-หมู่บ้านต้าไห่ เมืองเป่ยเย่-
“ท่านอาสามขอรับอาสะใภ้ตายแล้ว ท่านย่าเฆี่ยนตีนางจนตายไปแล้ว”
ซ่งหงอี้บุตรชายเพียงคนเดียวของพี่ชายคนรองของเขาเป็นคนเอ่ยออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มน้ำเสียงที่พูดออกมานั้นก็สั่นเครืออย่างน่าสงสาร
“เจ้าพูดอะไร! กล้าใส่ความข้าได้อย่างไรนางป่วยออดๆ แอดๆ รอวันตายเช่นนี้เหตุใดเจ้าถึงกล้ามากล่าวหาข้า”
ฮูหยินใหญ่ซ่งผู้ที่รังเกียจลูกสะใภ้มาตั้งแต่นางตบแต่งเข้ามาในบ้านโบ้ยความผิดให้คนที่นอนหายใจรวยรินที่แคร่หน้าบ้านของนาง
ก่อนหน้านี้บ้านตระกูลซ่งนั้นถือว่ามีฐานะที่ดีไม่ได้ลำบากอะไรเลยและไม่ว่าบ้านไหนๆ ก็อยากจะส่งบุตรสาวของตนมาตบแต่งกับลูกชายคนที่สามของพวกเขากันทั้งนั้น
แต่เพราะตระกูลซ่งเคยหมั้นหมายเด็กหญิงจากตระกูลมู่ที่อยู่ต่างหมู่บ้านเอาไว้ตั้งแต่ที่ทั้งคู่ยังเด็กๆ แล้วจึงไม่อาจละเลยสัญญานี้ได้ เมื่อซ่งอวี่ถงถึงวัยออกเรือนจึงได้ไปสู่ขอหญิงสาวจากตระกูลมู่ผู้นั้นแต่คนที่ได้มานั้นกลับเป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดาอวบอ้วนทั้งยังมีสีผิวที่ดำด้านคล้ายคนทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก
แต่เมื่อจะนำเจ้าสาวกลับไปส่งคืนครอบครัวนั้นจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลยสักคนดูเหมือนว่าทั้งหมดจะหายไปในชั่วข้ามคืน มู่อิงเถาที่ออกเรือนมาจึงไม่สามารถส่งคืนได้ตามใจหวัง
แม้นางจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนในบ้านแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายนางเลยสักคนแต่เมื่อนายท่านซ่งได้สิ้นใจลงหลังจากนั้นนางก็ถูกฮูหยินใหญ่ซ่งและฮูหยินน้อยทุบตีทำร้ายเรื่อยมา
ฮูหยินใหญ่ซ่งมีลูกชายสามคน คนโตยังอยู่ที่บ้านใหญ่ส่วนลูกชายคนรองเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งสิ้นใจตายไปพร้อมภรรยารักของเขา และลูกชายคนที่สามก็คือ ซ่งอวี่ถง สามีของมู่อิงเถาสตรีที่นอนอยู่บนแคร่หน้าบ้านนั่นเอง
แต่ก่อนพี่ชายคนรองของซ่งอวี่ถงนั้นต้องตรากตรำทำงานหนักในไร่ในนาเพียงลำพัง ส่วนซ่งอวี่ถงนั้นเพราะเขาอ่านหนังสือออกมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว นายท่านซ่งจึงส่งเขาไปเรียนที่สำนักบัณฑิตในตัวเมืองด้วยหวังว่าเขาจะสอบเข้ารับราชการเพื่อให้บ้านตระกูลซ่งนั้นกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งได้นั่นเอง
เมื่อต้องกลับบ้านแต่ละครั้งซ่งอวี่ถงก็จะรีบเข้าไปช่วยงานพี่รองของเขาทันที ส่วนพี่ชายคนโตกับเอาแต่นั่งกินนอนกินไม่สนใจจะช่วยเหลือคนในบ้านเลยสักเพียงนิด ภรรยาของพี่ชายคนรองก็ต้องทำงานบ้านงานเรือนทุกอย่างให้คนในบ้านจนไม่มีแม้เวลาจะพักผ่อน
สุดท้ายทั้งคู่ก็ล้มป่วยลงแม้แต่เงินที่ใช้รักษาก็ไม่มีแม้แต่หยวนเดียวเพราะอาการป่วยที่เรื้อรังนานวันเข้าทั้งคู่ก็จากไป ทิ้งไว้เพียงลูกชายคนเดียวของพวกเขานั่นก็คือ ซ่งหงอี้ ที่อายุได้เพียงเจ็ดขวบจึงกลายเป็นซ่งอวี่ถงที่ต้องรับเลี้ยงดูแทนนั่นเอง
ซ่งอวี่ถงชายตามองไปที่ภรรยาของตนเองแม้จะแต่งนางมาได้เกือบปีแล้วแต่เพราะเขาต้องไปร่ำเรียนหนังสือที่สำนักบัณฑิตในตัวเมืองเป่ยเย่ จะกลับมาที่บ้านก็เพียงเดือนละครั้งเท่านั้นทำให้เขาไม่ได้รู้สึกผูกพันใดๆ กับนางเลยแม้เพียงนิดแต่เมื่อเห็นคนที่ใกล้ตายเช่นนี้เขาเองก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย
“ท่านอาสามนางตายแล้ว”
ซ่งหงอี้ร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมดไม่รู้เพราะเหตุใดเจ้าเด็กแสบนี้ถึงได้ดูจะใส่ใจมู่อิงเถามากถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาก็เอาแต่พูดว่ารูปร่างหน้าตาและความรู้ที่นางมีไม่อาจเชิดหน้าชูตาท่านอาสามของเขาได้เด็กชายจึงไม่ใคร่จะชื่นชอบนางเท่าใดนัก
“เจ้าเด็กขี้โกหกกล้ากล่าวหาว่าข้าทำร้ายนางกระนั้นหรือ มาให้ข้าตีเสียดีๆ”
“ท่านแม่! หยุดเถอะ”
ฮูหยินใหญ่ซ่งไม่ฟังที่ซ่งอวี่ถงร้องขอนางกำลังจะใช้ไม้เท้านั้นฟาดลงไปที่กลางกระหม่อมของเด็กชายผู้โชคร้าย แต่ทันใดนั้นก็มีมือปริศนายื่นไปจับที่ไม้เท้านั้นได้ทันเวลาพอดี
เมื่อมองลงไปก็พบว่ามือนั้นคือมือของ มู่อิงเถา สตรีที่ทุกคนคิดว่าตายไปแล้วนั่นเอง
“ผะ ผีหลอก! ช่วยด้วยผีหลอก”