“กลับบ้าน เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่เอาอ่ะ! เค้าอยากกินเหล้าอีกนี่” ฉันสะบัดแขนออกจากมือหนาพลางเบะปากอย่างขัดใจ และเมื่อเห็นว่าความงี่เง่าใช้กับไคโรไม่ได้ผล ฉันจึงเปลี่ยนเป็นส่งสายตาวิ้งค์ ๆ แทน ริมฝีปากบางยื่นนิด ๆ ยกนิ้วขึ้นจิ้ม ๆ ท่อนแขนแกร่งอย่างออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว “อยู่ต่อได้ไหมอ่ะ นะ ๆ ไคโรน๊าา~”
“ไม่ต้องมาอ้อนโว้ย! กลับบ้านเลยไป!”
“โอ๊ยย” ฉันร้องลั่นตอนมือหนาสวมหมวกกันน๊อคให้ด้วยความรวดเร็ว เกือบจะกรี๊ดแล้วเชียว ทำไมไอ้พวกนี้ชอบรุนแรงกับฉันตลอดเลยเนี่ย “มันเจ็บนะโว้ย! เบา ๆ หน่อยก็ได้ กูก็เป็นผู้หญิงนะ”
“เออรู้แล้ว” มือหนาตบกระจกหมวกกันน๊อคฉันลงแล้วหมุนตัวกลับไปวาดขาคร่อมรถคู่ใจ ฉันกลอกตามองบนพลางเป่าปากแรง ๆ ไล่ความหงุดหงิดในใจ
“พวกมึงนี่นะ กูบอกว่ากูเป็นผู้หญิงทีไรก็ไม่เคยใส่ใจจะฟัง แถมยังชอบเล่นอะไรแรง ๆ ตลอด ไม่เคยคิดว่ากูเป็นผู้หญิงกันหรอก เหอะ!”
“ขึ้นรถ”
“แม่ง… ก็เป็นซะแบบนี้อ่ะ ไม่มีใครสนใจกูเลย ใช่สิ! กูมันไม่อ่อนหวานนิ ไม่อ่อนโยน อ่อนแอเหมือนผู้หญิงคนอื่นนิ” อยู่ ๆ ฉันก็ดึงเข้าโหมดดราม่า น้ำตารื้นขึ้นมาเสียได้ เหมือนแม่งไปจี้ใจดำอะไรเข้าไม่รู้ ไคโรดันหมวกกันน๊อคตัวเองขึ้นคาดไว้บนหัว เผยใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังขมวดคิ้วยุ่ง มันมองฉันด้วยสายตายุ่งยากใจ “มึงแม่ง… ไม่เคยเห็นกูเป็นผู้หญิงเลยใช่ไหมล่ะ เออ กูรู้… อ๊ะ!”
หมับ!
ฉันร้องตกใจพลางเงยหน้ามองเจ้าของฝ่ามือที่จู่ ๆ กระชากตัวฉันเข้าไปใกล้แล้วดึงหมวกกันน๊อคฉันขึ้น ก่อนจะเบี่ยงองศาใบหน้าแล้วก้มลงทาบทับริมฝีปากกรุ่นร้อนลงบนริมฝีปากเย็นเฉียบของฉันด้วยความรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว
…
ทุกอย่างรอบตัวตกอยู่ในความเงียบราวหนึ่งนาทีก่อนริมฝีปากหนาจะค่อยผละออกไป แม้จะเป็นเพียงการแตะริมฝีปากกันเบา ๆ เท่านั้น แต่มัน… มันก็คือจูบเปล่าวะ!!
“มะ มึง…” ฉันยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง สองตาเบิกกว้างมองร่างสูงตรงหน้าด้วยความตกใจถึงขีดสุด สร่างเมา หายมึนหัวในฉับพลัน “มึงทำบ้าอะไรเนี่ย?!”
“มึงถามไม่ใช่?”
“ถะ ถามอะไรวะ?!”
เชื่อไหม… นอกเหนือจากความตกใจที่โดนเพื่อนสนิทอย่างไคโรจูบแล้ว ฉันยังรู้สึกอยากจะต่อยหน้าหล่อ ๆ ของมันสักหมัดสองหมัดด้วย!
“มึงถามว่ากูเคยมองมึงเป็นผู้หญิงไหม นี่ไงคำตอบ” มันพูดหน้าตายแล้วตบหมวกกันน๊อคลง หมุนตัวกลับไปคร่อมรถตามเดิน ขณะที่ฉันยืนอ้าปากค้าง
“คำตอบห่าอะไรของมึงวะ! นะ…นี่มันจูบนะโว้ย!” ฉันโวยวายพลางใช้หลังมือถูริมฝีปากตัวเองแรง ๆ รู้สึกอยากจะร้องไห้ มันทั้งเจ็บใจ ทั้งโมโหอ่ะ! ถ้าใครไม่เข้าใจความรู้สึกฉันก็ลองเอาปากไปประกบกับเพื่อนสนิทตัวเองดูสิ แล้วจะรู้ว่ามันน่าขนลุกมากแค่ไหน!
“เออ ก็นี่ไงคำตอบ”
“…”
“ถ้าไม่ได้มองมึงเป็นผู้หญิง กูคงไม่จูบ” มันตอบเสียงอู้อี้ภายใต้หมวกกันน๊อคใบใหญ่ ฉันกระทืบเท้าพล่าน ๆ ด้วยความโมโหแต่ทำห่าอะไรมันไม่ได้
“โอ๊ย… นี่มันตรรกะห่าเหวอะไรเนี่ย! กูถามดี ๆ มึงก็ตอบกูดี ๆ ก็ได้ไหม ทำไมต้องจูบด้วย! กูเป็นเพื่อนมึงนะ เพื่อนเขาจูบกันที่ไหนละวะ! โคตรผิดผีเลยอ่ะ!”
ฉันโวยวายเสียงดัง เรียกว่าสร่างเมาเลยล่ะ จู่ ๆ ไคโรมันก็ทำบ้าอะไรไม่รู้ หรือว่าแม่งเมาจนเพี้ยนไปหมดแล้ววะเนี่ย!
“จะขึ้นรถได้ยัง? หรือจะเอาอีกที?” ไคโรหันมาเปิดกระจกหมวกขึ้นแล้วยกยิ้มชั่วร้าย ฉันรีบสวมหมวกปิดหน้าป้องกันปากตัวเองแล้วขึ้นซ้อนท้ายมันทันที
ไอ้เพื่อนชั่ว! เล่นห่าอะไรไม่เข้าเรื่อง! ฝากไว้ก่อนเหอะ!!
.
.
.
“เป็นไรวะสวย หน้าบึ้งมาเชียว” พี่สิงห์ทักฉันที่เดินตึง ๆ เข้ามาในบ้าน ฉันโกรธไอ้ไคโรอยู่ พอมันมาส่งเสร็จฉันก็เดินหนีเข้าบ้านเลย ไม่พูดกับแม่งด้วย
“กลับดึกอีกแล้ว พ่อถามหาตั้งแต่เย็น”
“อ้าว สวยไลน์บอกพ่อแล้วนิว่าจะไปบ้านเพื่อน” ฉันเลิกคิ้วมองพี่ตุลย์ เขายักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วหันไปดูทีวีต่อ พี่สิงห์ที่นั่งอยู่ ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้ เขาทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะทำหน้าแหยง ๆ ยกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งขึ้นบีบจมูกตัวเอง
“อี๋ โคตรเหม็นเหล้า ขี้โกหกว่ะสวย”
“อะ อะไร! สวยแค่ไปดื่มมานิดหน่อยเอง” ฉันถอยหลังกรูเพื่อไม่ให้กลิ่นมันแรงเกินไป
“หน้าแดงแปร๊ดขนาดนี้ ไม่นิดหน่อยแล้วมั้ง ระวังเหอะ ถ้าพ่อมาเห็น แกโดนกักบริเวณแน่” พี่สิงห์ยกนิ้วชี้จิ้มหน้าผากฉันแรง ๆ สองสามทีจนฉันต้องปัดทิ้ง
“โหย… สวยโตแล้วไหมอ่ะ สิบแปดแล้วนะ ดื่มนิดดื่มหน่อยมันธรรมดาป่ะ”
“เถียงคำไม่ตกฟาก” พี่ตุลย์หันมาถลึงตาใส่ก่อนหันกลับไปดูทีวีต่อ เออเนอะ… ดูไปเงียบ ๆ ก็ได้ป่ะ ยังจะอุตส่าห์หันมาด่ากันได้นะคนเรา
ฉันมองตามหลังพี่สิงห์ที่เดินผ่านหน้าไปเปิดประตูตู้เย็นแล้วหยิบเหยือกน้ำออกมาริน คิ้วบางขมวดนิด ๆ อย่างรู้สึกคับข้องใจ ฉันควรจะถามพวกพี่แฝดเรื่องแฟนของพี่ฌอนดีไหมนะ…
“เออใช่ พรุ่งนี้จะกลับดึกอีกไหม?”
“หะ ไม่รู้ดิ ทำไม มีไรอ่ะ?” ฉันกะพริบตาไล่ความข้องใจนั้นทิ้งไป พี่สิงห์ถือแก้วน้ำผ่านหน้าฉันกลับไปนั่งข้างพี่ตุลย์เหมือนเดิม
“พรุ่งนี้ไม่มีใครอยู่บ้านน่ะสิ” พี่ตุลย์ตอบสั้น ๆ
“อ้าว ไปไหนกันอ่า”
“พวกฉันติดงานชมรมอาจกลับดึกหน่อย ส่วนพ่อก็ไม่อยู่ ปิดอู่ไปบ้านลุง” พี่สิงห์อธิบายขยายความ
“งั้นพรุ่งนี้สวยก็อยู่คนเดียวดิ”
“คงงั้น”
ฉันถอนใจกับคำตอบยักไหล่ของพวกพี่ ๆ หมุนตัวจะเดินขึ้นบันได แต่สุดท้ายมันก็เก็บความข้องใจเอาไว้ไม่ได้เลยหันกลับมาหาพวกพี่แฝดอีกครั้ง กัดริมฝีปากล่างหนึ่งทีอย่างชั่งใจสุด ๆ