โอ้กกก!
ซ่า…
“ไงล่ะ บอกให้กลับบ้านไม่กลับ สมน้ำหน้า” เสียงพี่สิงห์ลอยมาซ้ำเติมกันจากหน้าประตูห้องน้ำ ฉันวักน้ำกลั้วปากล้างความพะอืดพะอมทิ้งไปแล้วหันมาตวัดสายตาเคือง ๆ ใส่พี่ชายตัวดี
“ก็เพราะใครล่ะ! พี่เป็นคนสั่งให้สวยเล่นบทนี้ไม่ใช่หรือไง” ฉันหันกลับมาจ้องหน้าตัวเองในกระจก คราบเลือดสีแดงยังติดอยู่ข้างแก้ม ฉันเบะปากรีบวักน้ำล้างหน้าใช้มือถูรอยเลือดออกให้หมด
พี่ฌอนนะพี่ฌอน! ทำไมเขาถึงเล่นนอกบทเอาเลือดมาป้ายหน้าฉันล่ะ?! เขาคิดจะแกล้งฉันหรือยังไงกัน!
“เออ ฉันสั่งให้แกเล่นก็จริง แต่แกจะปฏิเสธก็ได้นี่”
“…” ฉันชะงักมือที่กำลังถูหน้าตัวเอง นั่นสิ ถ้าตอนนั้นฉันปฏิเสธ พี่สิงห์ก็คงไม่บังคับฉันหรอก แต่เพราะฉันอยากอยู่ใกล้พี่ฌอนไงฉันถึงยอมเล่นบทนี้ แล้วดูสิ่งที่พี่ฌอนทำกับฉันซิ! มันน่าเจ็บใจนัก!
“ไอ้ฌอนก็อีกคน อยู่ดี ๆ แม่งก็เล่นนอกบท นี่แค่ฉากแรกยังขนาดนี้ ฉากต่อไปแม่งจะวุ่นขนาดไหนวะเนี่ย” พี่สิงห์บ่นอย่างหัวเสีย
“พี่ก็รู้ว่าเขาเล่นนอกบท แล้วทำไมไม่สั่งคัทล่ะ” ฉันหันมองด้วยความอยากรู้จริง ๆ
“ก็… ฉันเห็นสีหน้าแกกับมันเข้ากันได้ดีน่ะสิ อินเนอร์มาเต็มทั้งคู่ ในฐานะผู้กำกับใครจะกล้าขัดละวะ ฉันก็ต้องอยากได้ภาพดี ๆ แบบนั้นสิ”
“เหอะ งั้นก็ไม่ต้องมาบ่นหรอก สวยสิที่ต้องบ่นพี่อ่ะ รู้ทั้งรู้ว่าจะมีเลือดในฉากแต่ไม่บอกไม่เตือนกันสักคำ” ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดตา พี่สิงห์เดินตามหลังออกมาติด ๆ
“ก็ฉันคิดว่าแกรู้แล้วนิ ไอ้รีวายมันบรีฟฉากแกไปแล้วไง”
“โอ้โห… ก็รู้ แต่ไม่คิดว่าตอนถ่ายจริงมันจะโชกเลือดอย่างกับหนังฆาตกรรมแบบนั้นนี่”
เราสองพี่น้องเดินออกมาหน้าฉากซึ่งได้รับสายตาห่วงใยจากทุกคน ฉันขยับยิ้มว่าไม่เป็นไรก่อนจะสบตาเข้ากับพี่ฌอนซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
อะไรกัน… สายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง?
นี่เขากำลังเป็นห่วงฉันอยู่เหรอ…
“ไอ้ตุลย์มาพอดี แกจะกลับพร้อมมันเลยไหมสวย”
“หะ… เอ่อ พี่ตุลย์มาแล้วเหรอ?” ฉันมองหาพี่แฝดอีกคนที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ ใบหน้าสวยหวานติดเย็นชามองมาทางพวกเรา เขาขมวดคิ้วไล่มองสภาพฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
“แต่งตัวบ้าอะไร?” น้ำเสียงเย็น ๆ ถามทันทีที่เดินมาถึง ฉันขี้เกียจอธิบายก็เลยชี้นิ้วไปทางพี่สิงห์ตัวต้นเรื่อง
“ไว้กูเล่าให้ฟัง แกก็ไปเปลี่ยนชุดแล้วกลับพร้อมไอ้ตุลย์เลยสวย”
“อ้าว ไม่ถ่ายต่อแล้วเหรอ?” ฉันมองพี่สิงห์อย่างงง ๆ นี่เพิ่งถ่ายไปซีนเดียวเองนะ
“ไม่ต้องแล้ว เทคนั้นก็ผ่านแล้วแหละ ที่เหลือเป็นฉากพระเอกกับพวกตัวประกอบไล่ตีกัน แกก็กลับไปเลย”
“เอางั้นเหรอ ก็ได้” ฉันตอบรับอย่างว่าง่ายเพราะอยากถอดชุดรัด ๆ นี่ออกจะแย่แล้ว มันรัดหน้าอกฉันซะจนหายใจแทบไม่ออก หวังว่าพรุ่งนี้คงจะได้ชุดใหม่ที่พอดีตัวกว่านี้นะ ไม่งั้นฉันไม่ใส่จริง ๆ ด้วย
“จะกลับแล้วเหรอสวย” พี่แพรวทักฉันหลังจากเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดช็อปของตัวเองเสร็จ ฉันยิ้มตอบพลางมองไปทางพวกพี่แฝดที่กำลังยืนคุยกับพี่ฌอนและพี่รีวายอยู่ “อ่ะนี่… พี่ให้เป็นของขวัญแล้วกัน”
ฉันมองกล่องสี่เหลี่ยมยาว ๆ สีดำขนาดเล็ก ยื่นมือรับมาถือด้วยความงุนงง
“นี่มันอะไรเหรอ?”
“ลิปทินน่ะ ลองแกะดูสิ พี่เพิ่งซื้อมาเลยนะ เห็นสีมันหวานดีแต่ไม่ใช่แนวพี่ คิดว่าน่าจะเหมาะกับสวยมากกว่า”
ลิปทิน?
แม้จะยังงง ๆ แต่ก็ยอมแกะกล่องหยิบของด้านในออกมาดู มันคือลิปสติกแท่งเล็กที่ฉันเคยเห็นพวกผู้หญิงใช้เติมปากกันในห้องน้ำ
“โห… นี่มันแพงไหมอ่ะ สวยไม่กล้ารับหรอก เกรงใจค่ะ” ฉันรีบเก็บใส่กล่องส่งคืนพี่แพรวทันที
“โถ่ คิดมาก สวยอุตส่าห์มาเล่นแทนยัยน้ำเพื่อนพี่ ถือว่าเป็นการขอบคุณดีกว่านะ เก็บไว้ใช้เถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
อ้อ… นางเอกคนนั้นชื่อน้ำนี่เอง เธอคงจะเป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่มพี่สิงห์
“เสร็จยัง?” เสียงเรียกจากพี่ตุลย์ทำให้ฉันรีบเก็บลิปทินเข้ากระเป๋าทันที เขามองไปทางพี่แพรวด้วยสายตาเฉยชา ไม่รู้ฉันคิดไปเองไหม แต่เหมือนเห็นความหวั่นไหวบนใบหน้าของพี่แพรวเลย เธอถอนสายตามายิ้มให้ฉันก่อนเดินไปหาพี่เอกกี้ “กลับได้ยัง อย่าชักช้า”
“อ่ะ… ไปแล้ว ๆ”
ฉันรีบวิ่งตามพี่ตุลย์ไปที่รถ แต่ก่อนจะเปิดประตูก็หันไปเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ มืออีกข้างถือโทรศัพท์แนบหู สีหน้าเขาตอนคุยโทรศัพท์นั้นดูอ่อนโยนอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ปลายสายคงเป็นคนที่สำคัญกับเขามากสินะ
บ้าจริง… แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกอิจฉาแบบนี้ด้วยนะ