ตอนที่ 8 ความโกรธเคืองที่มิเคยจางหาย

1530 Words
มู่อิงเถาเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ มาสองสามอย่างเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนางจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตั้งใจจะไปดูอาการของเด็กชายอีกสักเล็กน้อย แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องแล้วประตูที่ถูกแง้มออกมาเพียงเล็กน้อยมองเห็นคนด้านในที่กำลังลงมือเช็ดเนื้อตัวให้เด็กชายอย่างเบามือ ทุกท่วงท่าของเขาช่างดูอ่อนโยนยิ่งนัก นางไม่อยากรบกวนทั้งคู่ตั้งใจจะเดินกลับไปในครัวแต่แล้วเสียงของซ่งอวี่ถงก็ดังแว่วออกมาจากในห้อง “เจ้าไม่เข้ามาล่ะ” มู่อิงเถาหันกลับไปมองเขาด้วยความรวดเร็ว ยังคงงุนงงไม่น้อยที่คนผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่านางมายืนอยู่ตรงนี้หรือว่าเพราะว่านางเดินเสียงดังจนทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวกระนั้นหรือ ‘คงต้องรีบลดน้ำหนักเสียแล้ว’ หญิงสาวค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนที่มีร่างสูงนั่งอยู่ข้างเตียงยังคงจ้องมองหลานชายของเขาไม่วางตา “ดูเหมือนหงเอ๋อจะไม่ทรมานมากเท่าใดแล้วนะเจ้าคะ” “ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น อีกสองวันข้าจะเข้าเมืองไปสำนักบัณฑิตขอลาหยุดสักเจ็ดวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า” “ไม่ต้องหรอกเจ้าคะพวกข้าอยู่ได้” “แต่หงเอ๋อบาดเจ็บเพียงนี้หากว่าบ้านนั้นมาระรานพวกเจ้าอีกจะทำอย่างไร ไม่ได้หรอกข้าไม่ไว้ใจ” “ทำมาก็ทำกลับสิ” แม้ซ่งอวี่ถงจะเห็นวีรกรรมของนางมาแล้วแต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดีจะทิ้งพวกนางไว้ที่นี่เพียงลำพังได้อย่างไร แต่ก่อนก็ยังมีพี่รองและพี่สะใภ้รองอยู่ด้วยแต่วันนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวแล้วที่เป็นที่พึ่งสำหรับนางและหลานชายคนนี้ “ข้าอยู่ได้น่า” มู่อิงเถายังคงยืนยันคำเดิมแต่ซ่งอวี่ถงก็เอาแต่ส่ายหน้าให้นาง “หลังกลับจากสำนักบัณฑิตข้าจะลองไปหาบ้านเช่าดูด้วย” “บ้านเช่า? ในเมืองเป่ยเย่นั่นน่ะหรือเจ้าคะ” “ใช่แล้ว ข้าตั้งใจจะให้พวกเจ้าไปอยู่ที่นั่นด้วยจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอีก” “ไม่เอาน่าท่านพี่จะไปเช่าให้เปลืองเงินทำไมกันเล่า ข้าดูแลหงเอ๋อได้หากว่าพวกนั้นมาระรานพวกข้าอีกข้าจะ…เอ่อจะ” ‘จะอะไรดีล่ะ’ “จะอะไรงั้นหรือ แม้ข้าจะเห็นว่าเจ้าปกป้องตัวเองได้แต่อีกไม่นานถึงอย่างไรแล้วพวกเราทั้งหมดก็ต้องย้ายเข้าเมืองกันอยู่ดีหาใช่จะอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่” ‘ไม่เอานะชะตาของข้าใกล้ขาดแล้วหรือ’ “เงินในบ้านของเราก็มีเพียงน้อยนิดไม่ใช่หรือหากท่านนำไปเช่าบ้านอีกแล้วพวกเราจะกินจะอยู่อย่างไรต่อไปกันเล่า” “ไว้ข้าจะจัดการเอง” “จัดการเอง? ท่านจะจัดการอย่างไรล่ะเจ้าคะ” มู่อิงเถาเริ่มคิดหนักขึ้นทุกที อยู่ๆ ก็รับรู้ได้ว่าสายตาเย็นเยือกนั้นกำลังจับจ้องมองนางอยู่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับดวงตาคมกริบของบุรุษตรงหน้า เขามองนางก่อนจะพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าไม่อยากไปจากที่นี่” “คือว่าข้า” ซ่งอวี่ถงจ้องมองนางอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันกลับไปจ้องมองหลานชายของเขาอีกครั้งแล้วนิ่งเงียบไป ไม่รู้เลยว่าในใจของเขากำลังคิดการสิ่งใดอยู่กันแน่ ‘จะเพราะเหตุใดกันนะที่ทำให้เขากลายเป็นคนร้ายกาจไปได้แล้วนางควรที่จะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้ชีวิตของนางอยู่รอดไปจนกว่าจะได้กลับบ้านกัน’ “พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขาอีกครั้งฝากเจ้าดูแลเขาด้วย” “ขึ้นเขา?” “อืม ไปหาของป่ามาขายเพิ่มอีกสักหน่อยน่ะข้าต้องเก็บเงินเอาไว้มากๆ จะได้พาพวกเจ้าไปอยู่ด้วยกันให้เร็วที่สุด” ไม่รอให้นางได้ถามสิ่งใดอีกเขาก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบเอาท่อนฟืนที่ตัดไว้มาก่อกองไฟความร้อนจากเปลวไฟทำให้นางเริ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้น หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปจ้องมองคนตรงหน้าในชั่วเวลาสั้นๆ เสี้ยวหน้าคมคายของชายหนุ่มฉายแววดุดันออกมาแต่แล้วก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเขารับรู้ได้ว่านางกำลังจ้องมองเขาอยู่ “คือว่าข้าง่วงแล้วท่านนอนเป็นเพื่อนหงเอ๋อแล้วกันนะเจ้าคะ” “อืม” มู่อิงเถารีบลุกขึ้นก่อนจะเดินไปนอนบนเตียงอีกฝั่งหนึ่งนางหันไปจ้องมองซ่งอวี่ถงอีกครั้งก็เห็นว่าเขาได้ทิ้งกายลงนอนด้านข้างของเด็กชายแล้ว เขาใช้แขนแกร่งก่ายหน้าผากของตนเองดวงตาคู่คมก็ปิดลงความเงียบงันนั้นทำให้นางคิดว่าเขาคงจะหลับไปแล้ว มู่อิงเถาหันหลังให้คนทั้งคู่ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงเพราะความเหนื่อยล้าทำให้นางเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว เพียงไม่นานซ่งอวี่ถงก็ลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงแล้วเดินย่องไปที่เตียงของนางด้วยย่างก้าวที่เบาที่สุด เขายืนจ้องมองใบหน้าของมู่อิงเถาด้วยแววตาที่แปลกไปจากเดิมความรู้สึกบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ภายในใจ 'เหตุใดต้องเป็นนาง!' มู่อิงเถาครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ๆ นางก็รู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนมีใครบางคนกำลังบีบคอของนางอย่างไรอย่างนั้น แต่แล้วความรู้สึกที่เหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจก็เบาบางลงใบหน้าที่กำลังขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดนั้นก็คลายลงเรื่อยๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นเคลื่อนขึ้นมาจนถึงลำคอ นางพยายามปรือตาขึ้นมากลับพบเพียงภาพที่เลือนลางเห็นเป็นเพียงร่างสูงของชายหนุ่มที่เดินกลับไปยังเตียงอีกฝั่งแล้ว ‘เมื่อครู่มันอะไรกันความรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตายนั้นน่ะ อย่าบอกนะว่า!...’ มู่อิงเถาพยายามข่มตาลงแต่ก็ไม่สามารถสลัดความคิดบ้าๆ นั่นออกไปจากหัวของนางได้ ‘ลิงฮุย เจ้าอยู่หรือไม่’ มู่อิงเถาพยายามเรียกหลิงฮุยเจ้าของมิติวิเศษเพื่อสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางในเวลานี้แต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเงียบไป ‘นอนหลับอย่างนั้นหรือเจ้าบ้าลิงฮุยเอ้ย! เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้กลับพึ่งพาอะไรไม่ได้เอาเสียเลย ให้ตายสิแล้วข้าจะหลับตาลงไปได้อย่างไรกันนะ’ -เช้าวันต่อมา- “อะ อาสะใภ้เหตุใดขอบตาของท่านถึงได้…” “อะไรหรือ” “ไม่มีอะไรหรอกขอรับข้าคงตาไม่ดีเอง” มู่อิงเถาไม่สนใจเขานางหันไปมองซ่งอวี่ถงที่กำลังเก็บของลงตะกร้าก่อนที่เขาจะก้มหน้าก้มตามัดเชือกกับซี่ไม้หลายชิ้นเพื่อทำบางสิ่งบางอย่างๆ ขะมักเขม้น เมื่อรู้สึกถูกจ้องมองเขาก็เงยหน้าขึ้นมาทันใดจนอีกฝ่ายถึงกลับสะดุ้งตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว “อะ เอ่อ ท่านทำอะไรอยู่งั้นหรือ” “ทำลอบดักปลา” “ท่านทำเป็นหรือ” “ข้าเป็นลูกชาวนานะเครื่องมือพวกนี้ล้วนทำเป็นตั้งแต่เด็กแล้ว” “น่าทึ่งเสียจริง” มู่อิงเถาทำใจกล้าเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เขาก่อนจะจ้องมองลอบดักปลาที่ซ่งอวี่ถงทำขึ้นมาจากไม้ไผ่ ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินของสิ่งนี้เพราะชาติที่แล้วของนางๆ เองก็เคยได้ยินมาบ้างแต่นั่นก็เป็นวิถีชีวิตของคนชนบทไม่ใช่ในเมืองหลวงปักกิ่งที่นางอาศัยอยู่ แน่นอนว่านางย่อมไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนนั่นเอง “ท่านพ่อของข้าเคยสอนให้ใช้นกจับปลา” “นกจับปลา?” “ใช่ แต่ว่าพักนี้จับนกว่ายากกว่าจับปลาเสียแล้ว” “ฮ่าๆๆ จริงหรือนี่” “เสร็จแล้วล่ะเจ้ารอข้าอยู่ที่บ้านกับหงเอ๋อ ข้าจะขึ้นเขาเสียหน่อยไปไม่นานหรอกเดี๋ยวก็กลับแล้ว” “ข้าไปด้วย” “ไม่ได้! แล้วใครจะดูแลหงเอ๋อกันเล่า” เวลานี้หงเอ๋อก็เจ็บป่วยอยู่หากนางเป็นอะไรขึ้นมาอีกคนมีหวังเขาคงต้องหยุดพักการเรียนต่อไปอีกหลายวันเป็นแน่ “ท่าอาสามข้าอยู่ได้ขอรับท่านปิดประตูให้แน่นหนาก็พอแล้ว น่าแปลกที่วันนี้ข้ากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่าเมื่อวานนี้แล้ว” “จริงหรือ” “ใช่ขอรับ” “หรือจะเป็นเพราะยาที่อาสะใภ้ประคบให้ข้าก็เป็นได้ไหนจะยาที่ท่านอาซื้อมาให้ข้าอีก ดังนั้นข้าอยู่ได้พวกท่านรีบไปเถอะข้าไม่อยากให้ท่านอาขึ้นเขาเพียงลำพังมีอาสะใภ้อยู่ด้วยข้าก็อุ่นใจแล้ว” ซ่งหงอี้ยิ้มให้เขาเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็คลายใจลงไปอย่างมาก “ข้าจะรีบไปรีบกลับ” “ขอรับ” “ไปกันเถอะ” “เจ้าค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD