ณ ร้านอาหารย่านเจริญกรุง
ใบไม้ไหวในลมเบา เสียงจานกระทบกันแผ่ว ๆ แทรกเข้ามาในบรรยากาศยามเย็น เสียงเพลงคลอเบา ๆ ดังจากวิทยุเก่าในมุมร้าน กลิ่นกับข้าวคุ้นเคยลอยแตะปลายจมูก ราวกับพาใครบางคนย้อนเวลากลับไปหาวันเก่า
ทิพย์ธารายืนนิ่งอยู่หน้าร้าน มือที่เคยแนบอยู่ข้างตัวค่อย ๆ ยกขึ้นจับสายกระเป๋าที่สะพายอยู่ หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับตอนเปิดจดหมายนั้นครั้งแรก จังหวะมันดังก้องอยู่ในอกอย่างไม่มีเหตุผล เธอสูดลมหายใจช้า ๆ มองผ่านกระจกหน้าร้านเข้าไปด้านใน
และเมื่อสายตาสบเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง หัวใจเธอก็เต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
เอกภพนั่งอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ส่องลอดผ้าม่านไม้ไผ่ลงมาตรงโต๊ะพอดี เสื้อเชิ้ตแขนยาวพับขึ้นถึงข้อศอก มือซ้ายถือถ้วยน้ำชา มือขวาวางพาดขอบโต๊ะอย่างสบาย ๆ
เมื่อเขาเห็นเธอ เขายิ้ม ยิ้มเหมือนเดิม ยิ้มที่เธอจำได้ขึ้นใจตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ไม่ได้เร่งรีบ ไม่ได้เรียกร้อง แค่ยิ้มอยู่อย่างนั้น รอให้เธอก้าวเข้ามา
“ธารา เธอมาแล้ว”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังมากนัก แต่กลับได้ยินชัดเจนเสียจนรู้สึกว่าเวลาในร้านหยุดเคลื่อนไหว
“พี่เอก...” เสียงของเธอเบา ราวกับไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือความฝัน
เธอเดินเข้าไปช้า ๆ ทุกย่างก้าวเหมือนต้องใช้ความกล้าอย่างมาก จนกระทั่งมาหยุดตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง มือทั้งสองยังประสานไว้บนตักแน่นเหมือนยึดเกาะบางอย่างไว้ไม่ให้ใจลอย
พนักงานในร้านเดินมาเสิร์ฟน้ำเย็นสองแก้ว วางเบา ๆ โดยไม่มีคำพูดใด นอกจากรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะถอยกลับไปอย่างรู้เวลา
เอกภพยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม
“พี่ไม่ได้เขียนจดหมายนานแล้วนะ ลายมือก็ไม่ค่อยดีด้วยสิ” เขาพูดพลางเกาหลังคอ ยิ้มแหย ๆ แบบคนรู้ตัวว่าทำอะไรที่ไม่ถนัด
“วันหลังพี่เดินมาหาฉันเลยก็ได้ ไม่ต้องถึงขนาดเขียนจดหมายก็ได้นะพี่” เธอยังพูดติดตลก ยิ้มแบบเขิน ๆ เสียงเบาเหมือนกระซิบในอากาศ
เอกภพหัวเราะเบา ๆ
“ก็ถ้าไปบอกต่อหน้า แล้วเธอปฏิเสธพี่ล่ะ?”
ทิพย์ธารานิ่ง เธอไม่ได้ตอบในทันที สายตาเลื่อนมองเขาช้า ๆ
เขายิ้มอีกครั้ง แม้ไม่มีคำตอบ แต่ก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่ผิดหวัง
“พี่ก็จะได้รู้ไงว่าถ้ามา แปลว่าเธอตกลง”
เขาหยุด แล้วพูดต่อช้า ๆ
“ถ้าไม่มา พี่ก็แค่ทำใจ”
“อีกอย่าง เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้พี่ไม่กล้าพูดตรง ๆ เลยเขียนจดหมายไปก่อน” เขาเสริมขึ้นมาอีก
ในเมื่อตอนนี้เธอมาปรากฎตรงหน้าเขาแล้ว
เขาจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เธอ ท่ามกลางสายตาของลูกค้าคนอื่นในร้านที่เริ่มเหลียวมองมาที่เขาและเธอ
เอกภพคุกเข่าลงช้า ๆ มือหนึ่งแตะที่พื้น อีกข้างถือกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ที่เขาเพิ่งไปเลือกซื้อกับวิไลรัตน์มา ข้างในเรียบ ๆ มีแหวนวงหนึ่ง กับความตั้งใจเต็มเปี่ยมในแววตาเขา
“แต่งงานกับพี่นะธารา”
ทิพย์ธาราเบิกตากว้างเล็กน้อย สองมือที่วางบนตักยิ่งเกร็งแน่นขึ้น เธอเบือนสายตามองซ้ายมองขวาเล็กน้อย ก่อนจะมองต่ำลงไปมองมือของเขาที่ถือแหวนคุกเข่าอยู่กับพื้น
เขาเม้มปากนิดหนึ่ง ก่อนจะทำเสียงในลำคอเบา ๆ
“อะแฮ่ม!” เอกภพขัดขึ้นทันที “มาถึงที่นี่แล้ว แปลว่าไม่ปฏิเสธนะ”
ทิพย์ธาราสูดลมหายใจ
“อืมม” เธอพูดอึกอัก เหมือนกำลังใช้ความคิด
“ก็ได้พี่” แล้วเธอก็ยอมตอบตกลงด้วยน้ำเสียงกระซิบที่มีเพียงเขาได้ยิน พร้อมกับทำท่าเหมือนจะพูดต่อ ผิดกับเขาที่ตอนนี้ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งไปแล้ว
“แต่ตรงนี้เลยหรอพี่เอก... ฉันนึกว่าพี่จะขอฉันแต่งงานหลังกินข้าว หรือตอนที่มีแค่เราสองคนซะอีก” เธอพูดเบา ๆ
เขาหัวเราะโล่งอกนึกว่าที่เธออึกอักเพราะจะไม่ตอบตกลงเสียอีก
“ก็พี่อยากได้พยาน” เอกภพตอบ
“เยอะไปพี่ “ธารายิ้มแต่ในใจก็ทั้งดีใจ ทั้งตกใจ “นี่ขนาดไม่กล้าพูดตรง ๆ นะเนี่ย” หัวเธอคิดอัตโนมัติ
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง แววตาจริงจังมากกว่าเมื่อครู่
“แต่พี่รู้ใช่ไหม ว่ามันเร็วมาก”
เอกภพพยักหน้า
“พี่รู้...” เขาตอบเรียบ ๆ แล้วเปลี่ยนมานั่งลงข้างเธอ แทนที่จะกลับไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“แต่พี่ก็รู้เหมือนกันว่าเวลามันไม่ได้สำคัญเท่ากับ ‘ความรู้สึก’ ที่เราเก็บไว้มาตลอด”
เขาเอื้อมมือไปวางบนโต๊ะ ใกล้มือของเธอ ไม่แตะ ไม่เร่งรัด แค่เปิดโอกาสให้เธอวางมือมาบนนั้นถ้าเธอพร้อม
“ธารา” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงอ่อนโยนเหมือนเคย
“พี่ขอแค่โอกาส ได้ดูแลเธอ ไม่ใช่แค่ในฐานะคนรู้จัก หรือเพื่อน แต่ในฐานะ ‘คู่ชีวิต’ ของกันและกัน ไม่ต้องมีงานใหญ่ ไม่ต้องมีอะไรหรูหรา แค่มีเธอ พี่ก็พร้อมจะเริ่มต้นทุกอย่างใหม่”
ทิพย์ธาราไม่ได้ตอบ เธอแค่นั่งนิ่ง ปล่อยให้คำพูดของเขาซึมเข้าหัวใจอย่างช้า ๆ
...เงียบ
...และเงียบ
จนเธอพยักหน้าเบา ๆ
ร้านอาหารเงียบกริบอยู่ครู่หนึ่ง จนมีเสียงใครบางคนเฮขึ้นมาเบา ๆ หลังจากเธอพยักหน้า แล้วลูกค้าอีกหลายคนก็ปรบมือแสดงความยินดี เสียงฮือฮาเบา ๆ ดังกระจายทั่วร้าน ตอนนี้เขาและเธอมีพยานรักชั่วคราวอยู่เต็มร้านไปหมด
เอกภพหันไปยิ้มขอบคุณทุกคน ธาราทำหน้าเก้อ ๆ แต่ก็ยิ้มตาม
แล้วทั้งสองก็เริ่มสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะไปหมด ราวกับว่าซ้อมเปิดโต๊ะจีนอย่างไรอย่างนั้น
หลังพนักงานวางอาหารจานสุดท้ายเสร็จ ธาราก็ถามขึ้นเบา ๆ
“แล้วพี่ไปบอกแม่พี่แล้วหรอ?”
“พี่คุยกับแม่แล้ว...” เอกภพพยักหน้า
“มีหรอที่แม่พี่จะปฏิเสธธารา เพราะพี่เลือกคู่ชีวิตดีที่สุดแล้ว”
ธารายิ้มบาง ๆ แต่ก้มหน้าลง
“แต่แม่ฉันคงไม่”
“...แม่เธอจะไม่ยอมให้แต่งงานหรอ” รอยยิ้มของเอกภพค่อย ๆ ลดลงเมื่อได้ยินเธอพูด
เสียงของเอกภพไม่ได้ดังนัก แต่ก็ชัดเจนพอที่จะทำให้ทิพย์ธาราที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชะงักเล็กน้อย หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าลงมองมือตัวเอง เธอขยับปลายนิ้วไปมาบนตักอย่างเก้อ ๆ แล้วถอนหายใจเบา ๆ
“แม่ฉันเป็นคนหัวแข็ง อย่างที่ฉันเคยเล่าให้พี่ฟังนั่นแหละ” เสียงเธอแผ่วลงนิดหนึ่ง ขณะสายตาหม่นลงเล็กน้อย “ถ้าฉันจะแต่งงาน... แม่คงคิดว่าฉันจะทิ้งแม่ไปแน่”
เธอพูดช้า ๆ ชัดทุกคำ ราวกับกำลังทบทวนความคิดตัวเองไปด้วย สายตายังคงหลบ ไม่ยอมสบกับเขา
“อีกอย่าง แม่ฉันก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่คือใคร ฉัน” เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ฉันยังไม่เคยบอกแม่เลย”
เอกภพไม่ตอบทันที เขาขยับตัวเล็กน้อย ยื่นมือไปจับมือเธอเบา ๆ แล้วกระชับแน่นขึ้นช้า ๆ ปลายนิ้วของเขาแตะโดนหลังมือเธอแผ่วเบา ก่อนจะสอดประสานไว้เหมือนเดิม
ความอบอุ่นยังคงแผ่ล้อมรอบตัวเขาทั้งคู่ มีเพียงเสียงของพัดลมเก่า ๆ ที่หมุนอยู่บนเพดานร้านอาหารเงียบ ๆ คอยทำหน้าที่กลบความเงียบสนิทนั้นไม่ให้กลายเป็นความอึดอัดเกินไป
แต่แล้ว ความเงียบก็กลับมาปกคลุมอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเขินอาย หรือความไม่กล้าพูด แต่เป็นเพราะ "ความกลัว" บางอย่างที่ซึมลึกเข้ามาโดยไม่มีเสียง
ทิพย์ธาราขยับมือในมือเขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดเบาลงกว่าเดิม
“แล้ว เราจะบอกแม่ยังไงดี”
คำถามนี้แทบจะไม่ใช่คำถาม แต่เหมือนเป็นเสียงรำพึงที่เธอพูดกับตัวเองมากกว่า ราวกับไม่แน่ใจว่าจะกล้าทำจริงหรือเปล่า
เอกภพนิ่งไปนิด ใบหน้าที่เคยยิ้มละไมเมื่อครู่เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย มือของเขากระชับแน่นขึ้นอีกรอบ ก่อนจะหลุบตาลงมองโต๊ะอย่างใช้ความคิด
“...” เขาไม่ได้ตอบอะไรในทันที เพียงแต่ก้มหน้าเล็กน้อย เสียงหายใจของเขาฟังชัดขึ้นในความเงียบ
“แม่วารีคงรักธารามาก เธอคงเป็นความหวังเดียวของแม่” ในที่สุดเขาก็พูดออกมา น้ำเสียงนั้นไม่ได้เศร้า แต่แฝงด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
ทิพย์ธาราพยักหน้าช้า ๆ ดวงตายังคงหม่น
“ถ้าฉันกลับไปพร้อมข่าวแต่งงาน แม่จะรับได้ไหม”
เอกภพเอียงศีรษะมองเธอเล็กน้อย ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักคำตอบในใจ แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเลนัก
“งั้นเรากลับไปหาแม่กันก่อนเลยดีไหม พี่จะไปทำความรู้จักแก บางที แกเห็นพี่อาจจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิดก็ได้”
ทิพย์ธาราส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วถอนหายใจแรงกว่าครั้งก่อน
“ตอนฉันจะมาทำงานที่กรุงเทพฯ แม่ก็ไม่ยอมอยู่นานนะพี่ นี่เราจะมาบอกว่าเราจะ ‘แต่งงาน’ อีก...” เธอก้มหน้าลง พูดต่อเสียงเบา
“แม่คงคิดไปในแนวว่าฉันทำลายอนาคตตัวเองอีกแน่ ๆ”
เธอเงียบไป คิ้วขมวดเข้าหากันนิด ๆ ขณะสายตามองช้อนในมืออย่างไร้จุดหมาย
เอกภพขยับเก้าอี้เข้าใกล้เธอเล็กน้อย แล้วพูดเสียงนุ่ม
“แต่สุดท้ายแม่ก็ยอมให้มาใช่ไหม เราค่อย ๆ พูดกับแม่ดีไหม เริ่มจากเรื่องงาน เรื่องชีวิตในกรุงเทพฯ แล้วค่อยพูดเรื่องเรา อย่าให้แม่รู้สึกว่าเธอ ‘เลือกพี่’ แทนอนาคตของตัวเอง แต่ให้แม่รู้ว่าเรา กำลังเลือก ‘อนาคตที่มีพี่’ ร่วมด้วย”
ทิพย์ธาราเงียบ ฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะยิ้มจาง ๆ อย่างเศร้า
“พี่พูดดูเหมือนจะง่าย แต่แม่ไม่ใช่คนใจอ่อน บางที แม่อาจจะไม่ยอมให้ฉันพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าเห็นพี่”
เธอขยับมือที่เอกภพจับไว้อย่างเบามือเหมือนจะหดกลับ แต่เขาก็ยังประสานไว้ไม่ปล่อย
เอกภพนิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะพูดขึ้นมาเสียงนุ่มและหนักแน่นในเวลาเดียวกัน
“พี่ว่าเราอย่ามัวแต่กังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเลยดีกว่า บางทีมันอาจจะไม่แย่อย่างที่เราคิดกันก็ได้”
เธอหันมามองเขา ดวงตาสบกันเงียบ ๆ ใจเต้นแรงอย่างไม่อาจห้ามได้ ราวกับตอนที่ได้เปิดจดหมายจากเขาในวันนั้น ความรู้สึกคล้ายกันมาก
เธอสูดลมหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยออกมา
“งั้นก็ลองดูกันสักตั้ง”
คำพูดนั้นทำให้เอกภพยิ้มกว้าง ดวงตาเขาเปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของเธอ
แล้วจู่ ๆ
“โครกกกกก~”
เสียงท้องของเอกภพร้องขึ้นมาจนเธอต้องหันขวับไปมองแทบจะในทันที
“หืม? นี่พี่ขอฉันแต่งงานนะ ไม่ได้ขอข้าว”
เอกภพทำหน้าทะเล้นทันที
“ข้าวก็สำคัญ! จะขอแต่งงานทั้งที พี่ต้องมีแรง!”
โครกก โครกกก~ เสียงท้องเขาร้องซ้ำราวกับยืนยันคำพูด
ทิพย์ธาราหัวเราะเสียงใส ปล่อยให้อารมณ์คลายตัวลงช้า ๆ
“กินเถอะพี่ ท้องร้องประทับใจเชียวนะ”
“นี่แหละ ซาวด์แทร็กชีวิตคู่” เขาพูดพลางเอามือจับท้องแล้วทำหน้าอ้อนใส่เธอ เหมือนจะบอกว่า 'หิวข้าว' กับ 'หิวเธอ' พอ ๆ กัน
ทั้งสองหยิบช้อนขึ้น เริ่มตักข้าวเข้าปากกันแบบเนิบ ๆ ได้ไม่กี่คำ ก็มีเสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นจากโต๊ะข้าง ๆ
“ข้าวใหม่ปลามันเนอะลุง!”
คุณลุงหัวเราะขึ้นมาทันที
“แหน่ะ ๆ เห็นนั่งยิ้มกันอยู่นั่น เดี๋ยวข้าวไม่ทันร้อนก็หวานกันจนน้ำตาลขึ้นโต๊ะ!”
เอกภพกับทิพย์ธาราหันไปมองพร้อมกัน ทิพย์ธารายิ้มเจื่อน ๆ หน่อย ส่วนเอกภพยิ้มหน้าบานราวกับเด็กได้ของเล่น
“ใหม่จริงครับป้า ผมเพิ่งเขียนจดหมายไปขอเธอมา!”
“อู้หู๊! ดีจัง เราน่ะเมื่อก่อนเขียนไปก็แค่โดนแม่เขาเก็บเอาไว้ไม่ให้ตอบ” ลุงพูดพร้อมหัวเราะลั่น
ป้าพยักหน้าเสริม “สมัยก่อนมีแต่โดนตีก่อนค่อยได้แต่ง”
ทิพย์ธาราก้มหน้าลง พลางเคี้ยวข้าวช้า ๆ กลั้นขำเอาไว้ แต่ในใจของเธอก็มีชื่อแม่วารีลอยวนขึ้นมาอีกครั้งแบบไม่รู้ตัว
“ขอบคุณลุงป้านะครับ ที่เป็นพยานรักให้เราสองคน” เอกภพหันไปพูดกับสองคนนั้นด้วยรอยยิ้ม
“รักกันนาน ๆ นะลูก เดี๋ยวแก่แล้วจะรู้ว่ามีคนกินข้าวด้วยทุกวันเนี่ยสำคัญที่สุดแล้ว”
เอกภพหันกลับมามองทิพย์ธารา ยิ้มตาเป็นประกายเหมือนเด็กซน
“ได้ยินมั้ย พี่ทำกับข้าวให้กินทุกวันเลยดีมั้ย”
ทิพย์ธาราวางช้อนลง แล้วหันมามองเขานิ่ง ๆ สักพัก ก่อนจะตอบกลับแบบไม่ทันคิด
“พี่ทำแล้วฉันจะป่วยไหมล่ะ”
เธอยิ้มเย้า แล้วก็เสริมต่ออีกประโยคทันที
“งั้นเราผลัดกัน ฉันทำพี่กิน พอพี่ทำ ฉันหนี!”
เอกภพหัวเราะลั่น ยื่นมือมาจับมือเธอไว้แน่นด้วยความเอ็นดูไม่ห่างตา...