EP.25 [เลือด]

1322 Words
“ฉากนี้เป็นฉากที่พระนางได้เจอกันครั้งแรกนะ คือพระเอกจะวิ่งไล่ตีคนมาทางนี้” พี่รีวายรับหน้าที่อธิบายบททำท่าทางประกอบพร้อมชี้ไปทางริมถนน ฉันกับพี่ฌอนและนักแสดงตัวประกอบอีกสามคนยืนฟังอย่างตั้งใจ “แกวิ่งมาถึงนางเอกก็ล้มลงตรงนี้เลยนะ แล้วสวยก็ทำหน้าตกใจที่เห็นเลือดเต็มตัวไปหมด จากนั้นไอ้ฌอนก็วิ่งมาถึงแล้วหยุดมองคู่อริด้วยสีหน้าสะใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับสวยที่ยืนพิงกำแพงตกใจอยู่ตรงนี้ สวยก็ทำหน้าหวาดกลัวแล้วจะหนี แต่ไอ้ฌอนรั้งเอาไว้” พี่รีวายจับตัวฉันให้ยืนพิงกำแพงเพื่อจำตำแหน่งแล้วดึงพี่ฌอนให้เข้ามายืนประกบ ฉันชะงักไปชั่วครู่กับความใกล้ชิดกะทันหัน ทว่าดวงตาคมคู่นั้นกลับไม่มองฉันเลยสักนิด เขายังคงทำเมินใส่ฉันได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย “ทำแบบนี้เลยนะ ขอฟีลสบตากัน พระเอกออกแนวข่มขู่แต่ก็ถูกใจ ส่วนนางเอกคือฟีลหวาดกลัวแต่ก็ตกอยู่ในภวังค์เหมือนกัน ทำได้นะ เพราะเรื่องนี้มันแนวรัก เน้นความฟิน” พี่รีวายย้ำแนวหนังกับฉันอีกครั้ง ฉันพยักหน้ารับพลางปรายตามองพี่ชายตัวเองที่นั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ พี่สิงห์รับหน้าที่เป็นผู้กำกับ เขานั่งทำหน้าถมึงทึงมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว “เอาล่ะ ทุกคนเข้าที่ได้เลย สวยพร้อมนะ” “อะ อื้อ” ไม่พร้อมก็คงต้องพร้อมแล้วล่ะ! ฉันยืนตรงตำแหน่งมาร์คของตัวเอง มองพวกผู้ชายที่กำลังถ่ายฉากวิ่งไล่กัน พี่รีวายส่งสัญญาณมือว่าให้ฉันเตรียมตัว กล้องกำลังจะแพลนมาแล้ว ฉันสูดลมหายใจเข้าปากก่อนเป่าออกมาแรง ๆ เรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง พลั่ก! “อ๊ะ!” เพราะฉันกรี๊ดไม่เป็นพี่รีวายเลยบอกให้ฉันเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เสียงตกใจเลยออกมาแค่นั้น ฉันมองคนที่ล้มอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าตกใจจริง ๆ เลือด… เลือดเขาเยอะมาก! . . . [บทบรรยาย ฌอน] ผมขมวดคิ้วมองร่างบางที่กำลังจับจ้องร่างโชกเลือดตรงหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด นั่นเธออินกับการแสดงขนาดนั้นเลยเหรอวะ ทำเอาผมเชื่อเลยว่าเธอกำลังตกใจมากจริง ๆ รีวายส่งสัญญาณให้ผมวิ่งเข้าไปในฉาก ผมปรับสีหน้าให้ดูเหมือนพวกวายร้ายทั้งที่ความจริงมันไกลจากตัวผมมาก แหม ปกติผมออกจะเป็นคนดีนี่นะ เรื่องเกรงเกเรไม่เคยมีหรอก ถ้าเป็นไอ้ไรม์น่ะไม่แน่ “…” ผมมองร่างโชกเลือดบนพื้นถนนด้วยสายตาสะใจ อินเนอร์การแสดงมาเต็มมาก แต่พอละสายตาขึ้นมองร่างบางที่กำลังถอยหลังพิงกำแพงด้วยสีหน้าหวาดหวั่นนั่น ผมถึงกับชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ตอนมองไกล ๆ ก็ว่าเธอหน้าซีด แต่คิดว่าตัวเองตาฝาด คิดว่านั่นคืออินเนอร์การแสดงของเธอเสียอีก คิดว่าคนที่แกร่งเกินหญิงห้าวเกินชายอย่างข้าวสวยไม่น่าจะมีอะไรให้กลัวได้เลยนะ ทว่าความคิดทั้งหมดของผมสะดุดไปเพราะสีหน้าของข้าวสวยตอนนี้มันซีดซะจนกลัวว่าเธอจะเป็นลมล้มพับลงไป หมับ! ผมตรงเข้าไปคว้าแขนข้าวสวยแล้วกักกันเธอไว้กับกำแพง ขณะที่เธอไม่ยอมละสายตาจากชายที่กำลังจมกองเลือดตรงหน้า ผมตัดสินใจจับปลายคางเธอแล้วเบี่ยงหน้าให้เงยขึ้นสบตากัน ตอนแรกคิดว่าสิงหามันจะสั่งคัทเพราะผมเล่นนอกบท ไม่สิ เราทั้งคู่ต่างเล่นนอกบท แต่กลับไม่ได้ยินคำสั่งนั้นแสดงว่ามันกำลังรอว่าผมจะทำยังไงต่อไป ดวงตาหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางบาง ๆ ช้อนมองมีประกายสั่นไหวน้อย ๆ ผมเผลอจ้องมองใบหน้าสวยในระยะประชิดอย่างพินิจพิจารณา ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าข้าวสวยเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเลยล่ะ เธอสวยแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องแต่งแต้ม แต่ไม่ใช่สเป็คผม… ผมน่ะชอบผู้หญิงน่ารัก บอบบาง น่าทะนุถนอม ให้ความรู้สึกน่าปกป้องอะไรแบบนั้น “จะ… ทำอะไร” เสียงหวานเอ่ยถามเรียกผมออกจากภวังค์ความคิด เพิ่งสังเกตว่ามือตัวเองกำลังลูบแก้มเนียนใสอยู่ ผมเกือบจะชักมือออก แต่นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสวมบทบาทอะไรอยู่ “ปิดปากพยานไง” ริมฝีปากหนาขยับยิ้มร้าย ขณะลากปลายนิ้วมาหยุดลงบนริมฝีปากบาง ดวงตาหวานเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าผมพูดนอกบท อะนะ… ทำไงได้ สถานการณ์มันปูมาแบบนี้แล้วนิ “อะ เอามือออกไปนะ” ข้าวสวยสั่งเสียงเครียด สีหน้าหวาดหวั่นพยายามเบี่ยงหน้าหนีสัมผัสจากผม นั่นทำให้ผมมองเห็นคราบสีแดงเลอะตามแก้มและปลายคางของเธอ มองมือตัวเองก็พบว่ามันเลอะเลือดปลอมอยู่ ก่อนเข้าฉากรีวายมันเอามาละเลงบนมือผมเพื่อความสมจริง นี่หรือว่า… ข้าวสวยกลัวเลือดจริง ๆ? “ทำไม? หรือว่าเธอกลัวเลือด?” ผมถามเสียงนิ่ง พลางชูมือตรงหน้าเธอ ข้าวสวยเบี่ยงสายตาหนี เธอหลับตาแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นสบกับผม ช่วงเวลานั้นยอมรับเลยว่าหัวใจผมเต้นผิดจังหวะ มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน ผมได้แต่ยืนสบตากับเธอนิ่งอย่างคนบ้าใบ้ “คัท!!” พรึ่บ สิ้นเสียงสั่งคัทของสิงหา ข้าวสวยรีบผลักผมออกก่อนจะวิ่งหนีไปทางห้องน้ำโดยมีพี่ชายของเธอเดินตามไปติด ๆ ผมมองตามร่างบางไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงจนตัวเองยังตกใจ บ้าน่า… จะเป็นห่วงยัยนั่นทำไมวะ “เกิดอะไรขึ้น?” รีวายหันไปถามเอกกี้ที่ยักไหล่ตอบ “สงสัยสวยจะกลัวเลือดมั้ง เรื่องปกติของชะนีน้อยอะนะ” “โห เห็นห้าว ๆ เหมือนทอม ไม่คิดว่าจะกลัวเลือดด้วย” “แหม ผู้ชายแมน ๆ อย่างแกแต่กลัวเลือดก็มีเยอะแยะไปไหมยะ อีกอย่างน้องสวยไม่ใช่ทอมนะจ๊ะ น้องเขาแค่แต่งตัวไม่เป็นต่างหาก เปรียบเหมือนลูกหงษ์ที่หลงอยู่ในฝูงเป็ดอ่ะ ถ้าลองได้แต่งหน้าแต่งตัวหน่อย บอกเลยว่าพวกผู้ชายตายเรียบจ้าา” “เออ ก็จริง ตอนเห็นเมื่อกี้ยังอึ้งเลย ไม่คิดว่าจะซ่อนความสวยไว้ขนาดนี้ ถึงว่าทำไมไอ้สิงห์มันชอบพูดกรอกหูว่าน้องมันเป็นทอมจัง ที่แท้ก็ขี้กั๊กนี่เอง เหอะ ๆ” ผมยืนแอบฟังทั้งสองคนคุยกันอย่างเนียน ๆ ในใจก็คิดตามพวกนั้นไปด้วย ที่ผ่านมาผมก็ฟังแต่ไอ้สองแฝดมันพูดกรอกหูเหมือนกันว่าข้าวสวยน่ะแก่นแก้ว ห้าวเกินหญิง แกร่งเกินชาย แถมยังไม่ชอบผู้ชายนิสัยก็คล้ายพวกทอมบอย ยิ่งพอเห็นว่าเธอคบแต่เพื่อนผู้ชายจริง ๆ ผมก็ยิ่งเชื่อในข้อมูลเหล่านั้นเข้าไปอีก คืนที่ผมเมาจนพลาดนอนกับเธอผมก็เสือกจำห่าอะไรไม่ค่อยได้ นอกจากภาพจำราง ๆ ว่าได้กอดกับสาวน้อยน่ารักทั้งคืน แต่พอตื่นมากลับเป็นยัยทอมที่ผมได้ยินวีรกรรมมาอย่างโชกโชนแบบนั้น เป็นใครก็รับไม่ได้ป่ะ ผมจับทอมทำเมียอ่ะ! ผมไม่รับไม่ได้จริง ๆ นะตอนนั้น แต่แม่ง…ไม่รู้ทำไมตอนนี้ผมกลับเริ่มมองข้าวสวยเปลี่ยนไป… ผมแม่งบ้าไปแล้วแน่ ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD