การที่เธอไปกินข้าวกับอัศรา เขาโกรธขนาดนี้เลยเหรอ เขาช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ที่สำคัญคือพวกเธอไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ก็แค่คู่นอนไร้สถานะนี่นา
“คงเอากับมันหลายยกเลยสิ”
“อย่ามาดูถูกกัน ทับทิมไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น” เธอเถียงออกไปบ้าง
“แค่ดูจากการแต่งตัวก็ดูออกแล้วล่ะว่าผู้หญิงอย่างเธอเป็นยังไง” ชายหนุ่มไล่สายตาตั้งแต่ต้นขาอ่อน ขึ้นมาจนถึงเนินอกของเธอ ทับทิมเกลียดสายตาแบบนี้ของเขาที่สุด เธอรีบดึงชายเสื้อคลุมมาปิดแพนตี้สีขาวเนื่องจากชุดนอนที่ตัวเองสวมใส่สั้นมากจริงๆ แถมช่วงคอก็เว้าลึก จนเห็นเนินอกผลุบโผล่ ก็เธอจะนอนแล้วนี่ บางครั้งเธอยังนอนเปลือยเปล่าเลยด้วยซ้ำ
แคว็ก!!
“พี่นัยอย่านะ ที่นี่กลางป่า” ทับทิมรีบคว้าชุดที่ถูกอีกฝ่ายกระชากมาปกปิดเรือนกาย
“กลางป่าแล้วไง ถ้าฉันจะเอาเธอฉันไม่เลือกสถานที่หรอก แม้แต่ในห้องน้ำสาธารณะฉันก็เอาได้”
“แต่ทับทิมไม่ชอบ”
“หึ!” ดนัยหลุดครางในคอ สายตาทั้งส่อถึงการดูถูกเหยียดหยามทำให้ทับทิมเจ็บจี๊ดในอก
“อ๊ะ! พี่นัยอย่านะ” ทับทิมกัดปากแน่นเมื่อมือหนาหยาบโลนบีบเคล้นเต้าทรวงของเธอแรงหนัก ขณะที่อีกมือของเขาล้วงลึกภายในอ่อนไหวของเธอ
“อย่าหยุดใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่ใช่นะ บอกให้หยุดไง!” ทับทิมพยายามสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้เคลิบเคลิ้มไปกับรสสวาทป่าเถื่อนของเขา ปกติดนัยไม่ใช่พวกชอบความรุนแรง แต่ทำไมวันนี้เขากลับดุดันจนเธอแทบจะร้องขอชีวิตล่ะ
“แน่ใจเหรอว่าถ้าฉันหยุดแล้วเธอจะไม่ค้าง” ชายหนุ่มหยุดทุกการกระทำแล้วยิ้มร้ายกาจ ทับทิมเม้มปากแน่น ยอมรับว่าเธอเกือบแล้ว…
“ผู้หญิงเซ็กซ์จัดอย่างเธอต้องเจอผู้ชายอย่างฉัน คนอื่นทำได้ไม่ถึงใจเธอหรอกทับทิม” ดนัยพ่นเสียงคำราม พร้อมๆ กับที่ลงโทษเธอหนักหน่วง บางทีทับทิมก็นึกถามตัวเองเหมือนกัน ว่าเธอโรคจิตหรือเปล่าทำไมชอบทุกอย่างที่ดนัยทำให้เธอ ทั้งที่ตอนนี้เขาเอาเธอแทบจะทะลุทะลวงถึงไส้พุงแล้ว แต่เธอกลับชอบ
“พี่นัยทับทิม…อื้อ”
“หญิงร่าน” คำด่าของเขาไม่เข้าไปอยู่ในหูของทับทิมเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอรู้แต่ว่าสมองขาวโพลนจนไม่รับรู้อะไรแล้ว
“อ๊ะ!” ทับทิมกรีดร้องสุดเสียงเมื่อถึงปลายทางสุขสม
หึ! เสียงหัวเราะในคอของดนัยดึงให้ทับทิมหลุดจากห้วงความสุขวาบหวาม อยากจะมุดหน้าหายจากตรงนี้นัก แต่ไม่ปล่อยให้เธอกระดากอายนาน ดนัยเริ่มต่อด้วยการยกร่างนุ่มๆ มานั่งคร่อมตัก ก่อนจะสอดส่ายโยกสะโพกเธอขึ้นลงมากระแทกแรงหนัก ทับทิมจึงสนองอีกฝ่ายด้วยการให้ความร่วมมือ กระหน่ำสะโพกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่ามาหาเขา โชคดีแค่ไหนที่นี่เป็นทางเปลี่ยวไม่มีรถผ่านสักคัน ไม่อย่างนั้นทั้งเธอและเขาคงขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แน่!
รุ่งเช้าวันต่อมา ทับทิมแทบไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลย เพราะเมื่อคืนกว่าที่ดนัยจะขับรถกลับมาส่งเธอที่บ้าน เขาลงโทษเธอหลายครั้ง เสื้อผ้าก็ขาดหลุดลุ่ย โชคดีที่ได้เสื้อสูทของเขาในรถมาสวมใส่ หากไม่มีเสื้อเขาเธอก็นึกไม่ออกว่าจะกล้าเดินเปลือยเปล่าเข้าบ้านไหม นึกถึงความร้ายกาจของดนัยแล้วทับทิมอยากจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลง ก็เธอเองก็ชอบเซ็กซ์ถึงพริกถึงขิงของเขานี่นา
“เมื่อคืนลูกนอนไม่หลับหรือ ทำไมสีหน้าดูอิดโรยนัก” เสียงทักของบิดาเรียกทับทิมที่นั่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืนรู้สึกตัว
“พอดีทับทิมมีเรื่องงานนิดหน่อยค่ะ”
คุณเสกไม่เอ่ยอะไรอีก หลังได้ยินว่าลูกบอกเครียดเรื่องงาน เขาก็พอจะได้ยินมาเหมือนกันว่าช่วงนี้ลูกกำลังรับมือกับมาดามแดง ลูกค้าประจำของบริษัท เขาก็เคยเจอมาแล้ว ไม่ใช่ครั้งเดียว หากทับทิมจะขึ้นมาบริหารงานต่อจากเขาลูกต้องเรียนรู้และแก้ไขให้ได้ อนาคตอาจจะเจองานหินกว่านี้หลายเท่า หากลูกจัดการปัญหาครั้งนี้ได้ ต่อไปไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแล้ว คุณเสกคิดก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นมาอ่าน แต่แล้วหัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
“เด็กสมัยนี้จริงๆ เลย แม้แต่ในป่าก็ยังไม่เว้น” คุณเสกวางหนังสือพิมพ์ลงราวกับละเหี่ยใจ จนทับทิมซึ่งกำลังจะตักข้าวต้มใส่ปาก หยุดชะงักกับประโยคของบิดา เธอเอื้อมมือไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านบ้าง หากข้าวต้มคำเมื่อกี้ถูกตักใส่เข้าปากตอนนี้คงพุ่งออกไปแล้ว
ภาพชายหนุ่มกำลังเริงสวาทกันบนรถเปิดประทุนสีน้ำเงินเข้มขึ้นฉ่าอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ โชคดีแค่ไหนที่ตรงนั้นมืดสนิท จึงไม่เห็นรายละเอียดของบุคคลในรถ
“พ่อสบายใจที่สุดที่ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“ค่ะ” ทับทิมรีบจิบน้ำมาดื่ม ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี หากบิดารู้ว่าบุคคลในภาพถ่ายคือลูกสาวในไส้ ท่านจะทำอย่างไร นึกถึงสมัยมุกนิล พี่สาวสร้างวีรกรรมน้อยกว่าเธอนัก ยังถูกบิดาตบหน้าถึงสองครั้งสองครา
ก่อนไปทำงาน ทับทิมเลือกไปทำบุญที่วัดให้กับมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว หากมีเวลาว่างเธอก็จะทำบุญให้มารดาทุกอาทิตย์ ถึงแม้ท่านจะจากเธอไปเป็นปีแล้วก็ตาม
หลังจากทำบุญให้มารดาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงเดินไปขึ้นรถซึ่งจอดอยู่ใต้ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่เพื่อไปทำงานต่อ
“อ้าวหนูทับทิม” แต่แล้วเสียงทักทายอันไพเราะของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง เรียกทับทิมต้องหันมาทักทายตอบ
“สวัสดีค่ะคุณหญิง” ความจริงก็อยากเรียกคุณหญิงแม่นะ แต่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์เพราะดนัยไม่ให้สิทธิ์นั้นแก่เธอ จึงต้องเรียกตามที่ใครต่างเรียกขาน
“คุณหญิงอะไรกัน เรียกป้าก็พอ เราก็คนกันเองนี่จ้ะ” หญิงวัยกลางกล่าวภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม ทับทิมเลยได้แต่ยิ้มน้อยๆ
“หนูมาทำบุญให้คุณพิมพรรณเหรอ?”
“ใช่ค่ะคุณ…ป้า”
“แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอจ๊ะ?”
“ค่ะ”
“โชคดีนะ”
“ขอบคุณค่ะ” ทับทิมยกมือไหว้ พร้อมกล่าวลาจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถ ทิ้งให้หญิงวัยกลางคนมองตามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“คุณแม่คุยกับใครครับ?” ดนัยซึ่งเพิ่งกลับมาจากถ่ายเบา เอ่ยถามมารดาด้วยความสงสัย เมื่อกี้เห็นท่านยืนคุยกับใครคนหนึ่งจากไกลๆ แต่พอเดินกลับมาถึงก็ไม่เห็นใครแล้วนอกจากท่าน
“หนูทับทิมจ้ะ พอดีน้องมาทำบุญให้คุณพิมพรรณน่ะ”
“เหรอครับ” ดนัยเผลอยกสายตาไปทางท้ายรถซีดานสีดำ ยัยตัวร้ายมาเข้าวัดเข้าวากับเขาเป็นด้วยเหรอหึ
“เดี๋ยวนี้น้องโตขึ้นเยอะ แถมยังทำงานเก่ง ลูกได้คุยกับน้องบ้างไหม?” มารดาคล้องแขนที่เขายื่นไปให้มาคล้องก่อนจะพากันเดินไปทางศาลาการเปรียญเพื่อไปกราบหลวงพ่อที่นับถือ
ดนัยอยากจะตอบท่านว่า หน้าท้องชนกันทุกคืนแหละครับคุณแม่ แต่ชายหนุ่มก็ยั้งปากไว้ แล้วบอกว่าก็เจอกันบ้างตามงานสังคม
“จะว่าไปแล้วน้องก็น่ารักนะ แต่ช่างเถอะ แม่ชอบลูกสาวของคุณหญิงจันทร์มากกว่า” คุณหญิงประไพขยับยิ้มอารมณ์ดี ขณะที่คนเป็นบุตรชายกลับทำหน้านิ่งเรียบ
ดนัยอดที่จะเหลียวหลังไปทางรถที่ทับทิมขับออกไปอีกครั้งไม่ได้ ไม่รู้ว่ายัยตัวร้ายจัดการงานได้แค่ไหนแล้ว มาดามแดงขึ้นชื่อเรื่องเยอะขนาดนั้น
“คุณแม่พอจะสนิทกับมาดามแดงไหมครับ?”
“คุณหญิงแดงน่ะเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“ลูกถามทำไม?”
“ผมได้ข่าวว่าหล่อนขึ้นชื่อในเรื่องความเยอะ”
“ลูกกลายเป็นคนช่างเมาท์เมื่อไหร่กัน เป็นผู้ชายเมาท์เรื่องผู้หญิงน่าเกลียด” มารดาหันมาขึงตาพร้อมค้อนอย่างไม่จริงจังนัก
“ผมเปล่าเมาท์นะครับ แค่ได้ยินข่าวลือเลยอยากรู้แค่นั้นเอง”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเรา?”
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้ ยัยตัวร้าย เอ้ย… คือน้องทับทิม กำลังร่วมงานกับมาดามแดงน่ะครับ”
“เหรอลูก ใช่โครงการที่คุณหญิงแดงให้ฝ่ายนั้นออกแบบบ้านน้องหมาไหม?”
“คุณแม่รู้?” เห็นมารดาพยักหน้าแล้วดนัยเริ่มมีความหวังที่จะช่วยยัยตัวร้าย