนะคะว่าคิดถึง
เอาสิค้า กรี๊ดออกมาเลยค่า กรี๊ดออกมา คิคิ แค่นี้หนึ่งวันของฉันก็สดใสขึ้นมาแล้ว
“กูเพิ่งจะชงเหล้าเสร็จเลอาร์ไปไหนอีกแล้ววะ ไวจริงๆ เลยอีนี่”
คำพูดของเอิงเอยทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากมือถือครู่หนึ่ง สายตาสอดส่องไปทั่วผับเพื่อมองหายัยสาวผมทองที่หายไปจากโต๊ะอีกครั้งหลังจากเพิ่งกลับมา ท่ามกลางคนมากมายที่ดิ้นดึ๊บดิ้นดึ๋ยอยู่กลางแสงสีและเพลงแสนแสบแก้วหู ฉันไม่พบเลอาร์อยู่ที่ไหนเลย
ทว่าสายตาดันไปสะดุดเข้ากับคนหนึ่ง...
“มึงลองมองหาดิ๊ ผมขาวๆ แบบนั้นไม่น่าหายากนะ”
“อือ...ขาว ขาวมาก”
เขาเป็นผู้ชายที่นั่งจิบเหล้านิ่งๆ ท่ามกลางคนมากมายที่โยกย้ายไปตามจังหวะของเสียงเพลง เป็นคนที่แม้จะอยู่เฉยๆ แต่แสงก็สาดไปถึงอยู่เสมอ ใบหน้าหล่อเหลายามเหม่อมองไปยังเบื้องหน้า มันช่างทำให้ฉันสั่นไปทั้งใจ...
เห็นแล้วใช่เลย ใช่จนอยากเดินเข้าไปถามว่ามีแฟนรึยัง ใช่จนลืมไปเลยว่าเคยอกหักมา!
“มึง”
มือทั้งสองข้างหันไปดึงแขนเสื้อเอิงเอยยิกๆ
“อะไร ท่าแบบนี้คืออะไร!”
“กูอยากได้เขา!”
“เอาอีกละ ครั้งนี้กูไม่ไปขอเบอร์ให้นะบอกเลย”
“งืออ เอยจ๋า” ฉันพยายามทำหน้าตาออดอ้อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายฉันมันตื่นไปหมดแล้ว เจ้าหัวใจบ้านี่ก็เต้นแรงไม่หยุดหย่อน ยิ่งจ้องหน้าเขายิ่งเห็นท่าจิบเหล้าสุดเท่ โอ๊ย ใจอีเกี๊ยวจะเหลว
“พอเลย อยากได้ไปขอเองค่ะ”
“มึงง่า”
“ไม่ต้องมางงมาง่า...” สายตาของเธอจ้องไปยังด้านหลังฉันก่อนจะพยักพเยิดเบาๆ “มานู่นแล้ว”
พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง เกิดมาแม่เอาอะไรให้กินถึงได้หล่อโลกละลายขนาดนี้ คำว่าวัวตายควายล้มยังเทียบไม่ติดกับความหล่อของเขา ขนาดที่ว่าแสงสลัวภายในผับยังลดออร่าของเขาลงไปไม่ได้เลย
ฉันต้องทำยังไง ถ้าอยากได้เขาจนตัวสั่นต้องทำยังไง
“เก็บทรงอีเพื่อน ลืมพี่เจ้าสัวไปแล้วเรอะ”
“เจ้าสัวไหน จำไม่เห็นได้เลย”
วินาทีนี้อะไรก็หยุดฉันไม่ได้แล้วทั้งนั้น เมื่อเห็นแล้วว่าเป้าหมายกำลังเดินมาทางนี้ฉันก็รีบหันหน้าเข้าหาวงเหล้า พร้อมทั้งส่งสายตาให้เอิงเอยเป็นการด่วน
“อะไร?” เอิงเอยเลิกคิ้วถามอย่างงุนงง
“เหล้าๆ เก็บ”
“เก็บทำไม มึงไม่กินแล้วเหรอ?”
“ไม่กินแล้ว เก็บๆ”
แม้ว่าจะไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่มันก็ยอมทำตามแต่โดยดี เหล้าหนึ่งกลมที่มีปริมาณเหลืออยู่ก้นขวดได้ถูกเก็บลงข้างล่างอย่างรวดเร็ว
วินาทีนี้คนมันอยากได้ อะไรก็ต้องทำหมดนั่นแหละ
“มายังๆ”
ฉันยักคิ้วหลิ่วตาให้เอิงเอยเพื่อสำรวจเป้าหมาย มันเองยักคิ้วตอบพร้อมทั้งอ้าปากพูดโดยไม่ออกเสียง
สาม...สอง...หนึ่ง
“เออมึง กูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ รู้สึกมึนๆ อะ”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นโดยไม่ต้องหันไปดูว่าด้านหลังมีใครยืนอยู่หรือไม่ เท้าข้างหนึ่งถอยหลังไปเพียงครึ่งก้าวก็ได้รับผลที่น่าพึงพอใจ
ตุ้บ!
แรงกระแทกจากคนที่มาชนทำให้ร่างฉันเซหงายหลังในทันที ฉันหลับตาพริ้มปล่อยให้ร่างกายล้มลงไปในอ้อมกอดของคนคนนั้น ในจังหวะเดียวกันนั้นมือหนาของคู่กรณีก็เอื้อมมารั้งเอวฉันเอาไว้ ภาพในหัวฉันตอนนี้คือเจ้าหญิงที่ถูกตระกองกอดโดยเจ้าชายรูปงาม ความสุขที่เกิดขึ้นในจนทำให้ไม่อยากลืมตาขึ้นมาเลย
“เป็นอะไรไหมครับ?”
เสียงนุ่มทุ้มกระซิบอยู่ที่ข้างหู ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงจนร้อนผะผ่าวไปทั้งใบหน้า ดวงตาคู่สวยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ
ฮั่นแน่...คิดว่าจะหักมุมด้วยการเป็นไอ้หนุ่มขี้เหร่ที่ไหนไม่รู้ล่ะสิ ฝันไปเถอะ คนอย่างเกี๊ยวคำนวณอะไรแล้วไม่เคยพลาด ยิ่งเรื่องผู้ชายนะยิ่งแม่น องศาเป๊ะทั้งท่ากอดทั้งใบหน้าที่ฉันช้อนมองเขา ดวงตาคู่คมที่จ้องมองลงมาพลางเลิกคิ้วสูง จมูกโด่งเป็นสันจนแทบจะทิ่มหน้าฉันอยู่แล้ว ริมฝีปากสีชมพูนุ่มนิ่มน่าจุ๊บ
ใครบอกว่าเทพบุตรไม่มีอยู่จริง ใครมันเป็นคนพูด!!
“เอ่อ...เป็นอะไรไหมครับ?” เขาถามย้ำอีกครั้ง
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ”
ฉันรักษาท่าทีด้วยการพยายามลุกขึ้นยืนเองอย่างยากลำบาก ก่อนจะซ่อนใบหน้าแดงก่ำของตัวเองเอาไว้ด้วยการยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกแก้ม ท่าทางแสนบอบบางนี้ไม่ว่าใช้เมื่อไหร่ก็ได้ผล เพราะคนตรงหน้าดูจะติดกับเข้าให้แล้ว
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมเดินไม่ระวังเอง”
อีกฝ่ายตอบกลับเสียงนุ่ม เล่นเอาฉันเหลวไปทั้งใจ งานนี้ต้องเจอทักษะอ่อยขั้นเทพของยัยเกี๊ยว ดีกรีเทพีตลาดแม่จิ๋มใหญ่ เรื่องแบบนี้จะปล่อยให้พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“ไม่เป็นไรค่ะ...” สเตปแรกต้องเนียนบอกชื่อโดยไม่ตั้งใจ “เกี๊ยวเดินไม่ระวังเอง เกือบทำพี่เจ็บตัวเลย ขอโทษนะคะ”
อันดับสอง เรียกพี่ไว้ก่อนแม่สอนไว้ ดูจากรูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวของเขาไม่มีทางที่จะอายุน้อยกว่าฉันได้ หรือถ้าน้อยกว่า ก็แค่เปลี่ยนสรรพนามและได้หัวข้อการสนทนาเพิ่มมาอีกหนึ่ง
เฉียบ...
“ว่าแต่มาคนเดียวเหรอคะ?”
อันดับสาม เช็กระดับความสัมพันธ์รอบด้าน เพื่อดูว่าวันนี้เขามากับเพื่อนหรือแฟน ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่มักจะไม่ควงแฟนมาในสถานที่แบบนี้หรอก แต่ฉันเองก็มีวิธีตรวจสอบก่อนจะตกลงคุยเช่นกัน
“มากับเพื่อนครับ”
“อือ...แล้วมาเที่ยวดึกๆ แบบนี้แฟนไม่ว่าเหรอคะ?”
เอาเซ่ ชื่อแซ่ยังไม่ทันรู้จักก็รุกหนักขนาดนี้ซะแล้ว แต่ฉันคนนี้ถือคติ เปิดก่อนได้เปรียบ มัวแต่เหนียมอายนอนรอผู้ชายเข้าหามันจะได้กินไหมล่ะ ได้ทีมันต้องรุก รุกเท่านั้นที่ครองโลก!!
เอ๊ะ...เขามีแต่ตื๊อไม่ใช่เหรอวะ เออๆ ช่างเถอะ ได้เหมือนกันนั่นแหละ
“ไม่ว่าครับ”
เพล้ง!
เหมือนฉันได้ยินเสียงแก้วแตกอยู่ในหัว ใบหน้านั้นเจ็บจนชาจากการถูกกระจกบาด หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ลมหายใจเริ่มติดขัดคล้ายคนจะจมน้ำ ตอนนี้ต้องการรถกู้ภัยมาเก็บศพโดยด่วน
หากคนพบรักตายอย่างสงบศพสีชมพู ฉันคนนี้คงจะตายอนาถต่อหน้าฆาตกรเลือดเย็นคนนี้ มีแฟนแล้ว พูดอ้อมๆ ก็เจ็บ ทำไมโลกใบนี้ช่างโหดร้ายกับฉันเหลือเกิน
ชอบผู้ชายคนหนึ่งมา 7 ปีก็ไม่สมหวัง ถูกเขาพาแฟนมาแสกหน้าถึงที่ แล้วมาเจอคนที่ใช่ในเวลาที่เขามีแฟนแล้วอีก
เฮ้อ...ชีวิตอีเกี๊ยวสงสัยต้องขึ้นคานไปตลอดชีวิต
ทว่าในขณะที่กำลังสิ้นหวังนั้นเองชายหนุ่มตรงหน้าก็ได้เผยรอยยิ้มโลกละลายขึ้นมาอีกครั้ง เขายกมือขึ้นป้องปากน้อยๆ ก่อนจะตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
“แฟนก็ต้องไม่ว่าอยู่แล้ว...”
ดวงตาของเขาจ้องฉันตาไม่กะพริบ ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าหูของเขาแดงมากๆ หรือเป็นเพราะแสงไฟวิบวับจากในผับกันนะ
“เพราะไม่มีแฟน”
ฮะ...
เสียงในหัวบอกฉันแบบนี้เลย เมื่อครู่ฉันทำท่าจะรุกเขาแทบตาย แต่ทำไมเจอเพียงรอยยิ้มเดียวบวกกับคำว่าไม่มีแฟน ร่างกายมันถึงได้แข็งทื่อราวกับถูกรุกซะเองแบบนี้ ผู้ชายตรงหน้าฉันนี่แพรวพราวไม่หยอกเลย คงมีผู้หญิงไม่น้อยที่ตายเพราะสายตาและคำพูดของเขา
แต่แบบนี้แหละเกี๊ยวชอบค่ะ!!
“งั้นถ้าไม่มีแฟน เอ๊ย! ไม่ว่าอะไร ให้เกี๊ยวเลี้ยงสักแก้วนะคะ เป็นการไถ่โทษที่ถอยไปชนเมื่อกี้”
“ได้ครับ”
“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอคะ?”
“จอมทัพครับ เรียกทัพเฉยๆ ก็ได้”
จอมทัพ...กรี๊ด บนโลกนี้มันมีด้วยเหรอวะคนที่เกิดมาแล้วรูปงามนามเพราะได้ขนาดนี้ ตายแล้ว...หน้าฉันร้อนไปหมดแล้ว จอมทัพ ทัพ...ชื่อน่าทับ เอ๊ย! น่ารักมากเลยค่ะ