EP.20 [มีพิรุธ]

1163 Words
ผมมองตามร่างบางที่ถูกพี่ชายลากเข้าบ้านไปก่อนหันกลับมามองร่างสูงของผู้ชายอีกคนที่ยังนั่งอยู่บนกระดานเลื่อนท่าเดิม มันละสายตาจากเธอกลับมามองผมเช่นกัน เปรี๊ยะ ไม่รู้ผมคิดไปเองไหม แต่รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านจากสายตาหมอนั่นมาถึงผมเลย คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิด ๆ ขณะสู้ตามันกลับ ผมพอรู้ว่าไอ้นี่ชื่อไคโร เป็นรุ่นน้องในคณะ โดยส่วนตัวผมกับมันไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อาจมีเคยเห็นหน้าคร่าตาอยู่บ้างตอนรับน้อง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอกัน นอกจากเห็นกันแวบ ๆ ที่บ้านหลังนี้ แล้ว… มันข้องใจอะไรกับผมวะ? “มีไรเปล่าน้อง มองหน้าเหมือนข้องใจ?” ผมไม่ได้ถามแบบจะกวนตีนอะไรนะ แต่ถามเพราะผมเองก็ข้องใจกับสายตามันไง “ก็แค่กำลังคิดว่าช่วงนี้มาบ่อยจังนะ” มันยกยิ้มตอบก่อนละสายตาไปหยิบเครื่องมือ ท่าทางเฉื่อย ๆ แต่ดูกวนประสาทผมฉิบหายเลยเหอะ “มาบ่อยแล้วยังไง หวง?” “…” ไคโรชะงักมือแล้วปรายตามองผม เอาจริงไหม ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าไอ้นี่มันคิดไม่ซื่อกับข้าวสวย และเชื่อเหอะว่าสิงหามันก็ดูออกถึงได้ลากน้องสาวมันเข้าบ้านแบบนั้นไง แต่ถามว่าผมรู้สึกอะไรไหม ตอบเลยว่าไม่ กลับกัน… ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ข้าวสวยจะได้เลิกวุ่นวายกับผมสักที บอกตรง ๆ ว่าเธอไม่ใช่สเป็คผมเลย และต่อให้ผมคิดจะคบใครจริงจังสักคน คนคนนั้นก็ต้องไม่ใช่เธอแน่นอน ไม่ใช่ว่าข้าวสวยไม่ดี ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจเธอ แต่เพราะผมไม่อยากผูกสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว ผมกลัวว่าถ้าวันหนึ่งเราไปต่อกันไม่ได้ มันอาจทำให้ความสัมพันธ์ในส่วนอื่นพลอยอึดอัดไปด้วยน่ะสิ สิงหากับตุลาเป็นเพื่อนที่ดีและค่อนข้างสนิทใจกับผมมาก ตอนที่ผมตื่นมาเห็นน้องสาวของมันอยู่บนเตียง ผมถึงรู้สึกเสียศูนย์สุด ๆ เลยไง เกรงว่าถ้ารู้ถึงหูพวกมันขึ้นมา เรื่องคงไม่จบแค่เลิกคบกันแน่ ๆ ผมเลยอยากให้เรื่องนั้นมันจบไป อยากให้ข้าวสวยเลิกเรียกร้อง เลิกถามหาความรับผิดชอบนั้นเสียที เพราะผมคงคบกับเธอไม่ได้ ผมไม่คิดที่จะคบใครตอนนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็คือ… ไม่! “ของรักของหวง มันก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา” ผมหลุดจากภวังค์กลับมาที่ไคโร มันมองผมเหมือนว่าเป็นศัตรู ทั้งที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย “โอ้โห ไม่ต้องดุดันขนาดนั้นไอ้น้อง ถ้าหวงนักก็จับไว้แน่น ๆ” ผมเดินเข้าไปตบบ่ามันแรง ๆ พลางทำหน้าเห็นใจ “แต่คงจะยากหน่อยนะ เพราะการที่เพื่อนจะเลื่อนเป็นแฟนเนี่ย สถิติสำเร็จมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก” “…” “ถ้าไม่เสียเพื่อนก็ได้แฟนอะนะ เผื่อใจไว้บ้างละกันนะไอ้น้อง” ผมพยักหน้าอย่างคนเข้าใจโลก พลางขยับยิ้มมุมปากให้มันก่อนหมุนตัวเดินตามไอ้สิงห์เข้าบ้าน จังหวะนั้นสวนกับไอ้ตุลย์พอดี มันเลยชวนผมไปตั้งวงตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน . . . “แม่งเอ๊ย… นึกแล้วคันตีน อยากขยี้หน้าแม่ง” สิงหาเปิดประเด็นขึ้นมาหลังจากพวกผมสามคนนั่งดื่มมาได้ชั่วโมงกว่า มันมองไปทางหน้าต่างชั้นสองซึ่งมีม่านปิดอยู่ครึ่งบาน แสงไฟจากภายในห้องส่องสว่างออกมา ถ้าผมจำไม่ผิด… นั่นมันห้องของข้าวสวย “มันคงอยากตาย ถึงกล้าท้าทายแบบนั้น” “หมายถึงใครวะ” ผมขมวดคิ้วถาม “ก็ไอ้เชี่ยไคโรไงมึง ที่แม่งบอกว่ามองน้องกูแบบผู้ชายมองผู้หญิงอ่ะ ไอ้เหี้ย! กูก็ทะแม่ง ๆ กับมันมานานละ ไม่คิดว่าแม่งจะเป็นจริง” “มึงคิดมากป่าว มันอาจจะพูดไปงั้นก็ได้” “ไม่อ่ะ กูว่าแม่งคิดจริง ไม่งั้นมันจะคอยตามรับส่งน้องกูทำไมทุกวันวะ” สิงหากระดกเหล้ารวดเดียวหมด ท่าทางมันจริงจังผิดวิสัยมาก “ก็เขาเป็นเพื่อนกัน มันก็ต้องไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นปกติป่ะวะ มึงอ่ะคิดมาก” ผมพยายามคิดในแง่บวก แม้ในใจจะมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าไอ้ไคโรคิดไม่ซื่อกับข้าวสวยแน่ ๆ แต่ไม่อยากกระตุ้นให้ไอ้สองแฝดมันระแวงจนไปขัดแข้งขัดขาทั้งคู่ไง เพราะถ้าไอ้ไคโรกับข้าวสวยลงเอยกันจริง ๆ เธอจะได้เลิกตามตอแยผมสักที “แหม ประโยคโลกสวยนี่ไม่ควรออกมาจากปากไอ้ซิสค่อนอย่างมึงเลยนะ เหอะ! ถ้าน้องสาวมึงโดนผู้ชายตามติดแบบนี้บ้างมึงจะนั่งใจเย็นแบบนี้ไหม” โอ้โห... แม่งพูดคำนี้ผมนี่ขึ้นเลย! ใครบอกว่าตอนนี้ผมนั่งใจเย็นล่ะวะ เฌอแตมน้องสาวผมก็กำลังโดนไอ้ลูกหมามันตามอยู่เหมือนกันแหละเว้ย! นึกแล้วแค้นแม่ง... ไอ้เชี้ยโลกิ ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด! “แม่ง... ไอ้สวยแม่งก็ยิ่งซื่อบื้อ ถ้าไอ้เวรนั่นใช้ความเป็นเพื่อนมาหลอกฟันมันจะทำไงวะ พวกกูได้อกแตกตายแน่ ๆ” “แค่ก ๆ!” ผมที่กำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ไอ้โลกิถึงกับสำลักเหล้าแทบจะทันทีที่ได้ยินคำว่าหลอกฟันจากปากไอ้สิงห์ พอเงยหน้าขึ้นมองก็เจอสายตานิ่ง ๆ ของไอ้ตุลย์จ้องมา ทำเอาขนหัวลุกขึ้นมาแปลก ๆ เลย “จะว่าไป… ก่อนพวกกูกลับมา มึงคุยอะไรกับไอ้สวยบ้างไหม?” “คะ คุย? คุยไรวะ?” ผมปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วถามกลับ ตุลาจ้องผมนิ่งมาก สายตามันบ่งบอกว่ากำลังจับผิดผมอย่างแรง เวร... มันคงไม่ได้ระแคะระคายอะไรหรอกใช่ไหมวะ ประมาทไม่ได้เลยว่ะ พวกแม่งยิ่งฉลาด ๆ กันอยู่ด้วย “ก็แล้วมึงได้คุยอะไรกับน้องกูหรือเปล่าล่ะ” “ไม่มี๊! กูจะคุยไรวะ ไม่ได้สนิทกับน้องมึงขนาดนั้น อีกอย่างพอกูมาถึงปุ๊บพวกมึงก็มาปั๊บเลย” ผมแสร้งยกเหล้าขึ้นดื่มพลางเสสายตาไปทางอื่น เกลียดสายตาจับผิดของไอ้ตุลย์ฉิบ! แม่งคนหรือหมาไม่รู้ จมูกดีฉิบหายเลย! “อ้อ… อย่างนั้นสินะ” ผมว่า… มันต้องสงสัยอะไรแน่ ๆ หรือว่าข้าวสวยทำตัวมีพิรุธอะไรวะ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD