ช่วงบ่ายทับทิมได้กลับเข้ามาในบริษัทอีกครั้ง และนำแบบที่ยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับลูกค้าให้สถาปนิกนำแบบไปแก้ไขต่อไป เมื่อกี้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดและยอมแพ้ของวิกรมแล้วทับทิมยอมรับว่าเห็นใจเหมือนกัน ที่ผ่านมาเวลานำแบบที่วิกรมออกแบบไปให้ลูกค้า ลูกค้าต่างพึงพอใจมาก แทบไม่มีลูกค้าคนไหนให้นำแบบกลับมาแก้ไขเลย
พอสถาปนิกเดินคอตกออกไปแล้ว ทับทิมไม่รีรอที่จะลงมือสืบค้นประวัติของลูกค้ารายนี้ ที่ผ่านมาเธอทำการบ้านน้อยเกินไป
‘มาดามแดง’ สตรีซึ่งมีอิทธิพลในวงการแฟชั่น นอกจากชื่นชอบการออกแบบเสื้อผ้าเป็นชีวิตจิตใจแล้ว แต่หล่อนยังโปรดปรานการเลี้ยงน้องหมาชิสุห์เป็นงานอดิเรกถึงว่าคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้
ครืด!
เสียงเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้น เรียกสายตาคู่งามละจากจับจ้องหน้าจอไอแพดแล้วหันมาสนใจสิ่งที่ดังรบกวนอยู่ในขณะนี้ แล้วเมื่อคว้ามือถือขึ้นมาดูเห็นเบอร์ที่แสนคุ้นเคย จึงวางมันลงดังเดิมพร้อมจัดการปิดเสียงไม่ให้ดังรบกวนสมาธิของเธออีก ก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาอ่านประวัติของลูกค้าต่อ
หลังจากที่สายโทรเข้าหลุดไปแล้ว สักพักก็มีเสียงข้อความจากแอปพลิชันเด้งแจ้งเตือนเข้ามาแทนที่ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่สนใจ แต่สุดท้ายพอเสียงข้อความแจ้งเตือนเข้ามาสองถึงสามข้อความตามจำนวนเสียงแจ้งเตือน ทับทิมก็อดที่จะหันไปทางจอสมาร์ตโฟนรุ่นที่คนนิยมใช้กันมากที่สุดไม่ได้
‘อยากรู้วิธีเอาชนะใจมาดามแดง เลิกงานแล้วมาหาพี่ที่คอนโด’
ทับทิมอ่านข้อความแล้วเม้มปากแน่น ดนัยรู้ได้ยังไงว่าวันนี้เธอไปคุยงานกับมาดามแดง แถมยังรู้ว่าเธอเจออะไรมา
การที่ไม่อยากรับสายและไม่สนใจเป็นเพราะหึงหวงเขาหรือเปล่านะที่เห็นเขานั่งกินข้าวกับไฮโซสาวที่ชื่ออัญชลีในโรงแรม ความจริงรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์คิดอะไรแบบนั้น แต่มันบังคับความคิดยากเสียเหลือเกิน
ทับทิมสลัดความคิดออก ก่อนจะลงมือค้นหาประวัติของมาดามแดงต่อ โดยไม่สนใจเสียงข้อความที่ยังแจ้งเตือนเข้ามาอีกหลายครั้งหลายครา
กระทั่งเมื่อนาฬิกาบนผนังบอกเวลาทุ่มหนึ่ง ทับทิมจึงหันมาสนใจเครื่องมือสื่อสารของตัวเอง เตรียมจะกดเบอร์โทรศัพท์ซึ่งต่อให้ไม่ได้บันทึกไว้ แต่เธอก็จำมันได้ดี เผลอๆ จำเบอร์นี้ดีกว่าเบอร์โทรศัพท์ของบิดาอีกเพื่อกดโทรหา แต่ยังไม่ทันได้ลงมือกดชื่อ ‘พี่นัย’ ในประวัติรายชื่อโทรเข้า โทรออก กลับมีเบอร์ของใครอีกคนโชว์หราขึ้นบนหน้าจอ ‘อัศรา’
“ฮัลโหลค่ะ” ทับทิมจำเป็นต้องรับสายลูกค้ารายนี้
“ผมมารอคุณทับทิมอยู่หน้าบริษัทแล้วนะครับ”
ทับทิมอดที่จะตรงไปยังหน้าต่างไม่ได้ เธอเห็นร่างสูงโปร่งของหนุ่มนักเรียนนอก ยืนพิงแลมโบกินีสีแดงอยู่หน้าตึก ชายหนุ่มโบกมือมาให้เธอพร้อมรอยยิ้ม ทับทิมนึกในใจหากคนที่มารอเธอเป็นดนัย ตอนนี้คงกระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องคนเดียวไปแล้ว
“จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อนล่ะคะ?” ความจริงไม่อยากไปกับอีกฝ่ายเลย เพราะยังจำคำเตือนของดนัยได้ดีว่าห้ามเข้าใกล้อีกฝ่ายอีก แต่เมื่ออัศรามารอเธอถึงที่นี่จะปฏิเสธก็กลัวจะเสียน้ำใจเขามากเกินไป
“อยากเซอร์ไพรส์ไงครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแฝงนัยบางอย่าง เรียกรอยยิ้มจุดแต้มบนมุมปากสวย ทับทิมไม่ได้ดีใจหรือตื่นเต้น อัศราคือลูกค้าและเพื่อนเท่านั้น
“แล้วรอนานไหมคะ?”
“ไม่นานครับ ไปครับไปทานข้าวกันเถอะ ผมเองก็เพิ่งเลิกงานหิวข้าวมาก”
“ได้ค่ะ งั้นรอทับทิมเก็บของสักครู่นะคะ”
“ให้ผมขึ้นไปช่วยเก็บไหมครับ?”
“แล้วคุณดนัยอยากขึ้นมาไหมล่ะคะ?” เห็นอีกฝ่ายเงียบแล้วทับทิมปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ ทับทิมเก็บแป๊บเดียว”
“ร้ายนะครับ คุณทับทิม”
“แต่ก็ยังน้อยกว่าคุณกอล์ฟค่ะ” หนนี้สองหนุ่มสาวปล่อยเสียงหัวเราะพร้อมกัน จัดการเก็บของไม่กี่ชิ้นร่างเล็กในชุดสูทดูเรียบร้อยแต่แอบเซ็กซี่เบาๆ พาตัวเองมายืนอยู่หน้าแลมโบกินีสีแสด
“ขอบคุณค่ะ” ทับทิมกล่าวขอบคุณเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูรถให้เธอ ความจริงอัศราก็เป็นผู้ชายสบายๆ คนหนึ่ง อยู่ด้วยแล้วทำให้เธอได้เป็นตัวของตัวเองไม่ต่างจากดนัยเลย ในระหว่างทางอีกฝ่ายพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้เธอจนหัวเราะหลายครั้ง
“มองแบบนี้ผมเขินนะครับ” ชายหนุ่มหยอกเสียงทุ้ม หลังเห็นเธอส่งสายตาหยาดเยิ้ม ทับทิมหัวเราะออกมาเบาๆ อีกครั้ง จากนั้นผินดวงหน้าไปทางนอกรถ ซึ่งตอนนี้ข้างนอกขวักไขว่ไปด้วยผู้คน ซึ่งคงออกมาซื้อของกินหลังเลิกงาน
ทับทิมอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อร้านที่ชายหนุ่มพาเธอมา ที่นี่เป็นร้านอาหารอีสาน แต่ที่อึ้งหนักกว่าไม่คิดว่าไฮโซอย่างอัศราจะกินลาบอีสานเป็นด้วย เมนูวันนี้ล้วนแต่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน
“คุณทับทิมมองแบบนี้ผมคิดลึกนะครับ”
“ไม่คิดว่าคุณกอล์ฟจะทานลาบเป็นด้วย”
“แม่ผมเป็นคนอุดรฯ นี่ครับ” ชายหนุ่มว่ายิ้มๆ
“อ๋อแบบนี้นี่เอง” เธอเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมีเชื้อสายทางตะวันออกเฉียงเหนือนี่เอง ถึงว่าเห็นข่าวมารดาอีกฝ่ายไปทำบุญแถวนั้นบ่อยๆ
“ที่นี่เป็นร้านประจำของผมเลยแหละครับ และคุณแม่ของผมท่านก็โปรดปรานร้านนี้เป็นพิเศษไม่ต่างจากผมเลยยังรวมไปถึงไอ้…”
หัวคิ้วเรียวสวยของทับทิมเลิกขึ้นเล็กน้อย เมื่อในท้ายประโยคของชายหนุ่มตรงหน้า คล้ายกำลังจะพูดชื่อของใครคนหนึ่งแต่ก็หยุดไว้เพียงแค่นั้น ทับทิมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่ได้เอ่ยถามเขาแต่อย่างใด
“จานนี้ของโปรดผมเลย คุณทับทิมลองทานดูนะครับ”
ทับทิมทำตาโตเมื่ออีกฝ่ายตักยำไข่มดแดงมาให้ชิม ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทานไข่มดแดง ทั้งที่นึกกลัวอยู่เหมือนกัน หากแต่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจจึงรับมาทาน
“เป็นไงครับ?”
“ก็แปลกๆ ดีค่ะ” เธอไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่ก็พอทานได้
จบอาหารคาว ตามด้วยอาหารหวาน เกือบชั่วโมงกว่าๆ ที่เธอและเขาจะออกจากร้านอาหาร และเมื่อทั้งสองพากันเดินออกไปขึ้นรถ ทันใดนั้นทับทิมไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอใครบางคนเข้าที่นี่ ดนัยมาทำอะไรที่นี่? ชายหนุ่มไม่ได้เดินตรงเข้ามาหา หากแต่หมุนตัวเดินเข้าไปในร้านที่เธอเพิ่งเดินออกมา
ทับทิมมองแผ่นหลังกว้างของเจ้าของแววตาวาวโรจน์เมื่อครู่แล้วรู้สึกเสียวหลังวาบ
“คุณทับทิมเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เปล่าค่ะ เรากลับกันเถอะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะขึ้นรถ หัวใจเริ่มหนักอึ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ออกจากร้านอาหารแล้ว อัศราขับรถมาส่งเธอที่บริษัท และพอแยกจากอีกฝ่ายเธอก็ขับรถกลับบ้านเลย วันนี้เธอเหนื่อย อยากจะพักเต็มทีแล้ว พอกลับมาถึงบ้าน เธอรีบอาบน้ำเข้านอน แต่ก่อนที่จะหลับอดที่จะแอบเข้าไปส่องไอจีของใครบางคนไม่ได้
เธอไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ มีแต่เรื่องงานทั่วไป ส่วนภาพที่ชายหนุ่มถ่ายพรีเวดดิ้งคู่กับเอมี่ ยังอยู่ในอัลบั้ม พูดถึงเอมี่ ไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนั้นเธอเข้าใจว่าพวกเขาแต่งงานกันจริงๆ เสียอีก แต่มารู้ทีหลังจากดนัยว่าเป็นการถ่ายโฆษณา โพรโมตคอนโดเปิดใหม่ก็เท่านั้น
ติ๊ง!!!
เสียงข้อความแจ้งเตือนเข้ามา ทับทิมจึงกดเข้าไปอ่าน ‘ลงมาที่หน้าบ้านหน่อย’ ห้องนอนของเธออยู่ด้านหน้าของตัวบ้านจึงมองเห็นภูมิทัศน์หน้าบ้านได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้ดนัยยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างปอร์เช่เปิดประทุนสีน้ำเงิน ทับทิมอยากจะหัวเราะให้กับตัวเองเหลือเกิน วันนี้มีผู้ชายมายืนรอเธอสองครั้งสองครา ครั้งแรกที่บริษัท ครั้งที่สองที่บ้าน ครั้งแรกเธอเฉยๆ แต่ครั้งที่สองนี่สิ ทั้งดีใจปนตื่นเต้น นอกจากตื่นเต้นกลัวบิดาออกมาเห็นแล้ว เธอยังต้องลุ้นอีกว่าจะเจออะไรต่อจากนี้ เพราะยังจำแววตาทิ้งท้ายก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าร้านของดนัยเมื่อช่วงค่ำได้ดีว่าเอาเรื่องขนาดไหน
ทับทิมคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอนตัวจิ๋ว ก่อนจะรีบสำรวจตัวเองแล้วแอบเติมสีสันให้ริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นรีบพาตัวเองลงไปยังหน้าบ้าน สีหน้าของดนัยในยามนี้ราบเรียบจนค่อนไปทางขรึม ชายหนุ่มดับบุหรี่ที่ยังเหลือเกินครึ่งทันทีที่เธอมายืนอยู่หน้าเขา ยังไม่ทันที่ทับทิมได้เอื้อนเอ่ยอะไร ร่างทั้งร่างถูกกระชากแรงหนักจากเจ้าของรถคันหรู แล้วยัดเธอเข้าไปในรถแล้วขับออกไปโดยเร็ว
“พี่นัยจะพาทับทิมไปไหนคะ?” เธอถามพลางรีบรัดเข็มขัดไปด้วย
ไร้คำตอบจากอีกฝ่าย เขายิ่งเร่งเครื่อง นี่เป็นครั้งแรกที่ดนัยขับรถเร็วขนาดนี้ จนทับทิมนึกกลัว ที่นี่แม้จะไม่ค่อยมีรถผ่านแต่มืดค่ำแบบนี้หากไม่ระวังก็อาจเกิดอันตรายได้
เอี๊ยด!!!
“ว้าย! พี่นัยบ้า” ทับทิมแว้ดใส่คนนั่งหลังพวงมาลัยทันควันเมื่อเธอเกือบจะหัวทิ่มอยู่แล้ว หากเธอไม่คาดเขมขัดนิรภัยตอนขึ้นมานั่งในรถ ตอนนี้คงกระเด็นไปอยู่หน้ารถแล้ว
“เธอทำผิดข้อตกลงของเรา” น้ำเสียงของดนัยค่อนข้างเย็นเยียบ พอๆ กับบรรยากาศรอบข้าง ดนัยคิดอะไรถึงได้พาเธอมาหยุดกลางทางในป่าทั้งมืดทั้งเปลี่ยว
“เรื่องอะไรคะ?”
“เธอไปกับไอ้อัศรา”
“ทับทิมแค่ไปกินข้าว”
“กินข้าวเสร็จแล้วกินตับกันต่อไหมล่ะ?”
“พี่นัย!”
“ทำไม หรือจี้ใจดำเธอ”
“ทับทิมไม่ใช่ผู้หญิงส่ำส่อน”
“ใครบอกล่ะ เธอยิ่งกว่าสำส่อน ทั้งร่านและมั่ว ผู้หญิงอย่างเธอไม่เคยพอ ทับทิม ฉันจะจัดการอย่างไรกับเธอดีนะ”
จบคำพูดร้ายกาจ เห็นดนัยคุกคามเข้ามาใกล้ ทับทิมยอมรับว่าเริ่มกลัวแล้ว